และจัดอยู่ในระดับ 5/3000
ไม่อนุญาตให้เข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

SCP-3000 และนักประดาน้ำของสถาบันระหว่าง มาตรการ Atzak
มาตรการจัดเก็บพิเศษ: พื้นที่กักกัน SCP-3000 ปัจจุบีนเป็นพื้นที่ของอ่าวเบงกอลที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ300กม.ซึ่งมีการลาดตระเวนเป็นประจำโดยเรือเดินสมุทรของสถาบัน ไม่อนุญาตให้พลเรือนพยายามสำรวจทะเลลึกหรือดำน้ำในพื้นที่กักกันไม่ว่าในกรณีใด บุคคลที่เชื่อว่ามีการติดต่อกับ SCP-3000 จะถูกกักตัว กันกัน และประมวลผลที่ไซต์-151 บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากคุณสมบัติที่ผิดปกติของ SCP-3000 จะถูกกักกันอย่างไม่มีกำหนด
เรือดำน้ำของสถาบัน SCPF Eremita จะคอยตรวจสอบอยุ่ที่ตำแหน่งของส่วนที่สำคัญที่สุดของ SCP-3000 ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ภายในเนินตะกอนรูปพัดของแม่น้ำคงคาอยู่ใต้อ่าวประมาณ0.7กม. Eremita ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติตามมาตรการ Atzak และระเบียบการรับพนักงานบนเรือจะเป็นไปตามแนวทางของมาตรการนั้น สำหรับรายละเอียดทั้งหมดของมาตรการ Atzak ดูได้ที่ภาคผนวก 3000.2
ขณะนี้ยังไม่มีวิธีรักษาที่ทราบแน่ชัดสำหรับการสัมผัสกับ SCP-3000 ด้วยเหตุนี้บุคคลที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับการกักตัวและถูกกักกันเพื่อการประเมินผลต่อไป บุคคลที่ประจำอยู่บน SCPF Eremita ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเรือยกเว้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามขั้นตอนที่จำเป็นของมาตรการ Atzak บุคคลที่ออกจากเรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจะถือว่าสูญหาย
ไม่ว่าในกรณีใดๆห้ามบุคคลใดก็ตามมีปฏิสัมพันธ์กับ SCP-3000 โดยไม่ได้รับอนุญาต
รายละเอียด: SCP-3000 เป็นตัวตนขนาดยักษ์ อาศัยอยู่ในน้ำ ลำตัวคล้ายงูซึ่งคล้ายกับปลาไหลมอเรย์ยักษ์(Gymnothorax javanicus) อย่างมาก ความยาวทั้งหมดของ SCP-3000 นั้นไม่สามารถระบุได้ แต่มีการตั้งสมมติฐานว่าอยู่ระหว่าง 600 ถึง 900 กิโลเมตร หัวของ SCP-3000 วัดแล้วมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 เมตร และส่วนต่างๆของร่างกายมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร
โดยทั่วไปแล้ว SCP-3000 เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ประจำที่ ทำเพียงแค่ขยับส่วนหัวเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าบางอย่างหรือระหว่างการให้อาหารเท่านั้น ร่างกายส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในและรอบๆเนินตะกอนรูปพัดของแม่น้ำคงคา1และแทบไม่ขยับเลย
SCP-3000 กินเนื้อเป็นอาหาร และแม้จะมีลักษณะนิสัยที่จะอยู่ประจำที่ก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเพื่อจัดการเหยื่อ แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ก็มีการตั้งสมมติฐานว่า SCP-3000 ไม่จำเป็นต้องมีปัจจัยยังชีพเพื่อรักษาการทำงานทางชีววิทยาของมัน2 ในขณะที่ SCP-3000 กินเหยื่อมันจะขับสารสีเทาเข้มที่หนืดที่จัดประเภทเป็น Y-909 (ดูภาคผนวก 3000.2 ด้านล่าง) ชั้นบางๆออกมาผ่านผิวหนัง ในปัจจุบันยังไม่ทราบผลลัพธ์สุดท้ายของกระบวนการย่อยอาหารของมัน
