.
รูปที่ 1.1 ตัวตนรูปร่างมนุษย์พื้นเมืองถูกพบกลางอากาศ
วัตถุ#: ข้อมูลถูกจำกัดตามมาตรการ 4000-ESHU
ระดับ: Keter
มาตรการจัดเก็บพิเศษ: สถานที่ตั้งนอกมิติที่อธิบายไว้ด้านล่าง รวมทั้งตัวตนและจุดสังเกตที่อยู่ในนั้นคือ ภัยพิบัติทางชื่อ (Eshu Class) และเพราะเหตุนั้นจึงไม่อาจอ้างถึงด้วยชื่อ หัวข้อ หรือการนิยามใดๆ สามารถใช้เฉพาะคำอธิบายเมื่ออ้างถึงป่าที่อยู่ภายนอกพื้นที่ตามบรรทัดฐานและตัวตนพื้นเมืองของมัน ต้องมีการเปลี่ยนแปลงคำอธิบายเหล่านี้ทุกครั้งที่มีการอธิบายวัตถุ คำอธิบายจะมีรหัสสีเพื่อความชัดเจน และอาจจะมีการใช้คำฟุ่มเฟือยเพื่อความหลากหลายของชื่อได้
ในกรณีที่มีการละเมิดการกักกันทางการตั้งชื่อ มาตรการจัดเก็บใหม่มาตรฐาน Eshu Class จะต้องดำเนินการโดยบุคคลที่รับผิดชอบเรื่องการละเมิดทันที หากบุคคลนั้นไม่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้ ความรับผิดชอบจะตกอยู่กับญาติผู้ใกล้ชิดของผู้รับผิดชอบต่อไป
หากบุคคลที่รับผิดชอบต่อการละเมิดไม่มีญาติผู้ใกล้ชิดที่รู้จักแล้ว ชื่อของบุคคลนั้นจะต้องถูกลบออกจากเอกสารและบันทึกที่มีอยู่ทั้งหมด บุคคลอื่นใดที่มีชื่อเดียวกันจะต้องได้รับการลบความทรงจำ Type-G และได้รับชื่อใหม่
ตามคำสั่ง O5-4000-F26 ต้องมีการสำรวจพื้นที่ป่าที่แปลกและอันตรายที่ประสบความสำเร็จเกิดขึ้นอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อต่อปีเพื่อประเมินความเบี่ยงเบนจากความผิดปกติพื้นฐาน เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงในการเข้าไปในสถานที่ที่พบผู้ไร้นาม บุคลากรที่ถูกส่งไปทำการวิจัยจะต้องได้รับการฝึกอบรมในมาตรการสำรวจมาตรฐานตามรายละเอียดใน 4000-SEP
เอกสารที่ไม่ได้รับอนุญาตของป่าที่พบในปล่องไฟจะต้องถูกระงับผ่านมาตรการกักเก็บข้อมูลมาตรฐาน บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตที่มีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอน 4000-Halloway จะต้องได้รับการลบความทรงจำ และอาจได้รับการปล่อยตัวหลังจากผ่านช่วงฟื้นฟูทางการอภิปรายแล้ว
รายละเอียด: SCPในประเด็นคือพื้นที่ป่านอกมิติที่มีคุณสมบัติที่ผิดปกติมากมายรวมถึงปรากฏการณ์ทางการตั้งชื่อที่เป็นภัย ตำแหน่งที่ผิดปกตินี้เข้าถึงได้โดยการดำเนินการ 4000-Halloway (ดูเอกสาร DOC-4000-H) หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอน วัตถุจะโผล่ออกมาจากบ่ออิฐที่ผุพังที่เปิดออกบนพื้นป่า (ดูรูปที่ 1.2)
วิธีเดียวที่จะสำรวจภูมิประเทศที่ผิดปกติได้อย่างน่าเชื่อถือคือการใช้ทางเดินดินหนึ่งทาง การสำรวจนอกเส้นทางเส้นทางที่บอกจะส่งผลให้สูญเสียการติดต่อกับผู้ทดลองที่เข้าร่วมทันที ถนนที่ปลอดภัยเพียงเส้นเดัยวสามารถเดินทางได้เพียงทิศทางเดียวและความพยายามใดๆของผู้ทดลองที่จะหันกลับและกลับไปทางที่พวกเขามาจะทำให้สูญเสียการติดต่อเช่นกัน
โลกไร้นามนั้นไม่เป็นไปตามข้อจำกัดของพื้นที่เชิงเส้น ความพยายามในการทำแผนที่ส่งผลให้มีการบันทึกเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างมากมายในการเดินทางแต่ละครั้ง และส่วนหนึ่งของทางบังคับที่ตามหลักแล้วจะตัดหรือทับซ้อนกันก็ไม่เกิดขึ้น ความสอดคล้องเพียงอย่างเดียวในโครงสร้างคือจุดเชื่อมต่อซึ่งจะอยู่ที่ปลายทั้งสองด้านของถนนสายหลักเสมอ
วิธีเดียวที่จะทำให้ผู้ทดลองออกจากป่าที่ไร้ชื่ออย่างปลอดภัยหลังจากที่พวกเขาเริ่มเดินตามทางก็คือการเดินให้ครบความยาวทั้งหมดและกลับไปที่สถานที่ที่พวกเขาเริ่มต้นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ตัวตนที่ผิดปกติต่างๆที่มีถิ่นฐานอยู่ในที่อยู่ไร้นามได้ถูกบันทึกไว้ ตัวตนพื้นเมืองมักมีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทางกายภาพเมื่อไม่มีการสังเกตทำให้ยากสำหรับนักวิจัยที่จะระบุว่าตัวที่ถูกบันทึกไว้เป็นตัวใหม่หรือตัวที่เคยถูกบันทึกไว้แต่เกิดการเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่กันแน่ ตัวตนเหล่านั้นอ้างว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้และมักแสดงความไม่พอใจเมื่อมันเกิดขึ้น
