SCP-412-TH
rating: +7+x

วัตถุ# : SCP-412-TH

p6MutCv.jpg

SCP-412-TH-2 ในร่องลึกโอกินาว่าขณะกำลังเริ่มก่อปรากฏการณ์ช่วงปลายเดือนเมษายน

ระดับ : Euclid Keter

มาตรการกักกันพิเศษ : ให้มีการตรวจสอบบริเวณที่ตั้งของ SCP-412-TH ผ่านดาวเทียมเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงตลอด 24 ชั่วโมง ทางสถาบันได้ร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสิ่งลี้ลับโลกในการปิดกั้นพื้นที่บริเวณดังนี้

บริเวณที่ราบสูงทิเบตรัศมี 350 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางในเดือนธันวาคม และให้แจ้งกับประชาชนว่าเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในพื้นที่

น่านฟ้าและทะเลบริเวณร่องลึกโอกินาว่า รัศมี 50 กิโลเมตรตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม และบริเวณเกาะเนียส์, ประเทศอินโดนีเซีย รัศมี 100 กิโลเมตรทั้งเดือนมกราคม โดยห้ามให้ยานบินและเรือทุกชนิดผ่านในบริเวณนี้ โดยแจ้งกับประชาชนว่าเป็นการป้องกันความเสียหายจากพายุ

ทางสถาบันได้สร้างฐานข้อมูลปลอมเพื่อแสดงถึงการซ้อมรบภายในพื้นที่เป็นการป้องกันข้อมูลรั่วไหลอีกขั้น และมีการจัดตั้งเรือลาดตระเวนและแผนกหอบังคับการบินพิเศษเพื่อแจ้งกับประชาชน เรือประมง และเครื่องบินผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องเข้ามาใกล้พื้นที่หวงห้าม หากมีการฝ่าฝืนลุกล้ำเข้าพื้นที่สถาบันจะส่งเรือหรือยานบินเข้าไปยับยั้งให้เลี่ยงเส้นทางโดยตรง หากยังมีการฝ่าฝืนลุกล้ำเขตหวงห้ามมากกว่า 25 กิโลเมตรสามารถทำการกำจัดได้ทันที โดยฐานทัพภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตรสิ่งลี้ลับโลกและสถาบันในบริเวณดังกล่าวจะมีการติดตั้งระบบขีปนาวุธแบบติดตามเพื่อป้องกันการลุกล้ำพื้นที่หรือการโจมตี SCP-412-TH

รายละเอียด : SCP-412-TH คือโครงสร้างตาข่ายหกเหลี่ยมด้านเท่าจัดตัวเรียงกันคล้ายลักษณะของผลึกน้ำแข็งทำจากวัสดุไม่ทราบชนิดซึ่งมีค่าดัชนีหักเหแสงประมาณ 1.03 ซ้อนกัน 7 ชั้น แต่ละชั้นเว้นระยะประมาณ 57 เมตรโดยมีการไล่ลำดับขนาดเป็นทรงกรวยคว่ำ และแต่ละชั้นจะมีรูปหกเหลี่ยม 7 ช่องเรียงต่อกันเป็นลักษณะวงกลม บริเวณจุดหักมุมของหกเหลี่ยมชั้นนอกจะมีเส้นตาข่ายยื่นออกมา โดยหน้าตัดของเส้นตาข่ายมีลักษณะเป็นหกเหลี่ยมด้านเท่าที่มีความยาวด้าน 1 เมตร SCP-412-TH มีความสูง 400 เมตร มีขนาดพื้นที่ของชั้นที่ใหญ่ที่สุดประมาณ 54,000 ตารางเมตร

SCP-412-TH มีจำนวน 3 ตัวโดยทุกตัวจะมีความสามารถในการควบคุมและเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก และสามารถดูดน้ำและอากาศไปยังแกนกลางแล้วปล่อยมันออกมาจากฐานชั้นล่างด้วยความดันสูง พวกมันจะเคลื่อนตัวขึ้นจากแหล่งน้ำที่มันอาศัยอยู่โดยใช้แรงดันน้ำ เมื่อเคลื่อนตัวขึ้นมาเหนือน้ำมันจะเปลี่ยนไปใช้แรงดันอากาศ แล้วใช้ความชื้นส่วนหนึ่งสร้างเมฆคิวมูโลนิมบัสเพื่ออำพรางตัว โดยปกติ SCP-412-TH จะรักษาระดับการลอยตัวที่ 15 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล แต่การควบคุมสภาพอากาศจะแตกต่างกันไปในรายละเอียดย่อย

SCP-412-TH-1 ตั้งอยู่บริเวณใจกลางที่ราบสูงทิเบตใต้ทะเลสาบน้ำจืดขนาดเล็ก และจะเคลื่อนตัวขึ้นมาในช่วงเดือนธันวาคม SCP-412-TH-1 มีความสามารถในการดูดความชื้นทั้งหมดในรัศมี 300 กิโลเมตร ทั้งจากชั้นบรรยากาศและสิ่งมีชีวิตในบริเวณนั้น แล้วแปรสภาพความชื้นเป็นหิมะกระจายไปทั่วที่ราบสูงทิเบต เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการมันจะเคลื่อนตัวกลับลงไปในทะเลสาบจนกว่าจะถึงเดือนธันวาคมของปีต่อไป โดยเฉลี่ยมันจะใช้เวลาในการก่อปรากฎการณ์ 1 สัปดาห์ คาดการว่า SCP-412-TH-1 คือสาเหตุของการเกิดแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลผ่านภูมิภาคอินเดียและเอเชียแปซิฟิก