SCP-3000 คือตัวตนที่ส่งผลความผิดปกติด้านการรับรู้ระดับVIII การสังเกต SCP-3000 โดยตรงอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจอย่างรุนแรงต่อผู้สังเกต บุคคลที่สังเกต SCP-3000 โดยตรง เช่นเดียวกับบุคคลใดๆที่อยู่ในระยะที่ไม่แน่นอนของ SCP-3000 จะมีอาการปวดศีรษะที่อธิบายไม่ได้ หวาดระแวง กลัวและตื่นตระหนกแบบทั่วไป และสูญเสียหรือถูกดัดแปลงความทรงจำ ต่อไปนี้เป็นข้อความจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของไซต์-151 เขียนโดยดร.ยูจีน เก็ตต์ เกี่ยวกับการค้นพบ SCP-3000 ครั้งแรกและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับความรู้สึก:
…ความรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้นกับลูกเรือทั้งหมดขณะที่เราดำลงมาในคืนแรก ไม่ว่าจะเป็นเพราะความไม่แน่ใจในสิ่งที่เราจะค้นพบ หรือบางสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น ผมก็ไม่อาจจะคาดการณ์มันได้เลย ขณะที่เรายังคงดำลงไป วิลเลียมส์เริ่มเหงื่อออกอย่างหนัก ตอนที่เราถามเกี่ยวกับมัน เขาก็ไม่สามารถตอบสนองได้ มันเริ่มจากที่เขาคิดว่าเขาทำอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถสรุปได้หายไป ยิ่งพวกเราดำดิ่งลงไป เขาก็เริ่มทำตัวผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่พูดกับตัวเองว่า"ดาร์ลีน"และแสดงความไม่แน่ใจเกี่ยวกับงานที่เขาได้รับมอบหมายให้ทำ
สมาชิกคนอื่นๆในทีมเองก็แสดงความรู้สึกที่คล้ายกัน แต่วิลเลียมส์รู้สึกถึงมันได้มากที่สุด การต่อต้านมีมของเขานั้นต่ำที่สุดในหมู่พวกเราทุกคน แต่เขาเป็นนักชีววิทยา ไม่ใช่นักวิจัยมีม ในที่สุดเมื่อเราได้สัมผัสกับตัวตนนั่น เขาก็เริ่มคร่ำครวญและจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์ ผมจำได้ว่าเขาพึมพำคำว่า"ไม่"ซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับรู้สึกไม่เชื่ออะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เงียบไปเมื่อเราเข้าไปใกล้หัวของมัน และเมื่อผมมองกลับไปที่เขามันก็มีบางอย่างหายไปจากดวงตาของเขา ตอนที่เราลงไปถึงเขาไม่ได้แม้แต่กระพริบตาด้วยซ้ำ
ประมาณเวลา 0940 อันดับแรกที่เราสังเกตคือหัวของตัวตนนั่น ตอนนี้ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลูกเรือคนอื่นๆหลายคนบ่นว่ารู้สึก"ฝ้าฟาง"และไม่แน่ใจว่าพวกเขาควรจะทำอะไร กัปตันริตเตอร์ ลูกผู้ชายในหมู่ลูกผู้ชายบอกว่าทั้งหมดนั่นเป็นพิษจากไนโตรเจน และบังคับให้พวกเขาเข้าใกล้ตัวตนนั่นต่อไป
เมื่อเราอยู่ในระยะห้าสิบเมตร ตัวตนนั่นหันมามองเราช้าๆ แม้แต่ตอนนี้ เท่าที่ผมจำได้ว่ากำลังเฝ้าดูเจ้าสิ่งนี้ขดตัวอยู่ในความมืด ผมยังได้ยินเสียงของวิลเลียมส์เห่าเหมือนหมาบ้าที่ท้ายเรือ กรีดร้องและดิ้นไปมา ตะโกนว่าเขาเห็นมันอยู่ในหัว เพอร์กินส์และแฮร์ริสันพยายามจับตัวเขา แต่เขาก็หลุดและทุบหน้าของเขาเข้ากับช่องหน้าต่างช่องหนึ่ง เขากระแทกอย่างแรงจนทำให้ชั้นในของกระจกแตก ความเสียหายนั้นเลวร้ายมากพอที่เราจะต้องกลับขึ้นสู่ผิว
พวกเราพยายามให้การรักษาพยาบาลวิลเลียมส์ แต่เขาไปไกลเกินไปในจุดนั้นแล้ว เขากระแทกตัวเองกับกระจกและแม้จะมีแผล เขายังคงพูดอะไรสั้นๆออกมาในขณะที่เขากำลังจะตาย ไม่มีใครบันทึกมันไว้ ในตอนนั้นเราไม่ได้คิดจะทำเลย แต่ผมจำมันได้ดีเลย เขาพูดว่า"มันไม่มีอะไร ว่างเปล่า ว่างเปล่า" เมื่อขึ้นถึงพื้นผิวในอีกหลายชั่วโมงต่อมาวิลเลียมส์ก็ตาย ในตอนนั้นผมไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพูด ผมคิดว่ามันก็แค่คำพูดพร้ำเพ้อของชายคนหนึ่งที่บ้าเพราะความลึก ผมไม่ได้รู้อะไรเลย
แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังคงเห็นดวงตาของสิ่งมีชีวิตนั่น ผมเห็นมันลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิด สว่างไสวด้วยแสงที่ผมหาแหล่งที่มาไม่ได้ และผมรู้สึกถึงความน่ากลัวที่วิลเลียมส์ต้องรู้สึกใต้น้ำในคืนนั้น ในขณะที่เขาถูกสยบโดยความว่างเปล่าอะไรก็ตามที่ปล่อยสิ่งเหม็นๆออกมา

SCPF Eremita ดำน้ำไปยังไซต์ติดต่อ
การค้นพบ: SCP-3000 ถูกค้นพบในปั1971ไม่นานหลังจากเรือประมงจากบังกลาเทศ2ลำและชาวประมงสิบห้าคนได้รับรายงานว่าสูญหายหลังจากลอยลำใกล้ชายฝั่งอินเดีย เนื่องจากประเทศบังกลาเทศเพิ่งก่อตั้งขึ้นในเวลานั้นไม่นานและต้องถูกข่มเหงทางการเมืองอย่างหนักจากส่วนหนึ่งของปากีสถาน เหตุการณ์ดังกล่าวจึงได้รับความสนใจจากสื่ออย่างมากเนื่องจากเกรงว่าเกิดจากการรุกรานจากต่างชาติ และเนื่องจากหน่วยที่ส่งออกไปจากชายฝั่งในพื้นที่ไม่สามารถค้นหาเรือที่สูญหายได้ จึงเป็นแรงกระตุ้นให้สื่อเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น
นักวิจัยของสถาบันประจำอยู่ในกัลกัตตา(ปัจจุบันคือโกลกาตา)พบความคล้ายคลึงกันระหว่างการหายตัวไปครั้งนี้กับอีกเหตุการณ์หนึ่งเมื่อสองปีก่อน การค้นหาอย่างละเอียดซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากทีมต่อต้าน Mariotte-Pashler เปิดเผยตำแหน่งของเรือทั้งสองลำพร้อมกับมวลปริศนาที่ครั้งก่อนไม่พบลึกลงไปใต้พื้นผิวของอ่าวเบงกอล การตรวจสอบเพิ่มเติมโดยนักประดาน้ำของสถาบันได้ทำให้ค้นพบการมีอยู่ของ SCP-3000
พื้นที่ได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างรวดเร็ว และมีการกำหนดขั้นตอนการกักกันในปัจจุบันในเดือนเมษายนปี 1972 มาตรการ Atzak ได้รับการดัดแปลงในเดือนตุลาคมปี 1998
ภาคผนวก 3000.1: บันทึกการสำรวจการพบครั้งแรก
หมายเหตุ: ต่อไปนี้เป็นบันทึกเสียงที่บันทึกการติดต่อครั้งแรกระหว่างนักประดาน้ำทะเลลึกกับ SCP-3000 จนถึงจุดนี้ไม่มีนักประดาน้ำของสถาบันเข้าไปในระยะ 300 เมตรจาก SCP-3000 นักประดาน้ำได้รับมอบหมายให้ประเมินสิ่งมีชีวิตนั่น และระบุแหล่งที่มาของของเหลวสีเทาข้นที่สังเกตเห็นว่าลอยอยู่รอบหัวของมัน
ทีมประดาน้ำประกอบด้วยสมาชิกสามคนของ MTF Orion-9 “Kingfishers” นำโดย MTF O-9 แอลฟา จุดปล่อยคือผ่านแอร์ล็อกของเรือดำน้ำของสถาบัน SCPF Stravinsky นักประดาน้ำทุกคนได้รับการติดตั้งชุดแรงดันสูงเช่นเดียวกับไฟหน้าแบบหันหน้า นอกจากนี้ยังมีเชือกล่ามมราเชื่อมต่อ MTF O-9 แอลฟาซึ่งเชื่อมต่อเป็นรูปตัว “T” กับทั้งบราโวและฟ็อกซ์ทรอต
[เริ่มบันทึก]
แอลฟา: เรียบร้อยแล้ว ผู้บัญชาการ เราอยู่ในแอร์ล็อค พร้อมออกตัวแล้ว
ผู้บัญชาการ: รับทราบ ไปข้างหน้าและส่งเสียงให้สัญญาณ
แอลฟา: Orion-9 แอลฟา เช็ค
บราโว: Orion-9 บราโว เช็ค
ผู้บัญชาการ: รับทราบ ทุกคน - เราอยู่ในตำแหน่งห่างจากหัวของเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้ประมาณ500เมตร ขอให้มั่นใจว่าเชือกโยงของคุณตึงและอยู่ในสภาพดี พวกเราไม่ต้องการให้พวกคุณสักคนแยกออกจากกันข้างนอกนั่น
บราโว: วิสัยทัศน์ข้างล่างวันนี้เป็นยังไงบ้าง ผู้บัญชาการ?
ผู้บัญชาการ: เตรียมตัว
ผู้บัญชาการ: ประมาณสามเมตร
ฟ็อกซ์ทรอต: แม่งโคตรมืดเลย รับทราบ
บราโว: ทำไมต้องออกตัวไกลขนาดนี้ล่ะ?
ผู้บัญชาการ: ขนาดของเจ้านี่มันยากเกินจะเข้าใจและมันขดตัวอยู่หลายที่ด้วย เราไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้เพราะที่นี่มีคนอยู่เยอะ เจ้าตัวตนนั่นไม่ได้เคลื่อนที่มาสามสัปดาห์แล้ว
ฟ็อกซ์ทรอต: ไม่สักนิดเลยเหรอ?