ตัวตนพื้นเมืองมักขัดขวางบนทางเดินที่ผู้ทดลองย่างก้าวอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ผู้ทดลองมีความจำเป็นที่จะโต้ตอบกับพวกมันตามขั้นตอน ตัวตนพื้นเมืองนั้นฉลาดและมักจะมีความเจ้าอารมณ์สูง แต่สามารถโต้ตอบได้อย่างปลอดภัยตราบใดที่ปฏิบัติตามข้อควรระวัง 4000-SEP ผลของการเพิกเฉยต่อข้อควรระวังเหล่านี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของบุคคลที่กระทำผิด: ระดับของการเอาคืนที่พบได้แก่ การด่าทอ การกระทำที่รุนแรง และทำการดัดแปลงอย่างผิดปกติต่อผู้ทดลองทางการภาพ แนวคิด หรือคุณสมบัติของชื่อ
ปรากฏการณ์ผิดปกติต่างๆอาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ศัพท์ที่สอดคล้องกันในการตั้งชื่อกับดินแดนอันมิอาจตั้งชื่อ ตัวตนพื้นเมืองของมัน หรือจุดสังเกตของมัน ความเข้าใจในปรากฏการณ์เหล่านี้ยังคงมีนิดเดียวเท่านั้น บางส่วนเป็นผลมาจากการห้ามการทดลองทางชื่อภายใต้คำสั่ง O5-4000-F26
ปรากฏการณ์ทางการตั้งชื่อที่บันทึกไว้ได้แก่:
- เกิดภาวะปวดหัวรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเป็นครั้งคราวในหมู่ผู้ทดลองที่เปิดเผยชื่อที่ได้รับผลกระทบ
- อาการหลอนทางสายตาและการได้ยินในหมู่ผู้ทดลองที่เปิดเผยชื่อ โดยปกติจะเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมหรือตัวตนที่ถูกอธิบายโดยการตั้งชื่อ นอกจากนี้อาการหลอนทางรสชาติและทางกลิ่นยังได้รับรายงานในกรณีกลุ่มย่อยๆ
- อาการหลงลืมทางจิตเวชอย่างกะทันหันในหมู่ผู้ทดลองที่เปิดเผยชื่อ
- การพัฒนาลักษณะทางกายภาพใบแบบที่ไม่ใช่มนุษย์ในหมู่ผู้ทดลองที่เปิดเผยชื่อ เช่นขนนกและถุงเกสร
- การพัฒนาองค์ประกอบทางชีวภาพในสื่อที่ไม่ใช่ชีวภาพที่ชื่อถูกเขียนหรือบันทึก
- การรเคลื่อนย้ายโดยไม่สมัครใจอย่างกะทันหันของผู้ทดลองที่เปิดเผยชื่อไปที่ถิ่นทุรกันดารของสิ่งที่ไร้ชื่อโดยไม่ต้องใช้ขั้นตอน 4000-Halloway
- การเกิดพันธุ์ไม้ดอกต่างๆภายในพื้นที่ที่ชื่อถูกนำไปใช้
- การเคลื่อนย้ายอย่างกะทันหันของตัวตนพื้นเมืองไปที่พื้นที่ที่ถูกนำชื่อไปใช้
- การหลอมรวมทางชีวภาพของผู้ทดลองที่เปิดเผยชื่อและตัวตนพื้นเมือง
- การหลอมรวมทางชีวภาพของตัวตนพื้นเมืองและพื้นที่ทางสถาปัตยกรรมที่ถูกนำชื่อไปใช้
- การขาดธาตุเหล็กอย่างมากโดยไม่มีผลข้างเคียงเชิงลบที่คาดไว้ของผู้ทดลองที่เปิดเผยชื่อ
ตำสั่ง O5-4000-F26 ได้รับการรับรองโดยสภาผู้บริหารในปี1954 การแก้ไขในปี 1970 กำหนดให้ O5-4000-F26 ต้องได้รับการรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์จากสภาทุกๆ10ปีเพื่อให้ยังคงมีผลบังคับใช้ ถึงวันนี้ ยังไม่มีบันทึกข้อตกลงของผู้บริหารเกี่ยวกับ O5-4000-F26 ที่ถูกเผยแพร่ให้มีการลดระดับปล่อยผ่านลง
.
REQUEST="Notable_CB"
…
…
…
[ACCESS: GRANTED]
ภาคผนวก: ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของปรากฏการณ์ผิดปกติที่พบในระหว่างการละเมิดตั้งชื่อ
วันที่ละเมิด: 9 มิถุนายน 1954
ชื่อวัตถุ: ที่โล่งที่พวกเราไม่ค่อยได้พูดถึง
สรุป: การค้นพบครั้งแรกและการละเมิดที่ตามมาที่เกิดขึ้นในบ้านร้างในชนบทรัฐคอนเนตทิคัต สถานการณ์ของการค้นพบนั้นไม่ชัดเจนเนื่องจากไม่มีบุคลากรที่รอดชีวิต แต่มีเส้นเวลาของเหตุการณ์ที่ทำขึ้น การประทับเวลาเป็นรูปแบบมาตรฐาน NATO
[1340S] แอ่งที่มิอาจเอ่ยสมญาถูกค้นพบและได้รับการนิยาม Type-E5 เป็นการชั่วคราวโดยเจ้าหน้าที่ภาคสนามการ์เร็ต แบรดลีย์ เกิดเป็นการละเมิดตั้งชื่อ
[1345S] เจ้าหน้าที่ภาคสนาม มอยล่า เดน็อตติเข้าไปยังที่ดินเหนือปล่องควันและหายตัวไป
[1347S] เจ้าหน้าที่แบรดลีย์เริ่มค่อยๆจมลงไปในพื้นไม้เนื้อแข็ง เจ้าหน้าที่ใกล้เคียงหนีออกจากพื้นที่
[1348S] หลังจากออกจากบ้านไม่นาน เจ้าหน้าที่ทั้งหมดถูกทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ในทันที ยกเว้น ทิโมธี วู๊ดส์ ผู้ที่ไม่ทราบถึงการนิยาม Type-E5
[1349S] เจ้าหน้าที่ที่เคลื่อนที่ไม่ได้เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างความทุกข์ขณะที่ลำตัวของพวกเขายืดออก
[1351S] การยืดตัวสิ้นสุดลงหลังจากเจ้าหน้าที่มีความสูงใกล้เคียงกับปล่องไฟที่ดำเนินการขั้นตอน 4000-Halloway ควันโพยพุ่งออกมาจากอวัยวะบนใบหน้า ทิโมธี วู๊ดส์รายงานการพัฒนาเหล่านี้ทางวิทยุไปยังไซต์-08 การละเมิดครั้งที่สองเกิดขึ้นตอนที่ทิโมธี วู๊ดส์ใช้วลี"█████"ซ้ำๆเพื่ออธิบายโลกที่คำพูดมีพลัง
[1355S] ทิโมธี วู๊ดส์ระบุว่าเขา"เห็นชื่อ[ของเขา]อยู่ในต้นไม้" บุคลากรไซต์-08 บีบคั้นทิโมธี วู๊ดส์เพื่อข้อมูลเพิ่มเติม ทิโมธี วู๊ดส์พยายามที่จะกินวิทยุของเขาด้วยปากเปล่าและตายหลังจากนั้นไม่นานจากบาดแผลภายในร่างกาย
