SCP-630-TH
  • rating: +9+x

5/630-TH LEVEL 5/630-TH
CLASSIFIED
classified-bar.svg
classified-bar.svg
classified-bar.svg
classified-bar.svg
classified-bar.svg
classified-bar.svg
วัตถุ# SCP-630-TH
Apollyon

มาตรการกักกันพิเศษ: เนื่องจากลักษณะที่คาดเดาไม่ได้และภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจาก SCP-630-TH ความพยายามในการกักกันจึงมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าติดตามและบันทึกกิจกรรมของมันมากกว่าการพยายามกักกันทางกายภาพ สถาบันได้จัดตั้ง Mobile Task Force Omega-9 ("Cosmic Watchers") เพื่อติดตาม SCP-630-TH อย่างใกล้ชิดและรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด Mobile Task Force Omega-9 มาพร้อมกับเทคโนโลยีการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์และเทคโนโลยีพิเศษขั้นสูงเพื่อรักษาการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับ SCP-630-TH นั้นจะถูกจัดเป็นความลับระดับสูงสุด (ระดับ 5/630-TH) เพื่อป้องกันความตื่นตระหนกอย่างกว้างขวางและรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ในกรณีที่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับ SCP-630-TH ให้แจ้งสภา O5 ทันที และพิธีสารโอเมกา-ฟี "เรควีเอ็ม"1 จะถูกบังคับใช้ทันที

หากบุคลากรคนใดที่พยายามจะนำข้อมูลไปเผยเเพร่ จะถูกพิจารณาอย่างเคร่งครัดจากการตัดสินใจของสภา O5 ตามลำดับ, บุคลากรคนใดที่พยายามติดต่อสื่อสารกับ SCP-630-TH จะต้องถูกลดระดับการกวาดล้างทันทีโดยไม่มีการพิจารณาใดๆ

เนื่องด้วยเนื่องด้วยเป้าหมายของ SCP-630-TH-A เป็นอันตรายต่อโลกโดยตรง สถาบันจึงให้ D-██████ สําหรับการแฝงตัวเข้าไปในกับ SCP-630-A เพื่อสํารวจและบันทึกรายละเอียดของ SCP-630-TH และพยายามทําไห้การประกอบพิธีกรรมของมันเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่สําเร็จ เป็นไอเดียชั่วคราว จนกว่าจะหาวิธีใหม่ที่ดีกว่าไอเดียดังกล่าว

เดิมไอเดียในการใช้ D-██████ ในการบันทึกข้อมูลนั้นถูกมองว่าไม่เห็นด้วยเนื่องปัจจัยหลายๆอย่าง แต่ใน เหตุการณ์ 630-TH-A/I และใน ภาคผนวก-01 แสดงให้เห็นว่าวิธีดังกล่าวให้ผลลัพพ์ที่ดีอย่าวมาก ไอเดียนี้จึงยังถูกใช้งานต่อไป จนกว่าจะหาวิธีใหม่ที่ดีกว่าไอเดียดังกล่าว

รายละเอียด: SCP-630-TH เป็นดาวเคราะห์ปริศนาที่ปรากฏขึ้นในระบบสุริยะประมาณ 1~15 น. เเละก็จะหายไปพร้อมกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่ารูหนอน เเต่ SCP-630-TH จะกลับมาปรากฏอีกครั้งเมื่อวงโครจรของโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ, SCP-630-TH มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 25,484 กม. ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าโลกสองเท่าตามเส้นผ่านศูนย์กลาง ไม่ทราบเเน่ชัดว่าจะมีการปรากฏขึ้นอีกครั้งหรือไม่ เนื่องจาก SCP-630-TH จะปรากฏขึ้นมาในระบบตรวจจับสัญญาณจากดาวเทียมเเบบสุ่ม ทำให้ไม่สามารถคาดการถึงเวลาการปรากฏตัว

เมื่อ SCP-630-TH วิ่งอยู่บนวงโคจรของระบบสุริยะ จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "เเรงโน้มถ่วงเชิงภาวะเอกฐาน" เมื่อมีมวลของเเรงโน้มถ่วงมากๆจะเกิดการโค้งงอของกาลเเละอวกาศ ทำให้เกิดหลุมดำขนาดเล็กที่มวลมาก ซึ่งจะอยู่ไม่ห่างจากตัว SCP-630-TH เพียงเเค่ 20 ปีเเสง

SCP-630-TH มักปรากฏขึ้นในระนาบวงโคจรของดาวเนปจูน ทำให้ดาวเนปจูนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำของวัตถุ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเก็บเป็นความลับเพื่อไม่ให้ประชากรโลกวิตกกังวลทั่วโลก เมื่อดาวเนปจูนหายไป SCP-630-TH ก็จะปรากฏในระนาบวงโครจรของดาวเนปจูนเเทน SCP-630-TH มีสิ่งที่เรียกว่า "Forcesphere" เป็นชั้นบรรยากาศครอบคลุมทั่วทั้งวัตถุ โดยมีความผิดปกติทางกาลเวลาที่บิดเบือนโดยทำให้พื้นที่โดยรอบเกิดการโค้งงอของกาลเวลาเเละอวกาศที่ส่งผลโดยตรงต่อพื้นที่นั้น โดยห่างจาก SCP-630-TH ประมาณ 60 กม.