ผู้บัญชาการ: ใช่ มันเคลื่อนตัวเพียงเล็กน้อยตามกระแสน้ำข้างล่างนี่แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น หากไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหวของหัวที่ทีมประดาน้ำกลุ่มแรกสังเกตเห็น เราอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ฟ็อกซ์ทรอต: ค่อยสบายใจหน่อย
แอลฟา: รับทราบ เชือกโยงตึง ปล่อยน้ำเข้าห้องได้เลย
ผู้บัญชาการ: รับทราบ
ได้ยินเสียงน้ำไหลท่วมที่ห้องแอร์ล็อก ไม่ได้ยินเสียงอื่นเป็นเวลาหลายนาที ผ่านไปสักพักเสียงน้ำไหลก็หยุดลง
แอลฟา: พวกนายเป็นอะไรไหม?
บราโว: ผมสบายดี
ฟ็อกซ์ทรอต: แม่งโคตรหนาวเลย
แอลฟา: หวังว่าพวกเราจะไม่ต้องออกไปนานนะ เปิดไฟได้เจ้าหนุ่ม เราจะไปกันแล้ว
สมาชิกทุกคนในทีมประดาน้ำออกจากแอร์ล็อก มีเสียงกลไกเบาๆขณะประตูแอร์ล็อกปิดอยู่ด้านหลัง ได้ยินเสียงกระทบซึ่งได้ยินไม่ชัดและ Stravinsky ก็เปิดใช้งานฟลัดไลท์ท้ายเรือ
ฟ็อกซ์ทรอต: เฮ้ แอลฟา ผม เอ่อ— อาจจะเป็นเวลาที่แย่ไปหน่อยที่จะถาม แต่ผมจำวิธีเปิดไฟไม่ได้ และ-
แอลฟา: ไฟของนายมันเปิดอยู่แล้ว ฟ็อกซ์ทรอต
ฟ็อกซ์ทรอต: มัน— อะไรน่ะ? (เงียบ) นี่คุณเรียกผมเหรอ?
แอลฟา: ชื่อเรียกของนายไง มัลฮานีย์ ฟ็อกซ์ทรอต
บราโว: ผมคือฟ็อกซ์ทรอต หัวหน้า
แอลฟา: เดี๋ยวก่อน นายพูดอะไรน่ะ?
ฟ็อกซ์ทรอต: ผมไม่เข้าใจที่คุณหมายถึง"ชื่อเรียก"
แอลฟา: ก็สัญญาณเรียกตัวนายไงว้อย บราโว นายหมายความว่ายังไง—
บราโว: ใครคือบราโว?
แอลฟา: ผม— เอ่อ บ้าเอ๊ย ใจเย็นก่อน ผมต้องพูดอะไรสักอย่าง แบร์รี่3 นายอยู่ตรงนั้นไหม?
ผู้บัญชาการ: เตรียมตัว (เงียบ) ทำตามคำสั่ง
แอลฟา:เฮ้ เรามีปัญหานิดหน่อยแล้ว ผมไม่มั่นใจว่าใคร… ดูเหมือนพวกเราจะมีความสับสนในชื่อเรียก และผมไม่แน่ใจว่าเรากำลังไปที่ไหน
ฟ็อกซ์ทรอต: พวกเราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย?
บราโว: พระเจ้า นี่นาย— นี่พวกนายรู้สึกถึงมันหรือเปล่า? ผมรู้สึกปวดหัวแปลกๆ มันเหมือนมีหนามอยู่ในสมอง บางอย่าง…
ผู้บัญชาการ: ทีมประดาน้ำ ทางเราเชื่อว่าพวกนายน่าจะกำลังเจอกับผลกระทบด้านการรับรู้ที่เป็นอันตราย มุ่งหน้าต่อไป ถ้าเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้วจะแจ้่งให้ทราบ
แอลฟา: รับทราบ ผู้บัญชาการ ขอรายงานว่าฟ็อกซ์ทรอตมีอาการ… เอ่อ… ปวดหัวหนักมาก ผมคิดว่า… พวกเราไปถูกทางแล้วใช่ไหม? พวกเราไม่เห็นอะไรข้างนอกเลย
ผู้บัญชาการ: คุณอยู่ห่างจากหัวของตัวตนนั่นประมาณ150เมตร แอลฟา คุณน่าจะได้เห็นเร็วๆนี้ฃ
บราโว: ผู้บัญชาการ ผมไม่เห็นอะไรเลย พวกเราอยู่ที่ไหน?
แอลฟา: พวกเราอยู่ที่ไหน?