[1359S] ผู้ประสานงานกับทิโมธี วู๊ดส์ที่ไซต์-08ถูกพบว่ามีอาการทรมานจากการปวดหัวอย่างรุนแรงและถูกกักบริเวณ
[1424S] ส่วนที่ยื่นออกมาจากกระดูกที่มีลักษณะคล้ายกิ่งไม้งอกออกมาจากกระดูกเบ้าตาของบุคลากรไซต์-08ที่ถูกกักกัน บุคลากรรายงานว่าไม่มีความรู้สึกไม่สบายตัวแม้จะมีการแสดงให้เห็นว่าดวงตาทั้งสองทะลักออกมาจากเบ้าโดยสมบูรณ์
รายงานหลังจบ: ในที่สุดก็มีการค้นพบความผิดปกติจากการตั้งชื่อหลังจากทดลองแบบหลายตัวแปรกับระดับDที่สัมผัสกับบุคลากรของไซต์-08ที่ได้รับผลกระทบซ้ำไปมาหลายรอบ
วันที่ละเมิด: 22 ธันวาคม 1955
ชื่อวัตถุ: ทางเท้าที่วนรอบพื้นที่ทั้งหมด
สรุป: เดสค์ เดสค์เสร็จสิ้นภารกิจสำรวจซึ่งเป็นครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จในป่าละเมาะใต้ดวงดาวไร้นามและถูกกักตัวทันที หลังจากไม่แสดงอาการผิดปกติเป็นเวลา72ชั่วโมง เดสค์ เดสค์ก็ได้รับอนุญาตให้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขา เมื่อนักวิจัยกลับไปตรวจสอบความคืบหน้าของเขา เดสค์ เดสค์ก็หายตัวไป พบร่องรอยของดินและเนื้อเยื่อของมนุษย์ที่ดินสอ กระดาษ และฮาร์วี่ย์ มานส์ฟิลด์ที่เดสค์ เดสค์เคยใช้ในการเขียนของเขาในเวลาต่อมา
วันที่ละเมิด: 19 สิงหาคม 1958
ชื่อวัตถุ: ตัวตนพื้นเมืองซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูกและเลี้ยงดูเด็กที่กำลังลุกเป็นไฟ
สรุป: หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำรวจ เจ้าหน้าที่ภาคสนาม อีธาน เมอร์ซี่ เมอร์ซี่ เมอร์ซี่ เมอร์ซี่ได้ใช้คำคุณศัพท์เดียวกันหลายครั้งเมื่ออธิบายตัวตนพื้นเมืองที่จำเพาะ หลายนาทีต่อมา เขาบ่นว่าคลื่นไส้อย่างรุนแรงและเริ่มอาเจียนเป็นเลือดและไขกระดูก
ในช่วงหลายชั่วโมงเจ้าหน้าที่ อีธาน เมอร์ซี่ เมอร์ซี่ เมอร์ซี่ เมอร์ซี่รายงานว่ากระดูกส่วนใหญ่ของเขาถูกขับออกทางปาก บุคลากรในไซต์-08พบกับเสียงหลอนเป็นเสียงหัวเราะของผู้หญิงคนหนึ่งในอีกหลายวันต่อมา
วันที่ละเมิด: 4 มีนาคม 1966
ชื่อวัตถุ: ตัวตนพื้นเมืองที่มีลักษณะคล้ายสิงโตที่ปกคลุมขนนกที่มีหัวเป็นโครงกระดูกแกะ
สรุป: นักศึกษามหาวิทยาลัย วาเนซซ่า เฮย์ฟอร์ทพยายามตรวจสอบสถานพยาบาลหลายแห่งในและรอบๆพอร์ทแลนด์ รัฐออริกอน เธอบ่นว่าศีรษะของเธอได้มีเนื้อปกคลุมแม้ว่าจะไม่มีร่องรอยของการเติบโตของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ สุดท้ายเธอก็ถูกเจ้าหน้าที่สืบสวนของสถาบันควบคุมตัวและพบว่ามีหนังสือที่อธิบายขั้นตอน 4000-Halloway ไว้ทั้งหมด(รวมทั้งเรื่องอื่น)ในการครอบครอง หลังจากกำหนดให้บุคลากรของสถาบันช่วยเอาเนื้อออกจากศีรษะของเธอหากเธอให้ความร่วมมือ เฮย์ฟอร์ทสารภาพว่าเธอได้รับหนังสือเล่มนี้มาจากคนรู้จักในหอสมุดแห่งผู้พเนจร
รายงานหลังจบ: นี่เป็นกรณีแรกที่ทราบที่เกิดการละเมิดการตั้งชื่อโดยพลเรือน เหตุการณ์ที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นเป็นระยะๆตั้งแต่นั้นมา ในปี 2012 ตัวตนพื้นเมืองที่ถูกถ่ายนั้นดูคล้ายคลีงอย่างมากกับเฮย์ฟอร์ดตอนเด็ก(รูปที่ 1.1) หลังจากผ่านมากว่าสองทศวรรษที่เฮย์ฟอร์ดเสียชีวิตในความดูแลของสถาบัน
วันที่ละเมิด: 30 ตุลาคม 1992
ชื่อวัตถุ: บ้านที่ไมเคิล แอชลีย์ วินเซนต์ใช้เวลาพักอยู่หลายคืนระหว่างภารกิจสำรวจของเขา
สรุป: เจ้าหน้าที่ไมเคิล แอชลีย์ วินเซนต์ ซึ่งเคยทำภารกิจสำรวจสำเร็จเมื่อหลายปีก่อนใช้วลีแสดงความเป็นเจ้าของว่า"บ้าน██"หลายครั้งในขณะที่เล่าเรื่องให้เพื่อนร่วมงานที่ไม่มีชื่อสองคนฟัง
ในเวลาต่อมา อาคารอิฐขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นภายในไซต์-08 ตัดกับสถาปัตยกรรมที่โผล่มา ร่างไร้หัวของไมเคิล แอชลีย์ วินเซนต์ถูกพบอยู่ภายใน ในสภาพถูกยึดอย่างรุนแรงและส่วนคอถูกรวมเข้ากับโคมไฟที่ทำจากเขากวาง ใบหน้าของเขาซึ่งไม่พบว่ามีชีวิตอยู่แล้วได้ขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นพื้นที่ผิวทั้งหมดของพื้นอาคาร
เจ้าหน้าที่ภาคสนามถูกส่งเข้าไปภายในปากบนใบหน้าพบว่ามันไม่มีทางเดินอาหารที่เต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามเพื่อนร่วมงานไร้ชื่อของไมเคิล แอชลีย์ วินเซนต์ถูกรายงานว่าลิ้นไก่ของพวกเขาเชื่อมต่อกัน
.
