ไซต์-66 ตอนที่ 1
rating: +26+x

เสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งมาตามทางเดินคอนกรีตสีเทาอันสลัวๆภายในตึกที่สูง 14 ชั้น เขาท่าทางรีบเป็นอย่างมากก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ประตูบานคู่ทำจากไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่สุดทางเดิน มันล็อค เขาทุบประตูอย่างแรง

"เอร่อน เปิดประตูให้ผมเข้าไปนะ!" เขาตะโกน "อย่าทำอะไรบ้าๆเชียว ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดี พวกเขาก็ด้วย เอร่อน!"

เสียงทุบดังกึกก้องไปทั่วชั้น แล้วเขาก็ตัดสินใจใช้ปืนยิงที่ลูกบิดประตู เมื่อเขาเขาไปได้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นทำให้เขาลมแทบจับ

"ไม่ ไม่ๆๆๆๆๆ นายทำอะไรลงไปเนี่ย" เขาร้องแล้วเอามือทั้งสองข้างจับที่หัวของตัวเองจนแทบจะดึงหนังหัวให้หลุด

เบื้องหน้าของเขาคือร่างอันไร้วิญญาณของชายหญิงทั้ง 10 คน ที่มีตำแหน่งระดับสูงภายในไซต์ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องที่เป็นห้องประชุม ศีรษะของพวกเขาถูกตัดออกและเอาวางรวมกันไว้บนโต๊ะกลางห้องอย่างสวยงาม ฆาตรกรไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว เลขาหญิงคนหนึ่งได้วิ่งเข้ามาในห้องและเมื่อเห็นศพเธอถึงกับเป็นลมไปทันที ขณะเดียวกันเกิดไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงที่ชั้น 3 ของอาคารและลามขึ้นมาอย่างรวจเร็ว

"มันบ้าอะไรกันวะ!" เขาตะโกน

เสียงฝีเท้าเดินอยู่ตรงทางเดินนอกห้อง ทำให้เขาเดินมาหยุดที่ประตู

"นะ— นายทำแบบนี้ทำไม"

ชายคนนั้นหยุดเดินแล้วยิ้มให้ มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตร แต่มันเป็นรอยยิ้มของพวกฆาตกรเวลาที่เห็นเหยื่อทุกทรมาณ แล้วยกมือขึ้นชี้ออกไปที่หน้าต่าง มันมีเสียงกรีดร้องที่มาจากข้างล่าง ชายคนนั้นเดินไปยืนบนขอบหน้าต่าง และกระโดดลงไปนั่นทำให้เขาตามไปดู ในตอนนี้แววตาของเขามีแต่ภาพของชายคนนั้นร่วงลงไปพร้อมพนักงานจำนวนมากที่ยอมกระโดดออกจากตึกเพื่อหนีไฟไหม้ท่ามการเสียงอันโหยหวนนั่น


» 7 ปีต่อมาไม่ทราบค.ศ. เวลา 22.45 น.

กำแพงทางด้านทิศตะวันตกของไซต์-66 มีบางอย่างเกิดขึ้น เชือกเส้นหนึ่งถูกหย่อนลงมาจากบนกำแพงก่อนที่จะมีชายร่างผอมคนหนึ่งไต่มันลงมา เขาส่องไฟฉายไปรอบๆบริเวณ

"ทางโล่ง มาได้" เขาบอกคนอื่นๆ จากนั้นก็มีคนอีก 3 คนไต่เชือกลงมา

"นายแน่ใจนะว่าไม่มีเฝ้าอยู่"

"ที่นี่มันร้างจะหลายปีแล้ว อีฟ ไม่มีใครนอกจากเรา"

"แทน นายจะมาหาอะไรในที่ร้างนี้กันวะ"

"ของบางอย่างที่มีค่า" แทนพูดแล้วกางูปภาพออกมาเป็นภาพของไม้เท้า

"ไม้เท้าธรรมดาๆนี่น่ะหรอ"

"เฮ้ นี่ไม่ใช่ไม้เท้าธรรมดา แต่มันคือทองคำ คนที่จ้างเราจะจ่ายทองให้หากเราได้มันมา"

"งั้นรออะไรอยู่เล่า ไปกันเถอะ" อีฟบอก

"มาเร็ว แจ็ค"

พวกเขาเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆจนมาถึงหน้ากำแพงที่สูง 5-6 เมตร หลังกำแพงเป็นอาคารที่สูง 10 กว่าชั้นที่ถูกกำแพงปิดล้อมเอาไว้

"ชั้นว่ามันต้องอยู่ในนั้นแน่ เราแค่ต้องหาทางเข้าไป" แทนบอก

"แล้วเขาจะสร้างกำแพงล้อมไว้อีกทีทำไมวะ"

"นั่นอะไร!"