ผู้บัญชาการ: ใกล้จะถึงแล้ว แอลฟา - ทีมประดาน้ำ ฟังด้วย พวกเราจับการเคลื่อนไหวของตัวตนนั่นได้จากเรดาร์
แอลฟา: ผม— แบร์รี่ ผมไม่เห็นอะไรข้างล่างเลย เราควรจะมองหาอะไร-
ฟ็อกซ์ทรอต: ทุก… ทุกสิ่งที่ผมเห็นคือความมืดมิด มีลมพัดเย็นๆ ผลักผมไปสู่ขอบที่มองไม่เห็น-
แอลฟา: เงียบว้อย เงียบ เงียบ - ผู้บัญชาการ บราโวไม่ตอบสนอง ขอให้ยุติภารกิจทันที-
บราโว: เดี๋ยวก่อน-
ฟ็อกซ์ทรอต: —ที่ขอบของความว่างเปล่า ใกล้กับการถูกลืมเลือน มัน… มันมีโรคร้ายอยู่ในจิตใจที่ผมรู้ว่ามันไม่มีรักษา เหนือผมขึ้นไปมันก็มีแค่ความมืดมิด และดวงตาสีดำหนึ่งคู่-
แอลฟา: อะไรนะ? นายพูดอะไรน่ะ?
ผู้บัญชาการ: ทีมประดาน้ำ พวกเราจะทำการดึงตัวนายกลับมาทันที เรามีเหตุผลที่เชื่อกันว่า—
แอลฟา: แบร์รี่? นั่นนายเหรอ? มันเป็นไปได้ยังไง? ผมเป็นคนตักดินเองระหว่างที่นาย—
บราโว: ผมได้ยินบางสิ่งตรงนั้น แอลฟา แสงของคุณ เปิดแม่งขึ้น—
ฟ็อกซ์ทรอต: —เงียบ มีเพียงความเงียบ สติของผมถูกปลดเปลื้องและมีเพียงแค่เพียงแค่เพียงแค่-
ผู้บัญชาการ: ทีมประดาน้ำ มีบางสิ่งเคลื่อนที่ผ่านพวกคุณ ขอย้ำ มีบางสิ่งเคลื่อนที่ผ่านพวกคุณ เตรียมตัวกลับมาที่-
แอลฟา: อา บ้าเอ๊ย ผมมองไม่เห็นอะไรเลย เราอยู่ไกลขนาดไหนจาก-
บราโว: มันอยู่นั่น! มันอยู่นั่น! เชี่ยเอ๊ย! พวกนายกำลังทำอะไรเนี่ย? เชี่ยเอ๊ย!
ฟ็อกซ์ทรอต: —และมีเพียงแค่เจ้าปลาไหลนั่นเหลืออยู่
วิทยุเงียบเป็นเวลายี่สิบวินาที
ผู้บัญชาการ: แอลฟา?
วิทยุเงียบเป็นเวลาสิบสามวินาที
ผู้บัญชาการ: แอลฟา? บราโว? ฟ็อกซ์ทรอต? พวกคุณสักคนได้ยินเราไหม?
บราโว: (ไม่เข้าใจ)
ผู้บัญชาการ: โอ้ ขอบคุณพระเจ้า - บราโว คุณต้องพูดแล้ว เขาไม่สามารถ—
บราโว: ชู่
วิทยุเงียบเป็นเวลาสิบวินาที
ผู้บัญชาการ: มีบางอย่างพันเครื่องกว้านระหว่างเรากับพวกนาย เราไม่สามารถ—
แอลฟา: มันเปิดปาก
บราโว: มันมืดมาก มัน— อ๊ะ-
ฟ็อกซ์ทรอต: ผมอยู่ที่ไหน? อะไร—
แอลฟา: แบร์รี่? มันเป็นไปได้ยังไง? ผมเป็นคนตักดิน-
บราโว: มัลฮานีย์… ว่ายออกมา หนีออกมา มันมีแค่ความมืด ว่าย—
ฟ็อกซ์ทรอต: เพียงแค่-
ทันใดนั้นสายรัดที่ติดกับ Stravinsky ก็ถูกดึงจนตึง วิทยุของ O-9 ฟ็อกซ์ทรอตเงียบลง มีเสียงของการดิ้นรนผ่านวิทยุอีกสองเครื่อง
ผู้บัญชาการ: ฟ็อกซ์ทรอต? ฟ็อกซ์ทรอต? แอลฟา? บราโว? พูดกับผม ใจเย็นๆ เกิดอะไรขึ้น?
บราโว: มันกินเขาเข้าไป เชี่ยเอ๊ย เขาตายแล้ว มันกินไปทั้งตัวเลย เขา— บ้าเอ๊ย แอลฟ้า กำลังทำอะไรน่ะ?
แอลฟา: แอลฟา?
บราโว: ตัดไอ้เชือกโยงนี่ซะแอลฟา มันจะดึงพวกเราเข้าไป!
แอลฟา: ใครน่ะ?
บราโว: บ้าเอ๊ย!
แอลฟา: (เงียบ) อ๊ะ—
วิทยุทั้งหมดเงียบเป็นเวลาสามสิบวินาที เชือกล่ามที่ติดอยู่กับ Stravinskyถูกดึงออกจากที่จอดเรือและหายไป
ผู้บัญชาการ: แอลฟา บราโว ทราบแล้วเปลี่ยน?