HRGq4bJ.jpg

SCP-412-TH-3 ขณะกำลังเคลื่อนตัวจากใต้ทะเลขึ้นมายัง
ชั้นบรรยากาศโลก

SCP-412-TH-2 ตั้งอยู่บริเวณร่องลึกใต้ทะเลในระดับ 1,000 เมตรห่างจากเกาะโอกินาวาประมาณ 100 กิโลเมตร SCP-412-TH-2 มีความสามารถในการแปรสภาพความชื้นและกลุ่มเมฆที่เข้ามาในพื้นที่รัศมี 2,000 กิโลเมตรให้เป็นพายุหมุนและพัดไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มันจะก่อปรากฎการณ์ดังกล่าวตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคมแล้วเคลื่อนตัวกลับลงไปในทะเลในทุกๆปี คาดการว่า SCP-412-TH-2 คือสาเหตุของฤดูพายุหมุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

SCP-412-TH-3 ตั้งอยู่บริเวณร่องลึกใต้ทะเลซันดา ห่างจากนคร████ บนเกาะสุมาตราประมาณ 500 กิโลเมตร ในปัจจุบันทางสถาบันยังไม่พบปรากฎการณ์ของ SCP-412-TH-3 ที่กระทำต่อภูมิอากาศโลก ถึงแม้ว่าในช่วงเดือนมกราคม มันจะเคลื่อนตัวขึ้นมาในระดับความสูง 15 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเลและสร้างความชื้นห่อหุ้มตัวมันเป็นการอำพรางเช่นเดียวกับ SCP-412-TH-1 และ SCP-412-TH-2 แล้วเคลื่อนตัวกลับลงไปหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ คาดการว่ามันยังอยู่ในสภาวะจำศีล

สถาบันค้นพบถึงการมีตัวตนของมันผ่านภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลที่น่าสนใจที่ได้รับจากองค์กรอุตุนิยมวิทยาโลกในช่วงปี 19██-20██ ในปฏิบัติการสำรวจและวิเคราะห์ช่วงแรกของ SCP-412-TH-1 สถาบันได้ส่งบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจเข้าไปยังที่ราบสูงทิเบต ภาพเคลื่อนไหวของกล้องประจำตัวคณะสำรวจแสดงให้เห็นถึงปรากฏการณ์ดูดความชื้นของ SCP-412-TH-1 ซึ่งทำให้คณะสำรวจดังกล่าวเสียชีวิตทั้งหมด ปฏิบัติการส่งบุคลากรเข้าในพื้นที่จึงถูกระงับไปอย่างไม่มีกำหนด ต่อมาสถาบันได้มีการค้นพบ SCP-412-TH-2 ในปี 19██ และ SCP-412-TH-3 ในปี 20██ ผ่านการติดตามข้อมูลอุตุนิยมวิทยาและภาพถ่ายจากดาวเทียม

ภาคผนวก : เหตุการณ์ 1204 - ทางกลุ่มพันธมิตรสิ่งลี้ลับโลกตัดสินใจเริ่มปฏิบัติการทำลาย SCP-412-TH-3 คาดการว่าพวกเขาทราบถึงการมีตัวตนของมันในช่วงเวลาเดียวกับสถาบัน เมื่อเกิดการยิงขีปนาวุธต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 15 วินาทีโดยเครื่องบินรบของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา SCP-412-TH-3 ได้เคลื่อนตัวกลับลงไปในทะเล และปลดปล่อยแรงดันน้ำเทียบเท่าพลังงาน 1.5 ล้านเทระจูล ก่อให้เกิดคลื่นสึนามิพัดถล่มชายฝั่ง 10 ประเทศที่มีชายทะเลติดต่อกับมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 230,000 คน ปฏิบัติการทำลายล้าง SCP-412-TH-3 โดยกลุ่มพันธมิตรจึงถูกระงับไปอย่างไม่มีกำหนดเพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบต่อไป เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สถาบันมีการเปลี่ยนแปลงระดับวัตถุจาก Euclid เป็น Keter เพราะไม่สามารถกักกันหรือควบคุมผลกระทบจากปรากฏการณ์ของมันได้ ในเวลาต่อมากลุ่มพันธมิตรได้ส่งตัวแทนเข้ามายังสถาบันเพื่อเจรจาแนวทางความร่วมมือ และส่งมอบอำนาจการกักกัน SCP-412-TH

เหตุการณ์ 0314 – เกิดเหตุการณ์ความผิดปกติของเครื่องบินผู้โดยสารของสายการบิน ████████ ███████ เที่ยวบินที่ ███ โดยเครื่องบินดังกล่าวถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยัง SCP-412-TH-3 และทางหอบังคับการท่าอากาศยานนานาชาติในบริเวณประเทศใกล้เคียงไม่สามารถติดต่อได้ ทางสถาบันจึงได้ประสานงานการกลุ่มพันธมิตรสิ่งลี้ลับโลกเพื่อประเมินสถานการณ์และตัดสินใจยิงเครื่องบินลงก่อนที่จะถึงระยะพุ่งชน 15 กิโลเมตร ต่อมาการสืบสวนถูกยกเลิกในปี 2019 เนื่องจากหลักฐานที่ไม่เพียงพอ แต่มีการคาดการว่า Chaos Insurgency อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว จึงมีการเพิ่มเติมมาตรการกักกันพิเศษเพื่อป้องกันกันการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีกในอนาคต

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License