"อะไรเล่า ตาล นายทำให้ชั้นกลัวนะ" อีฟหันไปว่า

"ก็ชั้นเห็นอะไรไม่รู้ตรงนั้น" ตาลชี้ไปยังห้องน้ำที่อยู่แยกออกจากตัวตึก

อีฟส่องไปที่นั่นแต่ก็ไม่มีอะไร

"หนูมั้ง"

"แต่ชั้นเห็นเป็นหัวคน ชั้นจะโกหกทำไม"

"ตาล นายแค่กลัวจนจิตหลอนไปเองมากกว่า ชั้นไม่เห็นอะไรเลย" แทนพูด "อย่าทำให้เสียเรื่อง"

ทันใดนั้นเองประตูห้องน้ำก็เปิดกระแทนอย่างรุนแรง เสียงดังปั่ง! เสียงที่เกิดท่ามกลางความเงียบของมันดังกึกก้องไปทั้วทั้งไซต์ จนอีฟร้องออกมาแล้วกระโดดเข้ากอดแทน

"แค่ลมนะพวก" ดูเหมือนแจ็คจะเฉยๆกับเรื่องนี้

"แต่มันไม่มีลมเลยนะ" ตาลพูด เสียงเริ่มสั่น เขาเริ่มมองไปรอบๆ

"บ้าชิบ ที่นี่ทำเอาชั้นขนลุก"

"ตั้งสติไว้ทุกคน คิดถึงทองเข้าไว้แล้วพวกนายจะไม่กลัว"

ตอนที่ตาลหันมองอย่างระแวงนั้น หางตาของเขาก็ไปเห็นบางอย่างอยู่ด้านหลังเสาของตึกที่ยืนอยู่ มันห่างไปประมาณ 3 เมตร และมันทำให้เขาหวาดกลัวจนตาค้าง

"เป็นไรอีกวะตาล" แทนเริ่มหงุดหงิด

ตาลไม่พูดอะไรแต่สีหน้าเขากลัวมากและใช้มือสั่นๆชี้ไปทางด้านหลังของทุกคน

"อ๊ากกกกกกกก….." เขากรีดร้องออกมา

…ดูเหมือนว่าตอนนี้นอกไซต์-66 จะมีพายุเข้า ต้นไม้ด้านนอกสั่นไหวไปตามแรงลม และเสียงของลมกลบเสียงต่างๆให้จางหายไป


»ปัจจุบัน เวลา 10.24 น.

นักวิจัยระดับ 2 คนหนึ่งเดินมาหาดร.รันที่ห้อง

"ด๊อคเตอร์ครับ ผมมีข่าวจะมาบอก" นักวิจัยพูด "เมื่อวานทีมทำลายเมต้า-45 ได้ถล่มตึก 14 ชั้นในไซต์-66 แล้วและพวกเขาได้เจอโครงกระดูกจำนวนมากอยู่ใต้ตึก แล้วก็เจอกล้องของคุณด้วยครับ"

ดร.รันเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสาร ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะทำให้เขาสนใจมากพอสมควร

"กล้องนั้นอยู่ที่ไหน"

"อยู่ที่หน่วยเมต้าครับ เขาให้คุณไปเอาได้"

"ขอบใจที่บอกนะ"

หลังจากที่เขาได้กล้องมา มันเป็นกล้องที่ใช้ฟิล์มรุ่นเก่า แม้กล้องจะพังแล้วแต่โชคดีที่ฟิล์มไม่ได้เสียหายอะไรมาก เขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาใครบางคน

"<ว่าไง ริช มีไรเหรอ>" เสียงจากสายถาม

"นายพอจะว่างไหม ชั้นมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย" รันถามพร้อมกับหมุนม้วนฟิล์มอยู่ในมือไปมา

"<ก็พอว่างอยู่หรอกนะ>"

"ชั้นได้ฟิล์มจากกล้องของชั้นตอนที่ไปไซต์-66 อยากให้ช่วยล้างภาพให้หน่อย"

"<จริงดิ นายได้มันมาแล้ว โอเคๆชั้นจะเตรียมห้องไว้ให้นะ>" เสียงในสายท่าทางจะดีใจ "<ชั้นดูมันได้นะ คงไม่เป็นความลับ>"

"ไม่แค่ชั้นกับนาย สองคน"


»ปี ค.ศ. 1999 เวลา 08.20 น.

ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ของไซต์-66 เปิดออกอย่างช้าๆตามแรงเสียดทาน เสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูเหล็กที่เป็นสนิมนั่นไม่ใช่เสียงที่น่าฟังนัก กลุ่มคนของสถาบันจำนวน 12 คนที่สวมใส่ชุดและหน้ากากป้องกันการปนเปื้อนได้เดินเข้าไปภายใน พวกเขาคือทีมเก็บกวาดที่ประกอบไปด้ายนักวิจัยกับเจ้าหน้าที่ที่พกปืน พวกเขาเดินมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งเป็นจุดนัดพบ และตรงนี้ก็มีเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังตึก ทางเดินต่างๆมากกว่า 20 เส้นทาง จนที่นี่ได้รับการตั้งฉายาว่า เขาวงกตมรณะ ทุกคนจะมีแผนที่ที่ห้ามทำหายอย่างเด็ดขาดอยู่กับตัว

"เอาล่ะ เรามีเวลาถึง 4 โมง ให้ทุกคนตั้งเวลาเอาไว้ตอน 3 โมงเผื่อขากลับด้วย" ดร.มัวที่เป็นหัวหน้าทีมบอก "แบ่งทีมออกเป็น 3 ทีม ทีม1 จะไปที่อาคารฝั่งตะวันออก ทีม2 ไปตึกD และทีม3 ไปทางนั้นตึกB" ดร.มัวทำมือบอกเส้นทาง "รู้หน้าที่กันแล้วนะ"

"ครับ"
"ค่ะ"

"แล้วก็ ดร.รัน ช่วยถ่ายภาพหมู่ให้ทีนะ" ดร.มัวบอก

จากนั้นทุกคนก็มายืนรวมตัวกันในขณะที่รันกำลังตั้งกล้องอยู่กับขาตั้ง จากนั้นรันก็วิ่งมารวมกับคนอื่นๆ และกล้องก็ถ่ายรูปพวกเขา

ต่อมา ดร.รัน ดร.ฑี เอเย่นแคป และเอเย่นมิก อยู่ทีม3 โดยมีรันเป็นคนนำทีม ตึกB นั่นอยู่ไม่ไกลจากจุดนัดพบ พวกเขาเดินออกจากจุดนัดพบตรงไปจะมีบันไดลง 4 ขั้น ข้างหน้าเป็นห้องน้ำที่แยกออกมาจากอาคาร ทางเดินรกๆเต็มไปด้วยวัชพืช ถัดไปที่เห็นๆตรงหน้าคือตึกB มี 4 ชั้น และข้างๆห้องน้ำก็คือกำแพงที่สูง 5 เมตรกับตึกคอนกรีตสีเทาสูง 14 ชั้น จากที่เห็นนั้นเหมือนจะมีรอยไหม้สีดำอยู่ด้วย ดร.รันได้หยิบหล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายตึกนั้นเอาไว้และถ่ายตึกB ตรงนั้นพวกเขาได้พบกับศาลพระภูมิขนาดใหญ่ 3 หลังที่พังเสียหายบางส่วน มีธูปหล่นเต็มไปหมด มีตุ๊กตาตายาย และตุ๊กตาคนไหว้ขนาดเท่าเด็ก 2 ตัวที่ตัวทางขวาคอขาดไป มันตั้งอยู่เยื้องด้านหน้าของตึกB นั่นทำให้สถานที่แห่งนี้ดูน่าขนลุกขึ้นไปอีก

