ความฝันเสมือนจริง
rating: +20+x

ฟรองซัวส์ตื่นขึ้น ภาพในดวงตาสีฟ้าของเธอค่อยๆปรากฏขึ้นจากที่ภาพกำลังเบลอๆจนกระทั่งเห็นได้ชัดว่าห้องที่เธออยู่ในขณะนี้ก็คือห้องพยาบาล เธอมองไปรอบๆห้องก็พบว่าห้องนี้อยู่ในสภาพเก่า ๆ ตามกำแพงและพื้นห้องก็เต็มไปด้วยคราบดำ ๆ แสงไฟภายในห้องบ้างก็มืดสลัวบ้างก็ให้แสงสว่างแค่บางจุดราวกับว่าที่นี่ยังมีกระแสไฟฟ้าอยู่บ้างแม้ว่าจะถูกปล่อยไว้ให้รกร้างก็ตาม สำหรับในห้องพยาบาลที่ตอนนี้มีแสงไฟจากโคมไฟเฉพาะตรงหัวเตียงของเธอเท่านั้นที่ทำให้จุดที่เธออยู่นั้นสว่างจ้าที่สุด เธอไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแถมเธอยังอยู่ในชุดทำงานวิจัยอีกด้วย เพราะเธอจำได้ครั้งสุดท้ายว่าเธอนอนในห้องพักส่วนตัวของเธอในชุดนอน

เธอจัดแว่นตาที่เธอกำลังสวมอยู่นั้นให้เข้าที่จากนั้นก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากเตียง เธอเริ่มลงมือสำรวจสิ่งของรอบ ๆ ตัวเผื่อว่าเธออาจจะเจอสัมพาระของเธอเอง หรือไม่อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะเจอไฟฉายซักกระบอก แต่ทว่าเธอกลับไม่เจออะไรตามที่เธอต้องการเลย เธอจึงเดินออกจากห้องพยาบาล

เธอก้าวเดินอย่างช้าๆเรื่อยๆไปตามเส้นทางที่มีแต่แสงไฟสลัวๆหรือไม่ก็แค่ส่องแสงสว่างแค่เป็นบางจุด นอกจากคราบดำๆตามผนังกำแพงและพื้นห้องที่บ่งบอกว่าสถานที่นี้ถูกทิ้งร้างมานานมากแล้ว ในบางจุดนั้นก็มีรอยเลือดในขนาดต่าง ๆ ตั้งแต่แบบเป็นหยดน้ำเล็ก ๆ จนกระทั่งเหมือนเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ราวกับว่าเคยมีเหตุการณ์สังหารหมู่หรือฆาตกรรมหมู่เกิดขึ้นที่นี่ ซึ่งนั่นก็ไม่อาจทำให้เธอแปลกใจเมื่อจมูกของเธอจับกลิ่นคาวเลือดที่อาจหลงเหลือปนอยู่ในอากาศได้ในบางครั้ง บางห้องที่เธอเดินผ่านนั้นก็เหมือนราวกับว่าเคยเป็นที่กักกันของวัตถุ SCPs บางตัวมาก่อน เธอพยายามที่จะมองป้ายว่าห้องนั้นกักกับวัตถุ SCPs อะไร แต่ทว่าตัวอักษรข้อความและรูปภาพในป้ายต่างๆนั้นเลืองลางเกินกว่าที่ดวงตาของเธอจะมองเห็นว่าเป็นวัตถุ SCPs ชนิดไหน

ทันใดนั้น จู่ ๆ หูของเธอจับทางเสียงที่มีทิศทางมาจากทางด้านหลัง เธอหันหลังควับไปมองต้นเสียงทันทีตามสัญชาติญาณ เธอเห็นเงาของชายผู้หนึ่งเดินผ่านไป ความคิดของเธอตัดสินใจให้ร่างกายของเธอรีบวิ่งตามเขาไปแม้ว่าซิกเซ้นต์ของเธอจะห้ามเธอไม่ให้เธอตามเขาไปก็ตาม

เธอก้าวขาวิ่งออกไปตามเส้นทางหลักเรื่อย ๆ จนกระทั่งพบว่าชายผู้นั้นเขายืนอยู่ข้าง ๆ เตียงผู้ป่วยที่อยู่ตรงกลางห้องพยาบาล พื้นที่ใต้เตียงนั้นเต็มไปด้วยรอยคราบเลือดขนาดใหญ่ เธอได้วิ่งเข้าใกล้เขาจนกระทั่งเธอเห็นว่าผมของเขาเป็นสีดำ สวมเสื้อกาวน์สีขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสกปรกสีดำ สวมกางเกงขายาวและรองเท้าสีดำ เขาแลดูซีดเซียวจากสีผิวขาวปนเทาของเขา เขากำลังยืนหันหลังให้กับเธอ เธอหายใจหายซักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะเอ่ยทักเขา