.
REQUEST="DOC-4000-H"
…
…
…
[ACCESS: GRANTED]
4000-Halloway: ต่อไปนี้เป็นรายการคำแนะนำที่ถูกเซ็นเซอร์สำหรับการเข้าถึงขอบฟ้าเหนือป้ายกำกับ บางขั้นตอนจะถูกละไว้ในเอกสารเวอร์ชันนี้ วลีและวลีตอบโต้ในตอนท้ายของขั้นตอนจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของผู้ทดลอง: ลูกคนโตในครอบครัว (ประเภท-1), ลูกคนกลาง (ประเภท-2), หรือลูกคนเล็ก/ลูกคนเดียว (ประเภท-3)
- ใช้การจุดไฟแบบอินทรีย์ เริ่มจุดไฟที่มีความสม่ำเสมอที่เตาผิงในร่มสักแห่ง
- รวมผงกระดูกของจิ้งจอกแดงตัวผู้(Vulpes vulpes อายุเท่าใดก็ได้), สิงโตตัวผู้ที่โตเต็มวัย(Panthera leo), และปลาวาฬบาลีน(Mysticeti อายุเท่าใดก็ได้ เพศใดก็ได้) โยนส่วนผสมลงในกองไฟ
- หยิบของส่วนตัวที่มีค่าทางอารมณ์อย่างมากที่เผาได้ง่ายออกมาและปล่อยให้ไฟเผาผลาญมัน
- ปล่อยขนสามเส้นจากนกขนสีดำสกุลCorvusลงบนเปลวเพลิงอย่างระมัดระวังและปล่อยให้ควันลอยขึ้นไปบนปล่องควัน
- หากไฟเริ่มเปล่งเสียง ตอบกลับด้วยวลีตอบโต้ที่เหมาะสม (ดูวลีและวลีตอบโต้ด้านล่าง)
- หากข้อความถูกต้อง เตาไฟจะขยายตัวและมีบันไดลงมา ไฟจะไม่เป็นอันตราย
- หากมีข้อความที่ไม่ถูกต้องไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ให้ขอโทษทันทีและอย่าพยายามทำตามขั้นตอน 4000-Halloway อีกไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตามในอนาคต
หมายเหตุ: บุคคลที่อยู่ในระหว่างขั้นตอน 4000-Halloway แต่ไม่ใช่ผู้ที่ปฏิบัติขั้นตอน 4000-Halloway ต้องไม่โต้ตอบต่อการเปล่งเสียงหรือเข้าใกล้เตาไฟที่ใช้งานไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆก็ตาม
วลี: ป่านี้มีกฎ
วลีตอบโต้: หรืออย่างที่พวกเขากล่าว
วลี: และถ้าคุณละเมิดมัน?
วลีตอบโต้: คือราคาที่เราต้องจ่าย
วลี: มีใครอยู่นั่นไหม?
วลีตอบโต้: มันมีแค่เรา
วลี: แล้วนายเป็นใคร?
วลีตอบโต้: คิดว่านายคงรู้
วลี: คุณแสวงหาอะไร?
วลีตอบโต้: การเดินไปตามแมกไม้
วลี: ถ้าอย่างนั้นก็ระวังมารยาทให้ดี
วลีตอบโต้: ขอโปรดให้ได้เดินด้วยเถิด
END="DOC-4000-H"
.
.
REQUEST="Standard_Exploration_Protocol"
…
…
…
[ACCESS: GRANTED]
หมายเหตุ: รายการต่อไปนี้เป็นรายการที่ถูกตัดทอนมาซึ่งเหลือเพียงคำแนะนำที่สำคัญต่อการอยู่รอด บุคลากรที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำรวจต้องทำความคุ้นเคยกับ 4000-SEP-3 ถึง 8 ก่อนเริ่มดำเนินการ
แนวทางทั่วไปสำหรับการสำรวจ:
…1.01 คุณต้องติดตั้งชุดสำรวจมาตรฐานของสถาบันก่อนที่จะเข้าไปในสถานที่ที่ไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อ
…1.02 ห้ามกินอาหารอื่นๆนอกเหนือจากอาหารที่รวมอยู่ในชุดเดินทางมาตรฐานของสถาบัน
…1.03 ห้ามนำอาวุธปืนเข้าไปในมิติแห่งแมกไม้ไม่ว่าจะกรณีใดๆ
…1.04 ผู้ทดลองประเภท 1 ต้องหลีกเลี่ยงการยอมรับหรือจับโดยตรงกับสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่า ซึ่งรวมถึงรูปแบบของสกุลเงิน โลหะและหินมีค่า วัตถุที่เต็มไปด้วยคุณสมบัติที่ผิดปกติที่เป็นประโยชน์ และอาวุธที่ประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างดี(แต่ก็ไม่ได้จำกัดเพียงเท่านี้)
…1.05 ผู้ทดลองประเภท 2 ต้องหลีกเลี่ยงตัวตนพื้นเมืองใดๆที่เข้าหาผู้ทดลองด้วยเสน่หาและความรู้สึกรักใคร่ และต้องไม่แสดงการตอบสนองความรู้สึกนั้นไม่ว่าในทางใดๆ ข้อความที่ตัวตนพื้นเมืองอ้างว่ามีความเสน่หาและความรู้สึกรักใคร่ต่อผู้ทดลองประเภท 2 นั้นไม่จริง
…1.06 ผู้ทดลองประเภท 3 ต้องหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่โดยทั่วไปถือว่าไม่สำคัญ ฟุ่มเฟือย หรือเป็นความสะดวกสบายทางกาย ซึ่งรวมถึงการเต้นรำ การสูบบุหรี่ เล่นของเล่น ดื่มอะไรอย่างอื่นนอกจากน้ำเปล่า ฟังเพลง และนอนบนพื้นเบาะ(แต่ก็ไม่ได้จำกัดเพียงเท่านี้)
…1.07 โครงสร้างที่พบระหว่างทางที่คุณต้องเดินทางอาจถูกเข้ามาหลังจากมีการเคาะที่ทางเข้า ออกจากโครงสร้างจากจุดที่คุณมา หากเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ก็ห้ามให้ถูกพบเด็ดขาด
…1.08 หากคุณหลับในป่าที่กฎเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง บันทึกความฝันของคุณเอาไว้ มีวารสารรวมอยู่ในชุดการสำรวจของคุณ หากคุณพบจุดสังเกตหรือตัวตนต่างๆที่คล้ายคลึงกับความฝันที่คุณบันทึกไว้ ถือว่าความฝันนั้นเป็นความจริง
.