ประตูทางเข้าตึกB ถูกเอาออกไป ซึ่งมันวางพิงอยู่ข้างๆตัวตึก แต่ละก้าวของพวกเขาก่อให้เกิดฝุ่นที่อยู่บนพื้นฟุ้งกระจายขึ้นมาลองคิดดูสิว่ามันหนาซักแค่ไหน

พวกเขาต้องสำรวจห้องทุกห้องเพื่อค้นหาว่ามีสิ่งหลงเหลืออยู่หรือไม่ แล้วพวกเขาก็มาถึงห้องที่อยู่ถัดไปจาก 3 ห้องแรก มันเป็นออฟฟิชที่มีเอกสารกระจายเกลื่อนไปทั่ว

"ทีมก่อนหน้ามันไม่ทำห่าอะไรเลยหรอไง" มิกบ่นเมื่อเห็นสภาพห้อง

"ทีมก่อนหน้าไหน" แคปถาม

"ก็ทีมก่อนหน้าไง เมื่อหลายปีก่อน"

"พวกเขาอาจไม่ได้มาตึกนี้ก็ได้"

"พวกเขาตาย" ดร.รันพูดขึ้น

"ตายหรอ" มิกถาม "ตายยังไง ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลย"

"ก็แหงล่ะ พวกเขาปิดข่าวกัน" ฑีบอกขณะเก็บพวกเอกสารลงในถุงแล้วเงยตัวขึ้นมา "ผมพอจะรู้เรื่องนี้นะ พวกเขาโดดลงมาจากตึกแล้วตาย"

"เหรอ"

"ดร.รัน คุณรู้ไหมเรื่องที่คนโดดตึกตายนะ" แคปถามต่อ "แบบว่าคุณดูน่าจะรู้เรื่องพวกความลับนี้ดี พวกเขาน่าจะบอกอะไรบ้าง"

"อืม.. ไม่" แล้วรันก็เดินไปอีกห้อง

รันได้เดินมาที่ทางเดินอีกทาง ตึกนี้มีทางเดินหลายทางมาก เขาสังเกตว่าตั่งแต่เข้ามา ตึกทุกตึกจะไม่มีประตูหรือหน้าต่าง มันถูกถอดออกหรือไม่ก็โดนพัง และหน้าลิฟท์ก็มีโต๊ะวางซ้อนๆกันเหมือนมีคนไม่อยากให้ใช้มัน รันเลื่อนกล้องไปทางบันไดขึ้นชั้นสอง ขณะที่เขากดชัตเตอร์นั้นก็ได้มีเงาดำๆผ่านช่องตรงกล้องอย่างรวจเร็ว เขารีบลดกล้องลงทันทีแล้วมองไปรอบๆแต่ไม่พบอะไร

เขาเดินกลับมาหาคนอื่นๆ "ผมจะขึ้นไปชั้นดาดฟ้า"

"ผมไปด้วย" ฑีบอก

"เฮ้ ไม่ช่วยกันก่อนเหรอไง" มิกตะโกนตามหลังไป

รันกับฑีขึ้นมายังดาดฟ้าของตึก การที่ขึ้นมาดาดฟ้ามันควรจะได้เห็นวิวสวยๆแต่พวกเขากลับรู้สึกว่าวิวของที่นี่เหมือนกับอยู่ในป่าช้า

"ห๊ะ นั่น ตึก 14 ชั้นในตำนาน ว่ากันว่ามีคนตายเยอะมากๆแต่กลับเจอศพไม่กี่คน" ฑีบอก "คุณคิดยังกับเรื่องนี้บ้างดร.รัน คุณสมัครใจที่จะมาร่วมโครงการนี้ผมว่าคุณต้องมีแผน"

"…ก็เหมือนคุณนั่นแหละ ผมก็มีเหตุผลของผม"

"คุณไม่ถูกกับเอเย่นมิกใช่ไหม"

"ผมว่าคุณยุ่งเรื่องของผมมากไปหน่อยนะ" รันพูดแล้วยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา "ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าทำไม คำตอบมันอยู่ด้านหลังของคุณ ดร.ฑี"