“ขอโทษนะคะ คุณ—” เธอยังเอ่ยไม่ทันขาดคำ ชายผู้นั้นหันหัวแบบ 180 องศามายังเธอ เธอผงะถอยหลังด้วยความตกใจสุดขีดทันทีตามปฎิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อความกลัว “ชะ-เชี้ยอะไรเนี่ย!”

ชายผู้นั้นส่งเสียงกรีดร้องคำราม คลื่นรังสีความหวาดกลัวอันมหาศาลได้แผ่ปกคลุมพร้อมทั้งเข้าครอบงำความคิดและจิตใจของเธอทันที สมองของเธอสั่งให้ขาของเธอออกตัววิ่งและขาของเธอได้ทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็วแม้ว่าจะดูทุลักทุเลในตอนแรกเนื่องจากความตกใจกลัวสุดขีด เธอวิ่งหนีออกจากจุดนั้นไปอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งหนีเข้าตู้เหล็กเก็บของใบหนึ่งในห้องออฟฟิศที่มีความกว้างและความสูงพอที่จะหลบซ่อนได้ทันทีหลังจากที่สายตาของเธอเหลือบไปเห็น เธอนั่งลงทันทีและพยายามทำตัวให้เงียบที่สุดแม้ว่าเธอจะเหนื่อยล้าและหวาดกลัว

สักพักหนึ่งเสียงฝีเท้าค่อยๆดังก้องขึ้นมา ชายผู้นั้นเดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆพร้อมกับมีดเดินป่าขนาด 8 นิ้ว เขาก้าวเดินไปรอบ ๆ ห้องอย่างช้า ๆ ราวกับว่าเขาพยายามฟังเสียงจากสิ่งมีชีวิตที่อาจจะหลบซ่อนอยู่ภายในห้องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิ่งของที่อาจใช้เป็นที่หลบซ่อนได้ อย่างเช่นตู้เหล็กใบนี้ที่เธอกำลังหลบซ่อนจากเขาอยู่

ปอดของเธอพยายามปล่อยลมหายใจให้เงียบที่สุดหลังจากที่หูของเธอจับเสียงฝีเท้าที่เดินตรงมายังตู้เหล็กที่เธอกำลังหลบอยู่ข้างใน เธอรู้สึกว่าแสงไฟในห้องออฟฟิศที่สาดส่องผ่านทางช่องต่าง ๆ ของตู้เหล็กถูกบดบังด้วยเงาของเขาราวกับเกิดสุริยุปราคา หูของเธอพยายามจับเสียงรอบตัว เสียงฝีเท้าของเขายังวนเวียนอยู่แถว ๆ ตู้เหล็กที่เธอกำลังหลบซ่อนราวกับว่าเขากำลังจะพยายามจ้องมองเข้ามาข้างใน ต่อมาแสงที่สาดส่องผ่านทางช่องต่างๆของตู้เหล็กได้กลับมาสาดส่องอีกครั้งและเสียงฝีเท้าได้หายไปทันทีหลังจากนั้น

ความคิดของเธอสั่งห้ามร่างกายของเธอไม่ให้ออกจากที่ซ่อนไปในตอนนี้ ดังนั้นเธอพยายามอยู่ให้นิ่งที่สุดไปเรื่อย ๆ จนกว่าเธอจะแน่ใจว่าเสียงที่หายไปนั้นไม่ใช่เป็นการซุ่มของนักล่าที่กำลังรอเหยื่อให้ออกมาจากที่ซ่อน

ในที่สุด เสียงฝีเท้าได้ดังขึ้นใกล้ๆตู้เหล็กที่เธอกำลังหลบซ่อน ความคิดของเธอและร่างกายของเธอนั้นได้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆเสียงฝีเท้าของชายผู้นั้นจะหายไปเฉยๆหลังจากที่เดินมาใกล้ ๆ ที่ซ่อนของเธอ นอกจากว่าอีกฝ่ายจะซุ่มดักรอให้เธอออกมาแล้วก็ลงมือฆ่าเลย หลังจากที่เสียงฝีเท้าของเขาค่อย ๆ ไกลออกไปจากห้องจนกระทั่งหูของเธอไม่สามารถจับเสียงฝีเท้านั่นได้อีก เธอนั่งรออีกครั้งซักระยะหนึ่งจนกว่าเธอจะแน่ใจว่าเขาจะไม่ได้รอดักซุ่มเธอให้ออกมาจากที่ซ่อนก่อนที่เธอค่อยๆออกจากตู้เหล็กและเดินออกไปจากห้อง