แนวทางในการโต้ตอบกับตัวตนพื้นเมือง:
…2.01 ทักทายตัวตนพื้นเมืองด้วยคำทักทายอย่างเป็นทางการก่อนมีส่วนร่วมในการสนทนา ถ้าเป็นผู้หญิงให้ก้มหัวหรือถอนสายบัว
…2.02 พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ
…2.03 อย่าให้ข้อความใดๆที่คุณรู้ว่าเป็นเท็จ
…2.04 อย่าแสดงความคิดเห็นที่ดูหมิ่นเกี่ยวกับตัวตนพื้นเมืองในขณะที่อยู่ต่อหน้า
…2.05 พูด 'ขอร้อง' และ 'ขอบคุณ' ในเวลาที่เหมาะสม
…2.06 อ้างถึงและระบุตัวตนพื้นเมืองโดยใช้คำอธิบายลักษณะทางกายภาพตามมาตรการ 4000-Eshu
…2.07 ห้ามอ้างถึงตัวตนพื้นเมืองด้วยชื่อ สมญา หรือคำนิยาม แม้ว่ามันจะแนะนำตัวเองแบบนั้นก็ตาม
…2.08 ห้ามระบุชื่อ ชื่อเล่น โค้ดเนม นามแฝง หรือการนิยามส่วนบุคคลอื่นๆของคุณเมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนพื้นเมือง
…2.09 หากตัวตนพื้นเมืองเสนอที่จะตั้งชื่อ สมญา หรือคำนิยามให้คุณ ให้ปฏิเสธอย่างสุภาพ
…2.10 ถ้าตัวตนพื้นเมืองสร้างข้อความที่กล่าวถึงหรืออ้างถึงคุณด้วยชื่อ สมญา คำนิยาม หรืออะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากรายละเอียดทางกายภาพ ให้เมินคำพูดนั้นราวกับว่ามันไม่ได้ถูกพูด
…2.11 หากถูกกดดันขอข้อมูลที่ถือเป็นความลับ ให้ปฏิเสธ ขอโทษสั้นๆ และโค้งคำนับ
…2.12 หากตัวตนพื้นเมืองต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ให้พิจารณารูปร่างหน้าตาก่อนจะเลือกช่วย:
………2.12.A หากตัวตนดูคุกคาม ให้ทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือ
………2.12.B หากตัวตนดูมีเสน่ห์หรือไม่เป็นอันตราย อย่าเข้าใกล้
………2.12.C: ให้อาหารตัวตนพื้นเมืองทุกครั้งหากมันหิว สิ่งนี้เหนือกว่ากฎข้อ 2.12.B
…2.13 อย่าพยายามขี่ตัวตนสัตว์ป่าใดๆที่คุณพบเว้นแต่มันจะได้รับความไว้วางใจจากคุณและมอบความยินยอมของมันแก่คุณ
…2.14 หากคุณได้รับของขวัญทางกายภาพให้รับด้วยมือทั้งสองข้าง อย่าทิ้งของขวัญนี้แม้ว่ามันจะดูไม่มีประโยชน์หรือไม่มีค่าก็ตาม สิ่งนี้เหนือกว่ากฎข้อ 1.04
…2.15 หากตัวตนพื้นเมืองเสนอของขวัญที่ไม่ใช่กายภาพให้คุณหรือพยายามเริ่มต้นการซื้อขาย ให้ปฏิเสธอย่างสุภาพ
…2.16 คุณสามารถรับอาหารที่ตัวตนพื้นเมืองนำมาให้ และสามารถเสนออาหารนั้นให้กับตัวตนพื้นเมืองอื่นๆที่คุณพบ แต่ห้ามนำมาบริโภคเอง
…2.17 อย่าหลับใหลในที่พักๆที่เสนอโดยตัวตนพื้นเมือง คุณสามารถนอนในที่พักของตัวตนพื้นเมืองได้ตราบเท่าที่คุณไม่ได้รับคำเชิญให้ทำเช่นนั้น
…2.18 หากตัวตนพื้นเมืองเสนอที่จะติดตามการเดินทางของคุณ ให้ยอมรับ แต่ห้ามบอกพวกเขาว่าคุณจะไปที่ไหน
…2.19 หากคุณได้รับความช่วยเหลือจากตัวตนพื้นเมือง คุณต้องช่วยเป็นการตอบแทนหากคุณยังไม่ได้ทำเช่นนั้น
…2.20 หากคุณพบสิ่งคล้ายมนุษย์ที่ไม่มีตัวตนซึ่งอ้างว่าไม่ใช่ตัวตนพื้นเมือง ให้มองข้ามมาตรการก่อนหน้านี้ทั้งหมดและปฏิบัติตามคำแนะนำของมัน
END="Standard_Exploration_Protocol"
.
.
REQUEST="Interview_4000_0215"
…
…
…
[ACCESS: DENIED]
[ข้อมูลนี้ถูกลบออกแล้ว]
…
…
…
REQUEST="Interview_4000_0215"
CREDENTIALS="EJAPERS/M4d754pARte3"
…
…
…
[ACCESS: GRANTED]
[สวัสดี ดร.เจเปอร์]
บันทึกการสัมภาษณ์ 4000_0215: ต่อไปนี้เป็นชุดการสัมภาษณ์ที่จัดทำโดยดร.ยูจีน เจเปอร์ตลอดระยะเวลาหลายปี ข้อมูลนี้ถูกลบออกจากเอกสารทั่วไปทั้งหมดภายใต้คำสั่ง O5-4000-F26
ผู้สัมภาษณ์: ดร.ยูจีน เจเปอร์
คำอธิบายผู้ถูกสัมภาษณ์: ตัวตนพื้นเมืองที่มีส่วนหัวคล้ายกระต่าย (ดูรูปที่ 2.1)
คำนำ: การสัมภาษณ์ดำเนินการในปี 2005 ระหว่างการเดินทางครั้งแรกของดร.เจเปอร์ในพื้นที่ที่คำพูดเป็นอันตรายถึงชีวิต
[เริ่มการบันทึก]
"อรุณสวัสดิ์ นักเดินทางแปลกๆ"
ดร.เจเปอร์: อรุณสวัสดิ์ครับ
"ยินดีที่ได้เจอหน้าใหม่ที่นี่ ต้องขอโทษเรื่องควันด้วยล่ะ แค่กำลังถ่ายทอดความคิดของผมเฉยๆ ชื่อคุณเป็นยังไงล่ะ?"