ฑีหันหลังไป เขารู้สึกขนลุกอย่างไม่มีเหตุผล สิ่งที่อยู่ตรงนั้นที่ตึก 14 ชั้นก็คือร่างของใครบางคนที่น่าจะสูง 2 เมตร ตัวสีดำปี๋ ยืนอยู่ในชั้นที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาทั้งสอง ฑีรู้ได้เลยว่านั่นไม่มีใช่มนุษย์ มันน่ากลัวและสยอง

รันได้กดชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพสิ่งนั้นก่อนที่มันจะหายไปหลังเสาอย่างรวจเร็ว รันไม่รู้วาถ่ายติดภาพมันด้วยหรือไม่ ในขณะเดียวกันนั้นกับที่วิทยุสื่อสารของพวกเขามีเสียงดังประหลาดๆ

"<ครืดดดด…ดดดดด…ช่วย…ครืดดดด>"

"ว่าไง" รันพูดผ่านวิทยุ

"<…ช่วย…ครืดดดด…ดดดด..ด้วย…ครืดดดดด….>" แล้วเสียงก็เงียบหายไป

"ดร.ฑี? คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" รันถามฑีเมื่อเห็นว่าฑียืนตัวแข็งมาก

ต่อมารันกับฑีได้ลงมาจากดาดฟ้า แต่ฑีกลับเดินผ่านคนอื่นๆไปยังทางออกตึกโดยไม่พูดอะไรซักคำ

"ด็อค?" มิกเรียกฑีก่อนจะหันมาหารัน "เขาเป็นอะไร?"

"เขาแค่ช๊อค เดี๋ยวก็หาย …หรืออาจไม่หาย"

"หมายความว่าไง?"

ฑีเดินหายออกไปจากตึกแล้ว ไม่รู้ว่าเขาไปไหน

"เจ้าหน้าที่แคป คุณช่วยไปตามดร.ฑีกลับมาให้ที" รันสั่ง

"ได้ครับ"

ที่ตอนนี้เหลือแต่รันกับมิก ซึ่งมิกได้ทำภาษากายกับรันเพื่ออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฑี

"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ!?"

"เราเจอ 10"

"ว่าไงนะ!"

ด้านนอกตึกB แคปได้ตามหาฑีและเจอเขายืนอยู่ที่บริเวณจุดนัดพบ ฑีดูท่าทางแย่เอามากๆ

"ด๊อค อย่าแตกออกจากกลุ่มสิครับ เดี๋ยวก็หลงกันหรอก"

"ผมต้องการถอนออกจากภารกิจ"

"…ผมไม่เข้าใจ"

"ผมจะไม่ทำภารกิจนี้อีกแล้วนะ เมื่อกี้…" ฑีหยุดพูดไป

"มีอะไรก็บอกผมได้ เราทีมเดียวกัน"

"คุณไม่รู้หรอกเอเย่นแคป คุณพึ่งมาได้ไม่นานคุณแทบจะไม่รู้ว่าที่นี่มันนรกอะไร"

"…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไรแน่ครับ"

แล้วทันใดนั้นประตูบานใหญ่ทางเข้าออกของไซต์-66 ได้เลื่อนปิดตัวเอง เสียงเอี๊ยดอ๊าดของมันทำให้ทั้งคู่หันไปมอง

"เดี๋ยว ทำไมประตูถึงปิด"

"ไม่นะ ถ้ามันปิดเราออกไปไม่ได้แน่ ผมจะไปตามคนอื่น" แคปบอกแล้วก็วิ่งกลับไปยังตึกB

เหลือฑียืนอยู่คนเดียว เขาดูระแวงหันซ้ายหันขวาก่อนจะวิ่งตามแคปไป

"รอด้วย" เขาตะโกน


»ปัจจุบัน เวลา 13.22 น.