%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%20178_20240611101031.png

ภาพถ่ายจากดาวเทียมของสถาบันที่ถ่าย SCP-630-TH เเละ Apunov 61S ได้

รูหนอนที่อาจมีความเชื่อมโยงต่อ SCP-630-TH ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้วัตถุหายไป ไม่รู้เเน่ชัดว่ารูหนอนเกิดขึ้นมาได้ไงเเต่ความสันนิษฐานว่าเกิดจากตัวชั้นบรรยากาศ "Forcesphere"

SCP-630-TH จะปล่อยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่รุนแรง บิดเบือนการสื่อสารและรบกวนดาวเทียมที่อยู่ใกล้เคียง การรบกวนนี้ทำให้การสังเกตด้วยสายตาโดยตรงและการรับรู้จากระยะไกลไม่ได้ผล ทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์พื้นผิวหรือโครงสร้างภายในโดยละเอียดได้ นอกจากนี้ ยานอวกาศหรือยานสำรวจใดๆ ที่ส่งไปตรวจสอบ SCP-630-TH นั้นถูกทำลายหรือหายไปเมื่อเข้าใกล้ระยะที่กำหนด

ลักษณะผิดปกติของ SCP-630-TH นั้นมีมากกว่าการรบกวนจากแรงโน้มถ่วงและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การวิเคราะห์เเรงโนมถ่วงของวัตถุที่มีผลต่อกาลอวกาศโดยรอบเผยให้เห็นถึงผลกระทบที่แปรปรวน ซึ่งบ่งบอกว่า SCP-630-TH อยู่ในรูหนอนที่ไม่เหมือนใครหรือความเป็นจริงทางเลือก ความพยายามที่จะสังเกต SCP-630-TH ผ่านการสังเกตด้วยกล้องโทรทรรศน์หรือภาพถ่ายจากดาวเทียมทำให้เกิดการรับรู้ถึงความว่างเปล่ามากกว่าการมีอยู่จริงของดาวเคราะห์

นอกจากนี้ SCP-630-TH ยังแสดงผลกระทบแบบมีม ทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังในตัวบุคคลที่พยายามจะเข้าใจหรือศึกษามัน ผลกระทบนี้จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้ SCP-630-TH ซึ่งนำไปสู่การบาดเจ็บทางจิตใจอย่างรุนแรงและในที่สุดก็เกิดคาตาเนียหรือการฆ่าตัวตาย แม้แต่การสัมผัสทางอ้อมต่อผลมีมของ SCP-630-TH เช่น การอ่านหรือการสนทนา ก็สามารถทำให้เกิดผลเสียทางจิตใจได้

ด้วยคุณสมบัติพิเศษและการคุกคามจาก SCP-630-TH ความพยายามในการกักกันจึงมุ่งเน้นไปที่การติดตามและรวบรวมข้อมูลจากระยะที่ปลอดภัย ความพยายามในการวิจัยมีเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจธรรมชาติและที่มาของ SCP-630-TH ตลอดจนหาวิธีการที่เป็นไปได้ในการบรรเทาหรือทำให้ผลกระทบผิดปกติของมันหมดไป

เเละอีกอย่าง SCP-630-TH มีลักษณะผิดปกติหลายอย่างที่ขัดต่อความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ทั่วไป คุณสมบัติเหล่านี้รวมถึง:

  • การบิดเบือนเชิงพื้นที่: SCP-630-TH ทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของกาลอวกาศในบริเวณใกล้เคียง เป็นผลให้สนามแรงโน้มถ่วงและสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารอบๆ SCP-630-TH เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การบิดเบี้ยวนี้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในอวกาศที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดความผิดปกติในวงโคจรและอันตรกิริยาจากแรงโน้มถ่วง
  • การเปลี่ยนแปลงความเป็นจริง: SCP-630-TH ปล่อยสนามพลังงานที่ไม่ปรากฏชื่อออกมาซึ่งส่งผลต่อกฎของฟิสิกส์ในบริเวณใกล้เคียง การสังเกตบ่งชี้ความผันผวนของค่าคงที่พื้นฐานและการเปลี่ยนแปลงในรูปทรงเรขาคณิตของกาลอวกาศ กลไกและผลกระทบที่แน่นอนของผลกระทบที่เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
  • ความผิดปกติชั่วคราว: SCP-630-TH เกี่ยวข้องกับความผิดปกติชั่วคราวในบริเวณใกล้เคียง มีการสังเกตผลกระทบของการขยายเวลา โดยเวลาที่ผ่านไปในอัตราที่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับการวัดมาตรฐาน ความรุนแรงและระยะเวลาของความผิดปกติทางโลกเหล่านี้แตกต่างกันไป และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจรูปแบบและผลที่อาจเกิดขึ้น