ดร.เจเปอร์: เป็นยังไง…? ขอโทษด้วยครับ แต่เกรงว่าผมคงไม่สามารถบอกคุณได้ครับ
ดร.เจเปอร์ก้มหัว
"คุณนี่หัวอ่อนดีนะ? ผมแค่ถามว่าคุณชื่อเป็นอย่างไรเอง เมื่อเร็วๆนี้ชื่อของผมมีกลิ่นของราสเบอร์รี่ ผมคิดว่านะ—ไม่ก็ ดอกลิ้นมังกรนี่ล่ะ ช่วงนี้มันยากมากที่จะบอก แต่คนเราก็ต้องพยายามล่ะนะ"
ดร.เจเปอร์: อา ต้องขออภัยด้วยครับ ผมเกรงว่าชื่อของผมคงจะมีรสค่อนข้างเปรี้ยวในตอนปลายนะครับ
ตัวตนวงศ์กระต่ายหัวเราะและถอดหมวก
"ไม่หรอก ผมต่างหากคือคนที่ควรจะขอโทษ ผมไม่ควรสอดรู้สอดเห็นเลย"
ดร.เจเปอร์: ไม่เป็นอะไรสักนิดครับ ผมไม่ได้ใส่ใจอะไร เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้พบคุณ แต่ผมก็ต้องไปตามทางของผมครับ
"ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปเหรอ? บ้านผมอยู่ใกล้ๆน่ะ และผมก็หวังอยากจะเชิญคุณมาดื่มชาสักหน่อย"
ดร.เจเปอร์ก้มหัวอีกครั้ง
ดร.เจเปอร์: ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถหยุดได้ในขณะนี้ ไว้เจอกันวันหลังนะครับ
"เยี่ยม ไว้เจอกันครั้งหน้า คนแปลกหน้าที่มีชื่อรสชาติค่อนข้างเปรี้ยว"
[จบการบันทึก]
ผู้สัมภาษณ์: ดร.ยูจีน เจเปอร์
คำอธิบายผู้ถูกสัมภาษณ์: สุภาพบุรุษที่มีใบหน้าของกระต่าย
คำนำ: การสัมภาษณ์ดำเนินการในปี 2008 ระหว่างการเดินทางครั้งแรกของดร.เจเปอร์ในโพรงที่อยู่ระหว่างอิฐ
[เริ่มการบันทึก]
ดร.เจเปอร์ขึ้นถึงยอดเขาและพบคนรู้จักที่เหมือนกระต่ายของเขาพุ่งไปที่แปลงกระหล่ำปลี
"สวัสดีตอนบ่าย คนแปลกหน้า ยกเว้นว่า—อ๊ะ เดี๋ยวนะ เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม?"
ดร.เจเปอร์: สวัสดีตอนบ่ายครับ ผมก็คิดว่าน่าจะใช่ ถ้าผมจำไม่ผิดก็สามปีก่อน
"ผมจำได้แล้วล่ะ คุณจากไปอย่างไวเลย"
ดร.เจเปอร์: ครับ ต้องขอโทษเรื่องนั้นด้วยนะครับ ตอนนั้นผมยังใหม่และระแวงสิ่งที่พบไปหมดเลย
"ยังเป็นคนขี้ขอโทษเหมือนเคยนะ ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นหรอก คุณไม่ได้มาจากที่นี่สินะ? น่าสนใจจริงๆ คุณมาจากป่าไหนล่ะ?"
ดร.เจเปอร์: ผมไม่ได้มาจากป่าไหนทั้งนั้นล่ะครับ
"พิลึกชะมัด มันต้องมีต้นไม่อยู่ในที่ที่คุณจากมาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง?"
ดร.เจเปอร์: ก็มีอยู่หรอกครับ แต่มันก็เบาบางมาก ที่ดินส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยบ้านและธุรกิจ
"งั้นมันก็เป็นป่าเสื่อมโทรม แต่เป็นป่าไม่ผิดแน่ บอกผมหน่อยได้ไหมว่าคุณมาที่นี่ได้ยังไง?"
ดร.เจเปอร์: เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นจริงๆนะครับ ผมขอถามสักหน่อยได้ไหมครับ ถ้าไม่ว่าอะไร
"ขอโทษที่ทำตัวไร้มารยาทไปหน่อยนะ ผมคิดว่าตัวเองเป็นนักวิชาการน่ะ และจะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อมีโอกาสได้เรียนรู้เกี่ยวกับป่านอกที่นี่ ดังนั้น ถามมาได้เลย"
ดร.เจเปอร์: เมื่อเราเจอกันครั้งก่อน คุณบอกว่ามันยากที่จะอธิบายชื่อของคุณสินะครับ คุณมีทฤษฎีไหมว่าทำไมมันเป็นแบบนั้น?
"ผมเดาได้แค่ว่ามันคงเป็นเพราะเราห่างกันมานาน—ชื่อของผมกับผมน่ะ มันเคยเป็นชื่อที่ดี ชื่อที่แสนภาคภูมิ ผมมั่นใจมาก เมื่อมาถึงตอนี้แล้ว ถึงแม้มันจะยังคงอยู่ แต่ความยิ่งใหญ่ในอดีตมันอาจจะสลายไปหมดแล้ว"
ดร.เจเปอร์: คุณคิดว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหนล่ะ?
"ก่อนอื่นเลย เพื่อนนักวิชาการ คุณต้องตอบคำถามก่อนหน้านี้ของผมก่อน"
ดร.เจเปอร์พยักหน้า
ดร.เจเปอร์: ผมมาจากบ่อน้ำที่เก่าแต่โดดเด่นที่ปลายสุดของเส้นทางเท้าที่ผมกำลังสำรวจอยู่
อีกฝ่ายลังเลก่อนที่จะพูด
"โอ้ มันนานพอสมควรแล้วนะ ผมขอพูดตรงๆเลยนะ ผมคิดว่าพันธมิตรเก่าตายไปหมดแล้วซะอีก ปู่ของคุณหรือบรรพบุรุษสักคนมีคนรักอยู่ที่นี่เหรอ?"