ดร.รันอยู่ที่แผนก C5 เขาอยู่ในห้องล้างรูป บนหัวของเขามีรูปมากกว่า 10 ใบทีแขวนอยู่และบางใบก็มีภาพปรากฎออกมาแล้ว ประตูห้องเปิดออก

"เจอสิ่งที่ตามหาอยู่หรือยัง" ชายคนนั้นถาม

"ยังเลย ผมว่าคงต้องดูให้ละเอียดมากกว่านี้"

"นึกไม่ออกเลยว่าสถานที่นั้นเป็นยังไง"

"มันเหมือนนรกบนดิน นรกที่ SCP สร้างขึ้น" รันบอก "ก็ดีนะที่พวกเขาทำลายมันไปได้ซะที"

"เขาบอกว่านายเห็นมัน นายเห็นจริงๆใช่ไหม"

"อืม" รันตอบแล้วค่อยๆยกรูปขึ้นมาจากน้ำ

"ก็แค่อยากรู้นะ แต่ชั้นจะไม่กวนนายหล่ะ"

"มันไม่ใช่ผี"

ชายคนนั้นที่กำลังเดินไปได้หันกลับมาหา "แล้วมันเป็นอะไร"

"10"


»ปี ค.ศ. 1999 เวลา 12.23 น.

พวกเขาซึ่งอยู่ใกล้กับทางออกมากที่สุดได้วิ่งมาที่ประตูบานใหญ่ที่ตอนนี้ได้ปิดตัวลงไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมประตูถึงปิด มิกพยายามวิทยุหาทีมอื่นๆหรือใครก็ตามที่อยู่ด้านนอกนั่น แต่ไร้ผลดูเหมือนว่าวิทยุจะถูกคลื่นบางอย่างแทรก และทุกครั้งที่พวกเขาพยายามจะติดต่อถึงทีมอื่นก็จะมีเสียงขอความช่วยเหลือที่เย็นยะเยือกดังออกมาให้ได้ยิน

ฑีนั่งยองๆ ท่าทางจะกลัวมากๆมาตั่งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว

"เอาล่ะขอเคลียร์หน่อยนะ" มิกได้พูดขึ้นและเดินออกมาอยู่หน้าทุกคน "ดร.รัน คุณช่วยบอกแบบจริงๆจังหน่อยนะว่า มันเกิดห่าอะไรกันแน่!"

รันซึ่งยืนกอดอกอยู่ดูเหมือนจะไม่พอใจที่มิกเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้ มิกควรเป็นมืออาชีพให้มากกว่านี้

"ใจเย็นๆ มิก เราต้องผ่านมันไปได้" แคปบอก

"หุบปากไปเลย ผมต้องรับผิดชอบชีวิตของพวกคุณและคุณ คุณทำให้ทุกคนเสี่ยง" มิกชี้มาที่รัน

"อ๋อได้ อยากรู้นักใช่ไหม๊"

"ใช่ มาเลย"

"นี่มันนรกแตกชัดๆ" ฑีที่นั่งอยู่ตรงนั้นพูด

"10 มันยังไม่ตาย เขาจะฆ่าเราทุกคน เหมือนกับทีมก่อนหน้าตาย นาย นาย และนาย ตาย"

"อย่าพูดเรื่องตายได้ไหม" ฑีพูดขึ้นอีกครั้ง

"ถ้าพวกเราไม่ออกไปจากที่นี่ก่อนมืด ชั้นรับรองได้เลยว่าจะไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่อีกอย่างแน่นอน" รันบอก

"ใครคือ 10 วะ?" แคปถาม

"10 คือคนที่ฆ่าทุกคนที่ไซต์นี้เมื่อ 20 ปีก่อน ลือกันว่าเขาไม่ได้ตายในกองไฟและกินศพของคนอื่นๆเป็นอาหาร และฆ่าทุกคนที่เข้ามาที่นี่" ฑีบอก "เขาชื่อ เอร่อน เขาเป็น O5-10"

"บ้าชัดๆ แมร่งโรคจิต"

ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนเสียงสัญญาณบางอย่างมาจากที่ไหนซักแห่งภายในไซต์ มันอยู่ใกล้ๆกับที่พวกเขาอยู่มาก มันมาจากตึก 14 ชั้นนั่น พวกเขาวิ่งไปดู ใครกันที่เข้าไปในตึกนั้นแล้วทำให้สัญญาณเสียงแตกๆดังออกมา จากตรงนี้รันมองเห็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่งตัวดียืนอยู่ที่หน้าต่างบนชั้น 4 เขามองลงมาทางนี้ก่อนจะเดินหายไป

"อ่อ มีใครเห็นแบบผมมั่ง ผมเห็น…" มิกพูด

"10 งั้นเหรอ?" แคปถาม "ใช่เขาไหม?"