ความพยายามในการติดต่อสื่อสารโดยส่งสัญญารวิทยุไปยัง SCP-630-TH นั้นไม่ประสบผลสำเร็จ วัตถุหรือยานอวกาศใดๆ ก็ตามที่เข้าใกล้ขอบเขตการบิดเบือนเชิงพื้นที่ของ SCP-630-TH จะประสบกับปัญหาในการสื่อสาร การนำทาง และความสมบูรณ์ทางกายภาพอย่างรุนแรง ความผิดปกติเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการสูญเสียยานสำรวจและดาวเทียมไร้คนขับหลายดวง

นอกจากนี้ในบางครั้งจะมีการปรากฏขึ้นของ Apunov 61S ซึ่งเป็นหนึ่งในดาวปริวารของ SCP-630-TH อยู่ห่างออกไปจาก SCP-630-TH ประมาณ 761,482 กม. ถึงแม้ห่างไกลขนาดนี้แต่ SCP-630-TH ก็ยังสามารถส่งผลกระทบมาถึงได้ ถึงอย่างงั้นตัวของ Apunov 61S ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงลักษณะผิดปกติแต่อย่างใด ในทางกลับกันความผิดปกติที่เกิดขึ้นบน Apunov 61S นั้นเป็นผลกระทบที่เกิดมาจาก SCP-630-TH-A

SCP-630-TH-A คืออารยธรรมแปลกประหลาดโดยใช้ชื่อว่า"Treefolk" อารยธรรมดังกล่าวอาศัยอยู่บน Apunov 61S โดยรูปร่างของมันจะคล้ายกับมนุษย์ที่ไร้เส้นผมผิวสีเหลืองจางมีขนาดความสูงแต่ต่างกันไป ซึ่งเป้าหมายอารยธรรมดังกล่าว ถูกระบุบไว้ว่าต้องการที่จะนํา SCP-630-TH เข้าสู่ระบบสุริยะ โดยแทนที่ดาวโลก โดย SCP-630-TH-A จะทําพิธีกรรมต่างๆซึ่งส่งผลต่อโลกโดยตรง ซึ่งถูกระบุบไว้ว่าพิธีกรรมทั้งหมดใช้เวลาอย่างมาก และใช้รายละเอียดจํานวนมาก ส่งผลให้ในหลายๆครั้งในการประกอบพิธีกรรม พิธีกรรมดังกล่าวมักจะไม่เป็นอันสําเร็จ หรือ SCP-630-TH มักจะหายไปก่อนที่การประกอบพิธีกรรมจะสําเร็จ ปัจจุบันยังไม่มีการปรากฏเทคโนโลยีของ SCP-630-TH-A ใดๆ


เหตุการณ์ 630-TH-A/I

ขนาดที่ดร.พีชจะกลับไปที่ห้องทําของเขา เขาเองก็กําลังคิดหาวิธีสํารวจ Apunov 61S เนื่องจากการมีอยู่ของ SCP-630-TH-A ทําให้โลกตกอยู่ในอันตราย แต่การสํารวจ SCP-630-TH-A เองก็ใช้งบและความเสี่ยงจํานวนมหาศาล

"คุณพีชครับ ผมหาวิธีสํารวจ ได้แล้วครับ" เสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหลัง

ดร.พีชแปลกใจกับนักวิจัยหนุ่มที่วิ่งมาหาเขา เขาไม่เห็นชายคนนั้นมาก่อน ทั้งที่เขาทํางานในองค์กรนี้มาหลายปี

ดร.พีชเอ่ยถามไป "นี่นายพึ่งมาทํางานที่นี่หรอ"

"ใช่ครับ" ชายคนนั้นพูดขึ้น เขาทําสีหน้าเขินอายเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นต่อ

"ผมพึ่งมาทํางานใหม่ได้ไม่กี่สัปดาห์เองน่ะครับ ตอนนี้มีเเค่ 'หนังสือ' สิ่งเดียวที่เคยวิจัยแล้วเขียนบันทึก เป็นหนังสือจากสำนักพิมพ์โนว์อิ้ง เลยอยากจะมาเก็บประสบการณ์จากคุณน่ะครับ รบกวนด้วยนะครับ"

ดร.พีชยิ้มเล็กน้อย "ออ เจ้าหนังสือนั้นน่ะหรอ ส่วนตัวฉันก็ค่อนข้างที่จะชอบเล็กน้อยอะนะ"