ดร.เจเปอร์โค้งคำนับ
ดร.เจเปอร์: ผมต้องขอโทษอย่างสุดซึ้งจริงๆครับ ผมเกรงว่าผมไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้
"ไม่เป็นไร ผมเข้าใจดี ผมอยากจะเชิญคุณไปที่กระท่อมเพื่อดื่มชา แต่คิดว่านั่นคงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคุณสินะ?"
ดร.เจเปอร์: ผมเกรงว่าคงจะไม่ได้ครับ
คู่สนทนาหัวเราะ เด็ดใบกะหล่ำปลี และยื่นให้ดร.เจเปอร์
"คุณไม่จำเป็นต้องกลัวขนาดนั้น รับนี่ไปสิ แล้วจงไปในทางของคุณ"
ดร.เจเปอร์รับใบไม้ด้วยมือทั้งสองข้าง
ดร.เจเปอร์: ขอบคุณมากครับ
"ขอให้เดินทางปลอดภัยล่ะ และขอให้พบสิ่งที่คุณหาอยู่"
[จบการบันทึก]
รายงานหลังจบ: หลังจากนั้นดร.เจเปอร์ใช้ใบกะหล่ำปลีเพื่อเลี้ยงตัวตนพื้นเมืองที่มีลักษณะคล้ายกับหนูนาซึ่งกลับมาช่วยเขาในการเดินทาง
ผู้สัมภาษณ์: ดร.ยูจีน เจเปอร์
คำอธิบายผู้ถูกสัมภาษณ์: ผู้มอบใบไม้
คำนำ: การสัมภาษณ์ดำเนินการในปี 2013 ระหว่างการเดินทางครั้งแรกของดร.เจเปอร์ในหุบเขานั้นของเหล่านักพเนจรผู้ไม่พักผ่อน เนื่องจากมีความรู้เฉพาะที่ดูเหมือนผู้ที่เบื่อของกำขวัญจากกะหล่ำปลีจะมีเกี่ยวกับโลกของเรา ดร.เจเปอร์ได้รับคำสั่งให้ทำการสัมภาษณ์อย่างละเอียดมากขึ้นหากพบเป็นครั้งที่สาม
นอกจากนี้ ดร.เจเปอร์ยังได้รับอนุญาตเป็นพิเศษในการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่ออำนวยความสะดวกในการสนทนา เมื่อการพบกันครั้งแรกของเขาแสดงให้เห็นว่าผู้มีขนปุยมีความอ่อนไหวต่อการหลอกลวง
[เริ่มการบันทึก]
ระหว่างเดินทางตามทางของนักผจญภัยที่เหนื่อยล้า ดร.เจเปอร์พบกับกระท่อมหลังเล็กสีขาวหลังคามุงจาก ที่หน้าประตูมีรูเล็กๆที่ถูกตัดเป็นรูปหัวกระต่ายอยู่ ดร.เจเปอร์เข้าใกล้และเคาะประตู
ดร.เจเปอร์: สวัสดีครับ? มีใครอยู่ในบ้านไหมครับ?
(เสียงอู้อี้เล็กน้อยจากข้างใน) "ขอหนึ่งนาทีนะ"
ผ่านไปหนึ่งนาที ประตูเปิดออก
"อ๊ะ เราเจอกันอีกแล้วนะ! เชิญเลย เข้ามา เข้ามา"
ดร.เจเปอร์เข้าไปข้างใน ภายในตกแต่งอย่างเบาบางด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และงานเย็บปักถักร้อย
ดร.เจเปอร์: คุณมีบ้านที่ดีนะ
"ฮ๊า! คุณนี่มีอารมณ์ขันไม่เบานี่"
เจ้าของบ้านรีบไปที่ครัวตรงหัวมุมและเริ่มเตรียมกาต้มน้ำ
ดร.เจเปอร์: ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ผมว่ามันมีเสน่ห์ดีครับ
"ใช่ไหมล่ะ มันก็คงเป็นแบบนั้นจนกว่าอีกฝากหนึ่งมันจะสงบนั่นล่ะ แต่ก็นะ ทุกอย่างมันก็อย่างที่คุณรู้"
ดร.เจเปอร์: ผมเกรงว่าผมจะไม่ทราบนะครับ ให้ช่วยไหมครับ?
"ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ คุณแค่นั่งที่โต๊ะตรงนั้นในขณะที่ผมเตรียมชาสำหรับพวกเราก็พอ"
ดร.เจเปอร์ดึงเก้าอี้และนั่งลง
ดร.เจเปอร์: คุณใจกว้างมากเลยนะครับ แต่ผมคิดว่ากระเพาะผมคงจะไม่ยอมให้กินอะไร
"โอ้ เพื่อนที่น่าสงสาร ได้สิ ผมเองก็พบว่าแค่การมีชาอยู่ก็ทำให้ทุกเรื่องมันสะดวกสบายขึ้นแล้ว"
ดร.เจเปอร์: คุณนี่ใจดีที่สุดเลยนะครับ คุณช่วยอธิบายให้ผมได้ไหมว่าอะไรทีคุณหมายความว่า'สงบ'?
เจ้าของขนของเขาเปิดเตาและมองออกไปนอกหน้าต่างที่ตัดเป็นรูปร่างคล้ายกับรูที่ประตู
"ผมว่าบรรพบุรุษคุณคงจะไม่ได้บอกเรื่องราวทั้งหมดสินะ เกี่ยวกับความวุ่นวายที่ทำให้เรามาอยู่ที่นี่"
ดร.เจเปอร์: ความโกลาหล? มีสงครามเหรอ?
เจ้าขนปุยถอนหายใจ
"ก็มีอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอไง?"
ดร.เจเปอร์: ปู่ของผมเคยบอกว่ามันมีสงครามอยู่ แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าเคยมีกับคุณและเผ่าของคุณ
"ก็ไม่แปลกใจหรอก แม้แต่ในป่านี้คนที่ยังจำได้ก็มีแค่น้อยนิดเท่านั้น ผมว่าความทรงจำมันคงเป็นภาระสำหรับคนแก่ แต่ใช่ ตอนผมยังเด็ก ตอนที่ยังอยู่ในรูปร่างเดิมของผมที่แตกต่างจากตอนนี้มาก ผมอาศัยอยู่อีกด้านหนึ่งของบ่อน้ำ มันคือที่ที่ผมเกิด ที่ที่ผมโต และถ้าให้ฝัน ก็เป็นที่ที่สักวันผมจะกลับไป"
ดร.เจเปอร์: ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่กลับไปล่ะ?