"ไม่คิดว่าใช่ คนที่ผมกับฑีเห็นไม่ใช่คนนี้"

"แล้วใครกัน?"

ระหว่างที่พวกเขาตั้งคำถามกันอยู่นั้นก็มีร่างของใครบางคนถูกโยนลอยออกมาจากตึก 14 ชั้น ร่วงลงมาตกกระแทกพื้นอย่างรวจเร็วลงไปด้านหลังกำแพง เสียงดังตุบกึกก้องได้ยิงชัดเจนในสถานที่เปลี่ยวแห่งนี้

"อะไรวะ!"

"นั่นคนใช่ไหม ผมว่าใช่นะ" ฑีเริ่มกลัวอีกแล้ว "ที่นี่กำลังทำให้ผมประสาท"

"มีสติหน่อยทุกคน" รันพูด "ผมจะไปดูเองว่าเป็นอะไร"

"แล้วจะปีนข้างกำแพงบ้านั่นได้ไง คุณรู้ทางเข้าเรอะ"

"ไม่ แต่ผมรู้ว่าผมมีวิธีข้ามกำแพงนั่น" "เอาล่ะ มาช่วยผมหน่อย"

แล้วรันกับมิกก็มาที่บริเวณห้องน้ำ ห้องน้ำนี้มันสูง 3 เมตรกว่าๆคงได้และมันอยู่ใกล้ๆกับกำแพงแเกือบจะชิดติดกัน สิ่งที่ต้องทำก็แค่หาทางปีนขึ้นไปบนหลังคาของห้องน้ำและโดดไปเกาะกำแพงแค่นั้น มันดูเหมือนจะง่าย… แต่บางทีเขาอาจไม่ต้องกระโดด ในที่สุดเขาก็หาจุดที่จะปีนขึ้นไปได้ มันไม่ยากเลยด้วยซ้า ห้องน้ำทำจากคอนกรีดทั้งหมดและหลังคาก็เรียบแบนทำให้ยืนได้ง่าย

"คุณช่วยไปเอาประตูมาให้ผมที ประตูที่มันยาวๆ ผมจะเอามาพาดกับกำแพง แล้วก็เก้าอี้สูงๆด้วย" รันบอกแล้วเริ่มปีนขึ้น

มิกกับแคปเอาประตูกับเก้าอี้ที่อยู่ตรงตึกB เมื่อมาถึงมิกก็ปีนขึ้นไปบนหลังคาในจุดเดียวกับรัน ก่อนช่วยกันเอาของขึ้นมา เขาก็แค่เอาประตูไปพาดกับกำแพงแล้วใช้เก้าอี้ทำให้มันสูงขึ้นมาอีกหน่อย และเพื่อให้รันสามารถวิ่งขึ้นไปได้โดยไม่ไหลลงมา ประตูเลยพาดไปไม่ถึงขอบของกำแพง แต่มันก็ดีแล้ว มิกจะเป็นคนจับเก้าอี้ไว้ไม่ให้มันเคลื่อน รันถอดชุดป้องกันออกยกเว้นหน้ากาก แล้วก็เอากล้องใส่ในกระเป๋ากางเกง

"คุณพร้อมแล้วนะ"

"อืม"

แล้วรันก็วิ่งขึ้นไปบนประตูที่พาดกับกำแพง เขากระโดดนิดหน่อยเพื่อให้มือถึงขอบกำแพง และมันก็ถึง จากนั้นเขาก็ยกตัวเองเอาขาขวาพาดไปอีกฝั่งและเห็นว่าอีกฝากนึงไม่มีอะไรมารองรับเขาเลย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เขาเอาตัวลงโดยที่มือทั้งสองยังจับขอบกำแพงอยู่ เมื่อพร้อมเขาก็ปล่อยมือ รันเคยทำอะไรแบบนี้มาแล้วเขารู้วิธีลงที่ถูกต้องและกำแพงไม่ได้สูงมากที่จะทำให้เขาเจ็บตัวได้