"จริงหรอเนี้ย! ไม่อยากจะเชื่อเลยคุณพีชจะชอบมันด้ว-" นักวิจัยหนุ่มตะโกนด้วยความดีใจ

ดร.พีชพูดขัดขึ้นในระหว่างนั้น "เงียบๆน่า เอาล่ะๆ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าไอที่นายบอกว่า หาวิธีสํารวจหมายถึงการสํารวจอะไรอย่างงั้นหรอ"

"ก็ไอดาวแปลกๆที่ชอบมาแล้วหายไปไงครับ ตามที่บันทึกคุณบอกเจ้าพวกนั้นมีผิวสีเหลืองซีด และผมก็เจอตัว D-คลาสที่มีคุณลักษณะที่คล้ายกับเจ้าพวกนั้น"

ดร.พีชก่อนที่พูดด้วยสีหน่าที่เคร่งเครียด

"ฟังน่ะเรื่องนี้ถ้าองค์กรรู้ เขาเชือดนายทิ้งแน่ พวกระดับตํ่าๆอย่างนายไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องระดับ 5 และอีกอย่างจะบ้าหรือเปล่าเนี้ย ส่งมนุษย์ให้ไปแฝงกับพวกมนุษย์ต่างดาวเนี้ยน่ะ นายคิดจริงๆหรอว่ามันจะได้ผล นี่มันเรื่องระดับโลก แต่นายเอาแนวคิดแบบเด็กประถมมาพูดเนี้ยนะ เอาล่ะฉันไม่มีเวลามาคุยเรื่องไร้สาระกับนายในตอนนี้ ฉันต้องไปแล้วล่ะ"

ดร.พีชรีบเดินกับไปที่ห้องทํางานของเขา

นักวิจัยหนุ่มรีบตามดร.พีชก่อนที่พูดขึ้นว่า

"เดี๋ยวก่อนสิ มันก็เหมือนกับทีคุณส่ง D-คลาส 3 คนลงไปบันทึก SCP-001-TH ไง"

ดร.พีชด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดกว่าเดิม

"ไม่ ฟังนะแค่ส่งคนไปห้องแลปที่มีสัตว์ประหลาดตัวเดียวที่ฉันมีข้อมูลของมันจํานวนนึงมันไม่เหมือนกับการส่งคนไปดาวอีกดวงนึงที่เราไม่มีข้อมูลอะไรเลย นอกจากลักษณะของมัน"

นักวิจัยหนุ่มคนนั้นพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

"เอาล่ะครับ คุณพีชผมจะให้คุณดูอะไรนี่ พรุ่งนี้ ตอน ██:██น. เจอกันที่ ██████ นะครับ ถ้าคุณยังเชื่อว่าผมพูดสิ่งนี้ขึ้นมาไร้สาระผมจะเคารพการตัดสินใจของคุณแล้วกันครับ"

"อืม ก็ได้ ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ว่างพอดี" ดร.พีชใจเย็นลง หลังจากเขาก็พูดขึ้น


ณ ██████ วันที่██/██/████ เวลา ██:██


ดร.พีช: คุณถึงพาผมมาที่ไหนกันแน่เนี้ยครับ แถมยังแบกกระเป๋าแปลกๆไว้ที่หลังด้วย

นักวิจัยหนุ่ม: ต้องขออภัยในความไม่สะดวกนะครับ เอาล่ะต่อจากนี้ช่วยตามผมมาหน่อยครับ ถึงแม้ทางมันจะดูแปลกๆหน่อยก็เถอะครับ

ดร.พีช: อืม เข้าใจแล้ว

นักวิจัยหนุ่ม: คุณพีชครับ คุณไม่เอะใจมั้งหรอครับ ที่จู่ๆคนที่รู้จักกันได้ไม่ถึงวันเลยเนี่ยพาไปที่แปลกๆ น่ากลัวๆแบบนี้น่ะครับ

ดร.พีช: ก่อนมาทํางานในองค์กรนี้ ผมเคยเป็นนักสืบมาก่อน อะไรแบบนี้ผมเจอมาเยอะล่ะครับ เเละผมก็สืบเรื่องของคุณมาก่อนเเล้วด้วย

นักวิจัยหนุ่ม: ห่ะ!? คุณสืบเรื่องของผมจริงๆหร- (ชะงักไปชั่วครู่) งั้นเราเดินมาสักพักแล้วล่ะครับ ใกล้จะถึงแล้วล่ะครับ อดทนอีกหน่อยน่ะครับ

ดร.พีช: เดี๋ยวก่อนสิ ตรงนี้เคยมีข่าวเกี่ยวกับอุกกาบาตปริศานาที่ตกลงมานี งั้นก็หมายความว่า…