กาต้มน้ำส่งเสียงดัง
"ผมทำไม่ได้ จนกว่าจะได้รู้ว่ามีคนต้อนรับผมกลับไป"
คนชงชาเทชาลงแก้วและนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ
"ผมแน่ใจว่าคุณคงไม่รู้เรื่องนี้ถ้าพวกเขาปิดมันไว้ แต่มันมีที่เกือบจะทำลายผมในตอนที่มีโอกาสดีสุด—อา ขอโทษด้วย มันเป็นความทรงจำที่ไม่ดีน่ะ ผมมั่นใจว่าคุณคงไม่อยากได้ยินมันแน่ๆ"
ผู้เล่าเรื่องราวจิบชา
ดร.เจเปอร์: ไม่ ขอร้องล่ะ พูดต่อเลย พวกมันน่าสนใจกับผมมาก—จำได้ไหมว่าผมเป็นเพื่อนนักวิชาการน่ะ?
"ตามที่คุณต้องการละกัน เพื่อนนักวิชาการ ผมจะพูดจนชามันเย็นเลย"
(มันกระแอมออกมา)
"มันทำให้ผมเสียใจมากที่ต้องพูด แต่พวกเราถูกทรยศ นายรู้ไหมว่าพวกเราเคยสู้เคียงข้างกัน ในสงครามกับเดอะแฟคทอรี่นั่น เราไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากช่วยพวกเขา แล้วพวกเขาทำอะไรล่ะ? พวกเขาทำลายเรา พวกเขาเอาชีวิตของพวกเราไปจำนวนมาก และชื่อของพวกเราทั้งหมด พวกเราบางคนหนีมาที่นี่ตอนที่สงครามเพิ่งเริ่มต้น แต่ก็ไม่ได้มีมากอะไร ไม่มากเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ได้เกลียดพวกเขา"
ดร.เจเปอร์: ผมรู้สึกยินดีกับเรื่องนั้นนะครับ
"ผมก็คิดอย่างนั้นล่ะ! มันก็มีพวกตาแก่หัวโบราณแถวๆทางนั้นที่แบกความแค้นกับทั้งเผ่าพันธุ์อยู่หรอก แต่ผมรู้ว่าพวกคุณก็ไม่ได้แย่ไปหมดหรอก มันก็มีหลายคนที่ปกป้องพวกเรา สู้เพื่อพวกเรา แม้แต่ยอมตายเพื่อพวกเรา บางคนมาอาศัยอยู่ที่นี่กับพวกเรา จากไปพร้อมกับจิตวิญญาณ ผม ตัวผม ก็เคยติดพันกับมนุษย์มาครั้งหนึ่ง เขาเคยมาเยี่ยมครั้งหรือสองครั้ง แต่ผมก็ไม่เคยเห็นเขาหลังจากนั้นอีกเลย ผมยังคงสงสัยอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเขาคงตกอยู่ในเงื้อมมือของเพื่อนบ้านที่ไร้ความปรานีไปแล้ว หรือถ้าเขาแค่เลิกสนใจที่จะมาหาผม แต่ถึงตอนนี้มันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ ผมขอโทษที่เอาแต่พูดถึงถ่านไฟเก่านะ เรื่องพวกนี้คงจะไม่น่าสนใจสำหรับคุณสินะ เพื่อนนักวิชาการ"
ดร.เจเปอร์: กลับกันเลยครับ ผมอยากจะฟังเรื่องราวพวกนี้มากกว่านี้อีก ชีวิตของคุณและคนของคุณมันน่าสนใจสำหรับผมมาก
"ผมก็มั่นใจว่ามันคงเป็นแบบนั้นนะ เพื่อนนักวิชาการ"
สายลมแรงพัดผ่านบ้าน ทั้งสองฝ่ายไม่พูดกันเป็นเวลาครึ่งนาที เจ้ากระต่ายที่อาศัยอยู่ที่นั่นคำรามและวางมือไว้บนหัวราวกับกำลังเจ็บปวด ดร.เจเปอร์วางมือลงบนกาน้ำชา
ดร.เจเปอร์: ดูเหมือนชามันจะเย็นแล้วนะ ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมต้องไปแล้ว
(พูดไม่ชัดเล็กน้อย) "อะไรนะ? คุณจะไปแล้วเหรอ? ถ้าอย่างนั้น ผม—ผมเองก็ควรจะต้องไปด้วย"
ดร.เจเปอร์ลุกขึ้นจากโต๊ะ
ดร.เจเปอร์: ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ผมจะไปคนเดียว ขอบคุณนะ มันกะทันหันไปหน่อย ใช่ และผมเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องทำแบบนี้ แต่ผมต้องไปจริงๆ ผมเชื่อว่าผมเกินกำหนดที่จะกลับบ้านมานานแล้ว
"นี่มันอะไร—? ผมไม่… ขอร้องล่ะ อย่าไปเลย บางอย่างมันไม่—"
ดร.เจเปอร์: มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้น่ะ
"หยุดนะ! คุณทำอะไรลงไป? ผมไม่รู้ว่าใคร… เกิดอะไรขึ้นกับชื่อของผม? ผมไม่สามารถ…"
ดร.เจเปอร์ออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว อดีตสหายของเขาส่งเสียงครวญครางและมองไปที่มือของมันในขณะที่เขาจากไป
ดร.เจเปอร์: หืม รสชาติค่อนข้างเปรี้ยวเลยนะเนี่ย
[จบการบันทึก]
รายงานหลังจบ: ดร.เจเปอร์กลับไปที่ไซต์-08ได้สำเร็จแต่มีรายงานว่าหายตัวไปไม่นานหลังจากนั้น การสืบสวนการหายตัวไปของเขาและเบาะแสในปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้ ในตอนแรกมีการตั้งทฤษฎีว่าดร.เจเปอร์ได้สัมผัสกับสิ่งที่มีอิทธิพลผิดปกติต่อสรีรวิทยาของเขาระหว่างภารกิจล่าสุดของเขา อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์อย่างละเอียดไม่พบความผิดปกติทางพันธุกรรมในขนของเขาที่หลุดติดมากับอุปกรณ์การเดินทาง
END="Interview_4000_0215"
.