เธอเดินผ่านห้องต่าง ๆ ตามเส้นทางไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอห้องหนึ่งที่มีประตูที่เชื่อมไปยังอีกโซนหนึ่ง ที่แน่ ๆ ในตอนนี้เธอคิดว่าเธอต้องหาห้องควบคุมไฟฟ้าเป็นลำดับแรกเนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้าบริเวณนั้น ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เธอใช้บัตรคีย์การ์ดระดับ 3 ของเธอผ่านประตูไปไม่ได้ จากนั้นเธอเดินผ่านห้องต่างๆตามเส้นทางไปเรื่อย ๆ อีกครั้งจนกระทั่งสายตาของเธอสะดุดกับป้ายสีเหลืองที่บอกว่าเป็นห้องควบคุมไฟฟ้า เธอเดินเข้าไปที่ห้องควบคุมไฟฟ้า กวาดสายตามองหาตรงที่คิดว่าน่าจะเป็นจุดที่ควบคุมไฟฟ้าของประตูที่เชื่อมไปยังอีกโซนหนึ่ง ซักพักหนึ่งเธอเจอสวิตขนาดใหญ่ที่บ่งบอกว่าเป็นสวิตไฟฟ้าของประตูนั้น จากนั้นเธอก็สับสวิตลง

หลังจากที่เธอสับสวิตลง สายตาของเธอเหลือบไปเห็นภาพจากจอกล้องวงจรปิดภาพหนึ่งที่เผยให้เห็นชายผู้นั้นที่กำลังตามล่าเธอ กำลังเดินตรงเข้ามาในห้องควบคุมไฟฟ้าราวกับเขามีเรดาร์ตรวจจับเธอและตรวจพบแล้วเธอได้อยู่ในห้องนี้แน่ ๆ เธอคิดว่าเป็นไปได้ที่เขาจะรู้ตัวว่าเธออยู่ที่นี่หลังจากที่จู่ๆกระแสไฟฟ้าของประตูเชื่อมไปยังอีกโซนหนึ่งได้ทำงาน

ตอนนี้หูของเธอได้ยินเสียงฝีเท้าอย่างชัดเจนแล้วแถมเสียงนั้นก็ดังและยิ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้นไปอีก แต่ในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้องออก เหล็กปลายแหลมได้พุ่งตรงตามความเร็วของชายผู้นั้นมายังเธอทันทีราวกับว่าพยายามจะพรากลมหายใจไปจากเธอ เธอรีบวิ่งออกไปจากห้องทันที เมื่อเธอวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ และเจอห้องโซนประตูทางเชื่อมไปยังอีกโซนหนึ่ง เธอก็รีบใช้บัตรคีย์การ์ดระดับ 3 ของเธอวิ่งข้ามเข้าเขตอีกโซน พอเธอวิ่งเข้าข้ามมาแล้วเธอรีบใช้บัตรคีย์การ์ดของเธอปิดประตูทันทีและจากนั้นก็รีบวิ่งออกห่างจากจุดอันตรายบริเวณนั้น

เธอเร่งฝีเท้าวิ่งได้ซักพักหนึ่งจนเธอรู้สึกว่าชายผู้นั้นไม่ได้ตามเธอมาด้วยแล้ว เธอจึงรู้สึกโล่งใจจากนั้นก็นั่งพิงกำแพงเพื่อพักเหนื่อยจากการที่เธอใช้แรงออกตัววิ่ง แต่ทว่าสายตาของเธอเหลือบไปชายผู้นั้นกลับยืนจังก้าตรงหน้าเธอราวกับว่าเขาวาร์ปหรือล่องหนมายังบริเวณที่เธออยู่ได้ เธอไม่รู้ว่าเขาใช้แผนการหรืออะไรที่ทำให้เขาสามารถตามหาเธอจนเจอได้ยังไง แต่ที่แน่ๆความคิดของเธอได้ตะโกนบอกให้ร่างกายของเธอออกวิ่ง