นักวิจัยหนุ่ม: ใช่ครับ ตามที่คุณคิดเลยครับ SCP-630-TH-A ติดมากับอุกกาบาตลูกนั้น ความไม่เชื่อก็คือผมพบข้อมูลใหม่ที่เป็นวิธีสํารวจ ดาวบริวารของ SCP-630-TH ได้น่ะครับ ซึ่งก็ตามที่ผมได้พูดไปเมื่อวานน่ะครับ ส่วนที่ผมไม่ได้บอกใครก็เพราะผมยังเป็นนักวิจัยหน้าใหม่ ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระดับ5 มีหวังองค์กรเชือดผมทิ้งแน่

ดร.พีช: ความหมายว่าไง ตามข่าวนั้น อุกกาบาตถูกเผาไปก่อนที่จตกลงสู่พื้นไม่ใช่หรอ

นักวิจัยหนุ่ม: พวกมันอาศัยอยู่ในระยะผลกระทบของ SCP-630-TH อย่างรุนแรงได้สบายๆด้วย พวกมันไม่เป็นอะไรเเน่นอน กับอีแค่โดนชั้นบรรยากาศเผานิดหน่อย คงไม่ได้สร้างผลกระอะไรมากกับพวกมันหรอก

ดร.พีช: อย่างงั้นหรอ แต่ไอวิธีสํารวจที่นายบอกฉันบอกฉันเมื่อวาน มันจะได้ผลได้ยัง มนุษย์ไม่สามารถที่จะทนต่อผลกระทบของมันได้

นักวิจัยหนุ่ม: ผมก็อธิบายให้คุณไม่ได้เหมือนกัน คุณต้องมาดูด้วยตาตัวเองล่ะครับ เอาล่ะครับ ตอนนี้เรามาถึงพอดีเลยครับ

ทั้งสองเข้าไปในถํ้าแปลกๆ สิ่งที่เขาพบเจอก็คือฝูง SCP-630-TH-A จํานวนมาก ที่กําลังเหมือนกับจะทําพิธีกรรมอะไรบางอย่าง

นักวิจัยหนุ่มทําภาษามือเพื่อเรียกใครสักคน ขนาดเดียวกัน หนึ่งใน SCP-630-TH-A พยายามเดินออกมาจากฝูง

ดร.พีช: เดี๋ยวนี้มันหมายความไง นายเป็นพวกเดียวกันกับมันหรอ หรือหมายความว่าไง

นักวิจัยหนุ่ม: ใจเย็นๆครับ เขาคือ D-██████ ที่ถูกผมใช้ยาลบความลบจําอย่างหนัก จนตอนนี้เขากลายเป็นเหมือนกับหุ่นเชิดมีเนื้อหนังที่ทําได้เเค่หลอกล่อและเก็บข้อมูลพวกมัน ตอนนี้เขาศึกษาภาษาของพวกมันจนเข้าใจแล้วมีอํานาจอย่างในฝูง ผมรู้ว่ามันค่อนข้างโหดร้าย แต่ผมทํามันไปเพราะอยากที่จะไม่ให้ SCP-630-TH-A เป็นอันตรายต่อโลก ยังไงก็ต้องมีการสูญเสียคนจํานวนนึง

ดร.พีช: อย่างน้อยนั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา

นักวิจัยหนุ่มพูดกับ D-คลาส: เอาล่ะ ถ้าเอาตามที่แกบอก เจ้าดาวดวงนั้นจะมาในพรุ่งนี้สิน่ะ งั้นก็เอานี่ไป ฉันเตรียมของมามากสําหรับทําพิธีกรรม แล้วก็เครื่องส่งสัญญาณแบบพิเศษสําหรับการสื่อสารเวลาอยู่ในระยะของ SCP-630-TH

ดร.พีช: เดี๋ยวนะ นี้มันหมายความไง นายไปขโมยเครื่องสื่อสาร2นั่นมาได้ยังไง แล้วพิธิกรรมที่พูดถึงเมื่อกี้หมายความว่าไง

นักวิจัยหนุ่ม: คุณยังไม่รู้สินะครับ ผลกระทบของพวกมันที่ส่งผลกระทบมาถึงโลก ล้วนแล้วแต่มาจากการทําพิธีกรรมของพวกมัน แล้วก็พิธีกรรมถัดไปของมันก็คือการกลับดาวของมัน ปกติพวกจะต้องหาของมาประกอบพิธีเอาเองแต่ผมเตรียมมาให้แล้ว ส่วนไอเครื่องนั้นผมขอไม่บอกคุณก็แล้วกันครับ

นักวิจัยหนุ่ม: ส่วนถ้าถามว่ามนุษย์ปกติ จะอาศัยอยู่บนนั้นได้หรือป่าวอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ แต่จากที่ผมสํารวจมาหลักการที่พวกมันมาตกยังสู่โลก พวกมันก็ทําพิธีกรรมต่างๆซึ่งส่งผลกระทบคล้ายกับ SCP-630-TH ยังไงซ่ะ D-คลาสคนนี้ก็โดนผลกระทบนั้นจนสามารถที่จะต่อต้านมันได้ในระดับนึง ยังไงเราก็ต้องมาดูผลของมันอีกที

นักวิจัยหนุ่ม: ที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างก็คือ สําหรับที่นี้ เจ้า D-คลาสนั้นระบุว่าเจ้าพวกนั้นหลอกลวงได้ง่าย แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าพวกบนดาวจะหลอกง่ายเหมือนกับที่นี่ไหม?