ตรงที่เขาลงมานั้นเป็นด้านข้างของตึก 14 ชั้น เขาเริ่มมองไปรอบๆตัว เขาต้องหาร่างนั้นให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

"เป็นไงมั่ง" เสียงมิกตะโกนถาม

"ทุกอย่างโอเค" "ผมจะไปดูสิ่งนั้น"

รันได้วิ่งเหยาะๆมาตรงที่ร่างตกลงมา เขาเห็นแล้วและวิ่งเข้าไปดู ร่างนั้นสวมใส่ชุดป้องกันแบบเดียวกันและตั่งแต่หัวจนถึงอกถูกตัดขาดหายไป และเลือดที่กระจายไปรอบๆตามแรงกระแทก ไม่ใช่สิ่งที่น่าดูเท่าไหร่นัก รันก้มลงไปค้นตัวศพและเจอกระเป๋าตัง และบัตรพนักงาน "ฉิบหายล่ะ ต้องมีคนไม่ชอบใจแน่" เมื่อบัตรที่เขาถืออยู่นั้นเป็นของดร.มัว

รันวิ่งกลับมาที่กำแพง "ผมเจอร่างนั้นแล้ว เป็นดร.มัว"

"อะไรนะ?"

"เขาคือดร.มัว

"ฉิบหายแล้วไง"

"ข้ามมาได้ไหม"

"น่าจะได้อยู่ ผมจะให้คนอื่นข้ามไปก่อน" มิกตะโกนบอก

ฑีจะเป็นคนต่อไปที่จะข้ามมา แต่เขาไม่ได้เก่งในการปีนป่ายและมันทะลักทุเลมาก "ไม่ๆๆ แบบนี้ไม่เอา" เขาร้องเมื่อมองลงมายังอีกฝากของกำแพงตอนที่ตัวของเขาทาบอยู่บนขอบ "ไม่ไหว"

"ค่อยๆลงมา มันไม่ได้สูงมาก"

"นี่นะไม่สูง!"

แล้วอยู่ๆเสียงสัญญาณแตกๆนั่นก็ดังขึ้นอีกรอบ

"ห่าเอ้ย! ชั้นเกลียดที่นี่" ฑีร้อง "ก็ได้ๆผมจะค่อยๆลง"

แล้วฑีก็ลงมาได้ลงแบบหงายหลังก้นกระแทกพื้น แต่เขาไม่เป็นอะไรมาก ส่วนคนอื่นๆข้ามมาได้แต่โดย ก่อนที่ทุกคนจะถอดชุดป้องกันออกยกเว้นหน้ากาก

"โธ่เอ้ย มัว มันไม่ควรเป็นแบบนี้" แคปเอาชุดมาคลุมที่หัวของมัวไว้

"ถ้าทีม1 เข้ามาในนี้ได้มันก็ต้องมีทางออกไปจากกำแพงและอาจมีทางออกไปจากที่นี่ เว้นแต่ว่า…"

"เว้นแต่อะไร?"

"จะมีคนไม่อยากให้เราออกไปจากที่นี่น่ะสิ" รันบอกแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายด้านหน้าของตึก "นี่จะเป็นการบันทึกภาพที่ไม่เคยมีทีมไหนเคยเห็นมาก่อน"

"เห็นแบบนี้แล้วคิดถึงปืนขึ้นมาจับใจ เขาน่าจะให้ปืนติดตัวเราตอนที่เข้ามา"

"ผมมีมีดสนับ" รันบอก

"นั่นอุ่นใจขึ้นเยอะเลยนะครับ" แคปพูดปานประชด

"ผมพร้อมที่จะเข้าไปแล้ว พวกคุณล่ะ" มิกหันไปหาฑี

"เอาไงก็เอา"

พวกเขาได้ตัดสินใจเข้าไปยังตึกนั้นเพื่อค้นหาคนอื่นๆ ถ้าดร.มัวถูกโยนลงมาจากตึก 14 ชั้น ก็ต้องมีคนอื่นในทีมของเค้าอยู่ภายในนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License