เธอวิ่งย้อนกลับไปเส้นทางเดิม แต่ปรากฏว่าเส้นทางเดิมที่เธอวิ่งผ่านมากลับมีรอยเลือดสดๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งกลายเป็นน้ำท่วมพื้นขนาดย่อม ๆ ที่สามารถได้ยินเสียงน้ำแฉะๆตามทุกๆฝีเท้าที่กระทบกับแอ่งน้ำเลือดบนพื้นจนกระเด็นเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของเธอโดยเฉพาะบริเวณช่วงขาลงไป และคราวนี้จมูกของเธอสามารถจับกลิ่นคาวเลือดได้อย่างชัดเจนซึ่งแตกต่างจากตอนแรกที่เธอพึ่งตื่นอย่างสิ้นเชิง เส้นทางเก่าที่เธอกำลังวิ่งย้อนกลับไปขณะนี้ได้กลับกลายเป็นกำแพงทางตันที่ย้อมไปด้วยคราบเลือดสด ๆ แทนที่จะเป็นห้องที่มีประตูที่เชื่อมไปยังอีกโซนหนึ่ง เธอช็อกสุดขีดและไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

เธอรีบหันหลังควับไปทันที สายตาของเธอเห็นชายผู้นั้นเดินย่างสามขุมตรงมายังเธอพร้อมกับมีดที่เขาถือ เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอขยับไม่ได้ราวกับว่าถูกแรงดันที่มองไม่เห็นกดทับเอาไว้แม้ว่าเธอจะพยายามขืดขืนต่อต้านก็ตาม ทันใดนั้นร่างของเธอก็ทรุดนั่งลงไปกับพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเลือด คราวนี้เสื้อผ้าเกือบทั่วทั้งตัวเปอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงสดหลังจากที่เธอทรุดตัวลงไปนั่ง กลิ่นคาวเลือดสด ๆ ได้สัมผัสกับจมูกของเธออย่างเต็มที่และเข้มข้นขึ้นมากจากระยะห่างที่เข้าไปใกล้มากกว่าเดิม เมื่อสายตาของเธอจับจุดไปที่ใบมีดก็พบว่าใบมีดนั้นสลักสัญลักษณ์บางอย่างที่ดูลักษณะเหมือนเป็นไสยศาสตร์มนตร์ดำ ความคิดของเธอได้แล่นเข้าสู่สมองของเธอทันที เฮ้ยหรือว่าจะเป็นพวก—

“…พวก SCP อย่างแกจะต้องตาย…” ชายผู้นั้นเอ่ย น้ำเสียงของเขาแหบกร้านแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาและความอาฆาตแค้น เธอไม่รู้หรอกว่าทางสถาบันหรือตัวเธอเองในฐานะคนของทางสถาบันเคยไปทำอะไรให้เขา แต่ตอนนี้เธอต้องพยายามออกแรงให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่มองไม่เห็นนี่ซะก่อน เธอดิ้นรนสุดฤทธิ์แต่ทว่าร่างกายของเธอนั้นกลับตอบสนองตรงข้ามกับความต้องการของเธอ จากนั้นเหล็กปลายแหลมได้พุ่งตรงมายังเธอทันทีที่ชายผู้นั้นพุ่งตรงเข้ามา

เธอกรีดร้องพร้อมกับหลับตาโดยทันทีโดยที่ไม่รอให้ปลายแหลมคมมาถึงตัวเธอ ต่อมาเธอก็เข้าสู่ห้วงแห่งความมืดราวกับว่าจู่ ๆ เธอถูกดูดเข้าไปในหลุมดำอันเว้งว้างที่ไม่มีจุดสิ้นสุด จากนั้นเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้องพักของเธอ

เธอถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอกที่ว่าโชคดีที่เธอแค่ฝันไปเอง แต่เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าความฝันของเธอในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ เนื่องจากว่าความฝันของเธอในครั้งนี้เหมือนเธอได้หลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง อาจจะนับว่าเป็นมิติคู่ขนานก็ได้…โลกที่เต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับที่เธอสามารถได้ยินและสัมผัสได้ราวกับว่าเธอได้ไปอยู่ที่นั่นจริง ๆ…

เธอลุกขึ้นมาจากเตียงและดำเนินการธุระส่วนตัวก่อนที่จะออกจากห้องไปทำงานวิจัยตั้งแต่เช้า หลังจากที่เธอออกจากห้อง ร่างของชายผู้นั้นที่มองเธอได้สะท้อนอยู่ในกระจกก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแสงอาทิตย์ปรากฏขึ้นราวกับว่าช่วงเวลาราตรีที่เป็นของเขาได้จบลง

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License