ดร.พีช: ที่เราทําได้ตอนนี้มีแค่รอแล้วสังเกตงั้นหรอ

นักวิจัยหนุ่ม: ครับ เราทําได้แค่นั้น ถ้าไม่ได้ผมเองก็สิ้นหวังเหมือนกันครับ

ในท้ายที่สุดดร.พีชขอที่จะไม่เอ่ยถึง นักวิจัยหนุ่มดังกล่าว โดยอ้างว่า เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง

จบการบันทึก


ภาคผนวก-01: สํารวจ Apunov 61S (SCP-630-TH-A-1)

ในวันที่ 20/█1/23██ ภารกิจบรรจุคนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเรียกว่า Expedition Alpha ได้ถูกส่งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างการติดต่อโดยตรงกับ SCP-630-TH-A-1 ภารกิจประกอบด้วยลูกเรือนักบินอวกาศ 6 คน ซึ่งทุกคนได้รับการฝึกอบรมอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการทูตและเทคนิคการสื่อสารนอกโลก
แนวทางของ Expedition Alpha ระมัดระวังและไม่คุกคาม โดยทีมงานจะถ่ายทอดชุดสัญญาณและข้อความในหลายภาษา โดยใช้รหัสทางคณิตศาสตร์และรูปภาพที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสื่อถึงเจตนารมณ์โดยสันติ ความพยายามในการสื่อสารเหล่านี้พบกับความเงียบอันน่าขนลุกจาก SCP-630-TH-A-1
หลังจากปฏิบัติภารกิจประมาณ 48 ชั่วโมง ขณะที่ยานอวกาศเข้าใกล้พื้นผิวดวงจันทร์ภายในเขตยกเว้นที่กำหนดไว้ ลูกเรือรายงานปรากฏการณ์ที่น่าวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ:

  1. การรบกวนทางจิตจลนศาสตร์: สมาชิกลูกเรือประสบกับความผิดปกติทางจิตอย่างรุนแรงและควบคุมไม่ได้ รวมถึงวัตถุที่ลอยอยู่ในยานอวกาศ อุณหภูมิที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว และอาการประสาทหลอน
  2. การบุกรุกทางจิต: ลูกเรือหลายคนรายงานประสบการณ์กระแสจิตที่ชัดเจนและไม่มั่นคง สิ่งเหล่านี้รวมถึงการเผชิญหน้ากับความทรงจำที่บิดเบี้ยว ความรู้สึกหวาดกลัวที่อธิบายไม่ได้ และความรู้สึกอย่างต่อเนื่องที่ถูกตรวจตราโดยสิ่งที่มองไม่เห็น
  3. รายละเอียดการสื่อสาร: ความพยายามทั้งหมดในการสื่อสารกับ SCP-630-TH-A-1 นั้นไร้ประโยชน์ เนื่องจาก Expedition Alpha สูญเสียการติดต่อกับทั้งการควบคุมภารกิจบนโลกและหอสังเกตการณ์อวกาศห้วงลึกอื่นๆ ที่สถาบันดำเนินการ

ขณะที่ Expedition Alpha เคลื่อนตัวลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์/Apunov 61S เครื่องมือวัดและระบบควบคุมของยานอวกาศประสบความล้มเหลวอย่างร้ายแรง ระบบที่สำคัญทำงานผิดปกติ ส่งผลให้มีการสืบเชื้อสายอย่างรวดเร็วและควบคุมไม่ได้ ยานอวกาศตกลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ ส่งผลให้ลูกเรือทั้งหมดต้องสูญเสียไป
การวิเคราะห์การส่งข้อมูลของภารกิจในภายหลังเผยให้เห็นสัญญาณที่บิดเบี้ยวและกระจัดกระจายอย่างมากซึ่งไม่สามารถถอดรหัสได้ การบันทึกมีรูปแบบและความถี่ที่ผิดปกติซึ่งท้าทายความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ทั่วไป
หลังจากเหตุการณ์นี้ เขตการยกเว้นรอบๆ SCP-630-TH-A ก็ได้รับการเสริมกำลัง และความพยายามทั้งหมดในการสร้างการติดต่อกับ SCP-630-TH-A-1 ก็ถูกระงับอย่างไม่มีกำหนด Expedition Alpha ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจที่ชัดเจนถึงความสามารถอันทรงพลังและคาดเดาไม่ได้ของ SCP-630-TH-A-1 รวมถึงความเสี่ยงโดยธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการโต้ตอบที่ไม่ได้รับอนุญาต
ความพยายามในการทำความเข้าใจแรงจูงใจและธรรมชาติของ SCP-630-TH-A-1 ยังคงดำเนินต่อไป โดยมีการสังเกตระยะไกลและการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นวิธีหลักในการศึกษา บุคลากรทุกคนได้รับการเตือนถึงข้อห้ามอย่างเข้มงวดในการเข้าไปในเขตยกเว้นดวงจันทร์ และควรใช้ความระมัดระวังในการตีความและจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ SCP-630-TH-A-1

ภาคผนวก: เหตุการณ์ 630-TH-A-Δ

ในวันที่ [ข้อมูลถูกปกปิด] มีเหตุการณ์ผิดปกติทางท้องฟ้าเกิดขึ้นในบริเวณใกล้กับ SCP-630-TH-A หอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์และสถานีตรวจตราในห้วงอวกาศตรวจพบการแผ่รังสีที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งเกิดจากพื้นผิวดวงจันทร์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของ SCP-630-TH-A-1 เหตุการณ์นี้ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่าเหตุการณ์ XXX-TH-A-Δ มีลักษณะเด่นหลายประการ:

  1. รังสีแกมมาระเบิด: การปล่อยรังสีส่วนใหญ่ประกอบด้วยรังสีแกมมา ซึ่งบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่มีพลังสูง การปล่อยก๊าซเหล่านี้เป็นช่วงสั้นๆ แต่รุนแรง ถึงระดับที่เกินกว่าการปล่อยก๊าซที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่ทราบกันดี
  2. การหยุดชะงักชั่วคราว: หลังจากเหตุการณ์ 630-TH-A-Δ ความผิดปกติในการตรวจวัดทางโลกถูกบันทึกไว้ภายในรัศมี 10 ปีแสงของเหตุการณ์ ตรวจพบเอฟเฟกต์การขยายเวลา ส่งผลให้เวลาผ่านไปในอัตราที่ไม่ปกติทั่วจุดต่างๆ ในอวกาศ การบิดเบือนทางโลกเหล่านี้ยังคงได้รับการวิเคราะห์ถึงขอบเขตและผลกระทบ
  3. รายละเอียดการสื่อสาร: หอสังเกตการณ์และเครือข่ายการสื่อสารในห้วงอวกาศของสถาบันประสบปัญหาการหยุดชะงักครั้งใหญ่ในระหว่างเหตุการณ์ โดยสัญญาณจะขาดหายไปประมาณ 24 ชั่วโมง ช่วงเวลาปิดทึบนี้เป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูล
  4. การเปลี่ยนแปลงทางจันทรคติเฉพาะที่: การสังเกตที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ 630-TH-A-Δ เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงพื้นผิวดวงจันทร์ภายในอาณาเขตของ SCP-630-TH-A-1 ที่รู้จัก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้รวมถึงรูปลักษณ์ของโครงสร้างที่ไม่เคยมีมาก่อนและรูปแบบทางเรขาคณิต หน้าที่และจุดประสงค์ของพวกเขายังคงเป็นปริศนา

คณะสำรวจเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์และผลพวงของเหตุการณ์ 630-TH-A-Δ อยู่ระหว่างการพิจารณา อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปในอาณาเขตของ SCP-630-TH-A-1 ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากเหตุการณ์นี้
ต้นกำเนิดและแรงจูงใจของ SCP-630-TH-A-1 ยังคงเข้าใจยาก และเหตุการณ์ 630-TH-A-Δ ได้เพิ่มความซับซ้อนอีกชั้นหนึ่งในการทำความเข้าใจอารยธรรมอันลึกลับนี้ ความพยายามในการวิจัยเกี่ยวกับผลที่ตามมาและผลกระทบของเหตุการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป โดยเน้นไปที่ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากความสามารถของ SCP-630-TH-A-1
บุคลากรทุกคนควรระมัดระวังและใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อต้องรับมือกับ SCP-630-TH-A และปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้อง


ภาคผนวก: วงโคจรวันสิ้นโลก


ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นักวิจัยของสถาบันมีความก้าวหน้าอย่างมากในการทำความเข้าใจความเชื่อมโยงลึกลับระหว่าง SCP-630-TH และสิ่งที่เรียกอย่างไม่แน่นอนว่า "การสิ้นสุดของวงโคจรโลก" วัฏจักรนี้ดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์จักรวาลที่เกิดซ้ำซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ SCP-630-TH และอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อโลกและพื้นอื่นๆ ภายในระบบสุริยะ
การสิ้นสุดของวัฏจักรโลกดูเหมือนจะปรากฏให้เห็นเป็นชุดของเหตุการณ์ผิดปกติ ซึ่งแต่ละเหตุการณ์มีลักษณะและระยะเฉพาะ:

ระยะของความรุนเเรง คำอธิบาย
ปรากฏการณ์ตั้งต้น: หลายเดือนหรือหลายปีก่อนที่จะเริ่มวงจร ตรวจพบความผิดปกติและการรบกวนในบริเวณใกล้เคียงกับ SCP-630-TH ความผิดปกติเหล่านี้มักรวมถึงความผันผวนของแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้น การปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ไม่แน่นอน และการรบกวนทางโลกเป็นระยะๆ
ระยะที่ 1 - การบรรจบกันของท้องฟ้า: วงจรเริ่มต้นด้วยการจัดเรียงตัวของท้องฟ้าภายในระบบสุริยะ โดยมี SCP-630-TH เป็นศูนย์กลาง การจัดตำแหน่งนี้ก่อให้เกิดคลื่นความโน้มถ่วงและการบิดเบี้ยวของกาลอวกาศซึ่งส่งผลต่อพื้นที่ทั้งหมด ส่งผลให้เกิดวงโคจรที่ไม่แน่นอนและระบบดาวเคราะห์ไม่เสถียร
ระยะที่ 2 - ความเป็นจริงล่มสลาย: หลังจากการบรรจบกันของท้องฟ้า SCP-630-TH ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พื้นผิวของมันปกคลุมไปด้วยสนามพลังงานหลากสีสันอันเข้มข้น และเอฟเฟกต์การเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น การสังเกต SCP-630-TH ในช่วงนี้เผยให้เห็นถึงรูปแบบทางเรขาคณิตและสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีความสำคัญต่อ SCP-630-TH-A-1
ระยะที่ 3 - การหยุดชะงักชั่วคราว: ความผิดปกติชั่วคราวจะแพร่หลายในระยะนี้ ผลกระทบจากการขยายเวลาไม่เพียงส่งผลต่อระบบสุริยะเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงระบบดาวข้างเคียงด้วย ทำให้เกิดการหยุดชะงักของกาลเวลา ขณะนี้ผลกระทบของการบิดเบี้ยวทางโลกต่อจักรวาลอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ระยะที่ 4 - หายนะบนท้องฟ้า: การสิ้นสุดของวงโคจรโลกสิ้นสุดลงด้วยเหตุการณ์หายนะต่อเนื่องกันทั่วระบบสุริยะ การชนกันของดาวเคราะห์ ความผิดปกติของแรงโน้มถ่วง และการรบกวนของแม่เหล็กไฟฟ้า ไปถึงจุดสุดยอด ส่งผลให้เกิดการทำลายล้างอย่างกว้างขวาง และอาจสูญพันธุ์ของชีวิตบนโลกและพื้นที่อื่นๆ

ความพยายามในการทำนายและบรรเทาผลที่ตามมาของการสิ้นสุดของวงโคจรโลกนั้นถูกขัดขวางโดยธรรมชาติที่ไม่อาจเข้าใจได้ของ SCP-630-TH-A-1 และความไม่แน่นอนของการเริ่มต้นของวัฏจักรนี้ นักวิจัยตั้งสมมติฐานว่า SCP-630-TH-A-1 อาจมีบทบาทสำคัญในการเริ่มต้นและควบคุมวัฏจักรเหล่านี้ แต่การติดต่อและการสื่อสารโดยตรงยังคงไม่สามารถบรรลุได้เนื่องจากอารยธรรมมีลักษณะลึกลับและอาจเป็นศัตรูได้
โครงการริเริ่มของสถาบันมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าขั้นสูง การตรวจสอบในห้วงอวกาศ และโปรโตคอลการควบคุมความผิดปกติเพื่อลดผลกระทบของวงจรในอนาคต นอกจากนี้ การสอบสวนอย่างต่อเนื่องพยายามที่จะเปิดเผยวิธีการที่เป็นไปได้ในการมีอิทธิพลต่อการกระทำหรือความตั้งใจของ SCP-630-TH-A-1
ความสัมพันธ์ระหว่าง SCP-630-TH, SCP-630-TH-A-1 และการสิ้นสุดของวงโครจรโลกยังคงเป็นหัวข้อการศึกษาและความกังวลอย่างเข้มข้นภายในสถาบัน การทำความเข้าใจต้นกำเนิดและแรงจูงใจของ SCP-630-TH-A-1 และการถอดรหัสความสำคัญของเหตุการณ์ในจักรวาลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องอนาคตของโลกและระบบสุริยะ ถ้าหากไม่สามารถหาวิธีการกักกันหรือกำจัด SCP-630-TH ได้ พิธีสารโอเมกา-ฟี "เรควีเอ็ม" จะเปิดขึ้นพร้อมๆกันทั่วโลกทันที

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License