วิทยุเงียบเป็นเวลาห้าวินาที
ผู้บัญชาการ: แอลฟา บราโว ทราบแล้วเปลี่ยน?
บราโว: ทางนี้บราโว ผม… ผมกำลังลอยอยู่ในความมืด ผมเห็นบางอย่างเคลื่อนที่อยู่ในหมอก แต่มันยากที่จะเห็นว่าเป็นอะไร ผมตัดเชือกโยงของผมแล้ว แอลฟาเขาไม่สามารถ— ผมคิดว่าเขาตายแล้ว ผมไม่เห็นแสงของเขาเลย
ผู้บัญชาการ: รับทราบ พวกเรากำลังไป-
บราโว: เดี๋ยวก่อน ขอให้ผมได้คิดสักพัก… การรับรู้ สิ่งนี้ มันไม่ทำงานใกล้ๆตัวมัน สมองไม่สามารถรวบรวมความคิดได้ (ชะงัก) มันเจ็บ เหมือนกับจะตายเลย และ—
ผู้บัญชาการ: บราโว นายได้ไปสบตากับเจ้าตัวตนนั่นหรือเปล่า?
บราโว: มันอยู่ในหัวผม พวกนาย ขดตัวในนั้นเหมือนกับงู และบางอย่างเกี่ยวกับมัน… กำลังกัดกร่อน (เงียบ) ผมเห็นมัน มันอยู่ตรงหน้าผม ผมไม่ได้ทำอะไรเลย มัน… มันไม่ขยับ แค่อยู่ตรงนั้น เปิดปากออกมา ผมคิดว่ามันคงจะกินเสร็จแล้ว (เงียบ) ของเหลวนั้นไหลซึมผ่านผิวหนังบริเวณหัวมันออกมาประมาณหนึ่งเมตร แค่มองพวกมันก็ทำให้ผม… รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องที่กำลังหมุน ผมรู้สึกคลื่นไส้ หัวผมทำงานผิดปกติ (หัวเราะ) มีการทำท้องอยู่ที่ใต้พื้นนั่น และอีกอันอยู่ที่— เดี๋ยว มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ผม ใครพูดน่ะ?
บราโว: ผม… ผมกำลังจะไปเก็บตัวอย่าง รอก่อนนะ
ผู้บัญชาการ: บราโว พวกเราจะส่งลูกเรือไปรับตัวนาย แค่รอสักครู่
บราโว: โอ้ไม่ อย่าทำแบบนั้น อย่า… นายถูกฝึกให้ไม่รู้สึกสิ่งที่กำลงรู้สึกอยู่นะ ไม่อย่างนั้นมันเข้ามาในตัวนายแน่ บางทีมันอาจจะเข้ามาได้อยู่แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ข้างล่างนั่นมันรู้สึกเหมือนกับเป็นจุดจบของโลกเลย สหาย หัวใจของผมมันตกไปที่ตาตุ่ม และผมคิดว่าผมกำลังจะตาย ก็แค่— (เงียบ) ผมได้ตัวอย่างมาแล้ว จะติดมันเข้ากับลูกโป่งเล็กๆใบหนึ่งแล้วปล่อยให้มันลอยขึ้นไป อย่าใช้เวลาอยู่ใกล้มันมากล่ะ มัน… มันไม่… จิตใจของนาย… มัน… (หายใจเร็วและหนัก)
ผู้บัญชาการ: บราโว?
บราโว: ผมคิดว่าผมกำลังจะตาย ผมกำลังตาย ผมรู้ว่าผมกำลังจะตาย มันก็แบบนั้นล่ะผมแค่อยากจะไปจากที่นี่ คุณรู้ไหม มันเกิดขึ้นกับผม… (หัวเราะเบาๆ) อย่าส่งใครมาที่นี่อีก มันมืดมาก
ผู้บัญชาการ: บราโว?
ในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า SCPF Stravinsky พยายามเข้าใกล้ O-9 บราโว แต่ไม่สำเร็จ ผู้บัญชาการยังคงพยายามสื่อสารกับ O-9 บราโว แต่บราโวแสดงอาการไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆก่อนจะเงียบไปในที่สุด วิทยุของบราโวยังคงใช้งานได้ไปถึงสามวันข้างหน้า และได้ยินเสียงหายใจไม่ต่อเนื่องจนวิทยุหยุดทำงาน
มาตรการ 3000.2: มาตรการ Atzak
มาตรการนี้แสดงถึงการติดต่อกับตัวตนที่ส่งผลความผิดปกติด้านการรับรู้ระดับVIII SCP-3000 และด้วยเหตุนั้นจัดถูกจัดอยู่ในระดับ 5/3000
คำนำ: มาตรการต่อไปนี้ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดยนักวิจัยจากไซต์-29 และไซต์-50 เช่นเดียวกับนักวิจัยที่ประจำอยู่ที่ไซต์-151 บางส่วนอาจได้รับการแก้ไขใหม่เพื่อลบเนื้อหาที่อยู่เหนือการจัดประเภทนี้ การปฏิบัติตามมาตรการนี้จำเป็นสำหรับบุคลากรทุกคนที่ได้รับมอบหมายให้ไปที่ไซต์-151 เช่นเดียวกับบุคลากรทุกคนที่ได้รับมอบหมายให้อยู่ที่ SCPF Eremita
บทคัดย่อ: มาตรการ 151-HOLLISTER ATZAK ได้รับการพัฒนาและนำไปใช้เพื่อสร้างกลยุทธ์ในการจัดการกับสารประกอบ Y-909 ที่ SCP-3000 ขับออกมา
ข้อมูลมาตรการ: สารประกอบ Y-909 เดิมถูกค้นพบโดยดร. อดัม ฮอลลิสเตอร์ผู้ล่วงลับ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในสารลบความทรงจำที่ทดลองและสมัยใหม่หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลบความทรงจำต่อไปนี้ในตอนนี้มีสารประกอบ Y-909 ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว:
- ระดับ A (ปรับในปี2016)
- ระดับ D (ปรับในปี2016)
- ระดับ E (ปรับในปี2016)
- ระดับ X (ปรับในปี2017)
- ระดับ XX (ปรับในปี2017)
- [ข้อมูลปกปิด]
- [ข้อมูลปกปิด]
- สารประกอบทดลองระดับ Atzak
- สารประกอบทดลองระดับ Foster
- สารประกอบทดลองระดับ Ellipse
การผสมกับสารประกอบ Y-909 ได้แสดงให้เห็นว่าการลบความทรงจำที่กล่าวด้านบนมีความเสถียรและประสิทธิผลในระยะยาวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยรวมแล้วการลบความทรงจำที่ใช้ Y-909 จะสลายตัวช้ากว่าแบบมาตรฐาน 78% ในห้องเย็นและช้ากว่าแบบมาตรฐาน 52% ที่อุณหภูมิห้อง
นอกจากนี้บุคคลที่ดูแลการลบความทรงจำแบบใช้ Y-909 ยังพบว่าอัตราการชักจูง การล้างความจำ และการลดลงของผลข้างเคียงเพิ่มเติม(เช่นคลื่นไส้ อาเจียน ลำไส้ปั่นป่วน สายตาพร่ามัว ปวดหัว นอนไม่หลับ เจ็บหัวใจ และอื่นๆ)มีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บุคคลที่ได้รับการลบความทรงจำเหล่านี้พบว่ามีความทรงจำแทรกซ้อนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับแบบที่ไม่มี Y-909 ในตัวอย่างบางคนที่ใช้สารประกอบทดลองพบว่าไม่มีความทรงจำแทรกซ้อนแม้ว่าจะผ่านไป5-10ปีแล้วก็ตาม
เนื่องจากประสิทธิภาพของการรักษาที่ใช้ Y-909 เหล่านี้ การผสมสารประกอบนี้เพื่อใช้งานต่อไปจึงมีความจำเป็นต่อการลบความทรงจำแบบสมัยใหม่ของสถาบันอย่างที่ขาดไม่ได้ การพึ่งพาการใช้งาน Y-909 อย่างต่อเนื่องทำให้จำเป็นต้องมีการเก็บไว้เผื่อไว้ถึงอนาคตอันใกล้ เนื่องจากการสังเคราะห์สารประกอบยังไม่สามารถทำได้
ด้วยเหตุนี้มาตรการนี้จึงกำหนดวิธีการรวบรวมสารประกอบนี้จาก SCP-3000 และวิธีที่บุคลากรจะโต้ตอบกับ SCP-3000 ด้านล่างนี้เป็นกรอบคร่าวๆของขั้นตอน และข้อมูลโดยละเอียดสามารถอ่านได้ในสรุป Atzak ฉบับเต็ม:
- สมาชิกของ MTF Epsilon-20 "Night Fishermen" จะต้องเตรียมผู้ทดลองสำหรับส่งไปยังสถานที่ให้อาหาร ผู้ทดลอง Dคลาส แต่ละคนจะได้รับยากล่อมประสาทและติดตั้งในชุดดำน้ำแรงดันสูง จากนั้นผู้ทดลองจะถูกผูกไว้กับ ROV ใต้น้ำภายในแอร์ล็อคท้ายเรือ แอร์ล็อคจะถูกน้ำท่วม และผู้ทดลองจะถูก ROV ลากไปยังสถานที่ให้อาหาร เมื่อไปถึงสถานที่ให้อาหาร ROV(ยานพาหนะควบคุมทางไกล) จะปลดสายโยงออกและกลับไปที่ Eremita
- ตลอดระยะนี้ SCPF Eremita ควรตรวจสอบตำแหน่งของ SCP-3000 และปรับเส้นทางหากตัวตนนั้นเริ่มย้ายออกจากสถานที่ให้อาหาร ผู้บัญชาการภารกิจจะให้คำแนะนำเพิ่มเติมในช่วงนี้หากจำเป็น
- บุคลากรบน SCPF Eremita จะคอยตรวจสอบ SCP-3000 ระหว่างการให้อาหาร ในช่วงเวลานี้ไม่อนุญาตให้บุคลากรออกจาก Eremita โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บัญชาการภารกิจ
- เมื่อถึงจุดหนึ่งหลังจากการบริโภคเหยื่อทั้งหมด SCP-3000 จะเริ่มขับ Y-909 ออกมาจากบริเวณใกล้กับส่วนหน้าสุดของร่างกาย
- ทีมนักประดาน้ำลึกเฉพาะทางจะต้องออกจาก SCPF Eremita ผ่านทางแอร์ล็อคท้ายเรือและเข้าใกล้ การรวบรวม Y-909 จะต้องเกิดขึ้นในช่วง "ย่อยอาหาร" ของ SCP-3000 ซึ่งปัจจุบันเชื่อกันว่าคือประมาณสองชั่วโมงครึ่งหลังจากบริโภคเหยื่อ ทีมต้องกลับไปที่ปล่อยตัวก่อนสิ้นสุดช่วงเวลานี้ ในช่วงเวลานี้ผลกระทบทั่วไปของ SCP-3000 จะรุนแรงน้อยลง แต่ผู้บัญชาการก็ควรตรวจสอบทีมเหล่านี้ต่อไปเพื่อดูความเสียหายต่อการรับรู้ของพวกเขา
- หลังจากรวบรวม Y-909 เสร็จแล้ว บุคลากรจะต้องถ่ายโอนสารที่เก็บรวบรวมไปยังภาชนะที่ปลอดภัยก่อนที่จะกลับสู่พื้นผิว ผู้ดูแลภารกิจบนเรือ Eremita ต้องตรวจสอบสารตลอดการขนส่ง
ภาคผนวก 3000.3: การประเมินทางจิตวิทยา

ดร.เวนคาตรามัน กฤษณมูรติ
หมายเหตุ: วันที่ ██/██09 นักวิจัยระดับ 3 เวนคาตรามัน กฤษณมูรติพยายามที่จะออกจากแอร์ล็อคท้ายเรือของ Eremita โดยไม่มีอุปกรณ์ดำน้ำ แต่ถูกจับตัวและยกเลิกวงจรแอร์ล็อคอย่างรวดเร็ว แม้จะมีค่า CRV(ค่าความต้านทานการรับรู้) ถึง 26 และไม่เคยแสดงอาการซึมเศร้าก่อนหน้านี้หรือพยายามฆ่าตัวตายก่อนที่เขาจะได้รับมอบหมายหน้าที่บนเรือ Eremita กฤษณมูรติได้รับการสัมภาษณ์โดยเจ้าหน้าที่นักจิตวิทยาคลินิก ดร.อนันด์ มันนาวาเพื่อให้เข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของ SCP-3000 ต่อจิตใจของเขา
[เริ่มบันทึก]
มันนาวา: ไง เวนแคต รู้สึกยังไงบ้าง?
กฤษณมูรติ: ไม่ดีเลย
มันนาวา: ก็ได้ยินมาอย่างนั้น แล้วนายอยากจะพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไหม?
กฤษณมูรติเงียบ
มันนาวา: เราไม่ต้องคุยก็ได้ถ้านายไม่ต้องการ เราสามารถพูดเรื่องอื่นแทนได้
กฤษณมูรติ: ผมเหนื่อยแล้ว อนันต์
มันนาวา: ผมเข้าใจงานนี้มันเครียดไปทุก—
กฤษณมูรติ: มันไม่ใช่เลย ไม่ใช่ มันไม่ใช่ความเครียด ผมจัดการมันไปแล้ว ผมเคย…ผมไม่รู้จริงๆว่าผมเคยทำมาก่อนหรือเปล่า
มันนาวา: นายเคย
กฤษณมูรติ: ผมจำไม่ได้ สักนิด ผมรู้สึกเคว้งคว้างไปหมด มันเหมือนกับร่างกายของผมมันต่อบโต้ไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว ทุกอย่างมันถูกตัดการเชื่อมต่อ และความพยายามที่จะรักษามันไว้ด้วยกันมัน… ผมก็แค่เหนื่อย
มันนาวา: นายเริ่มรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
กฤษณมูรติ: เราลงมาอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว? ผมจำไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ผมไม่รู้จริงๆ ผมหวังว่าผมจะบอกคุณได้มากกว่านั้น แต่ผมไม่มีอะไรเลย ผมมองไปที่สถานที่นั้นในความคิดของฉันและมันมีบางอย่างอยู่ที่นั่น— หรือบางทีมันคงไม่มีอะไรเลย
มันนาวา: นายหมายความว่ายังไง อะไรบางอย่าง?
กฤษณมูรติ: ฉันเห็นความฝันของคนอื่น อนันด์ ผมเห็นใบหน้าที่ผมไม่รู้จัก สถานที่ที่ผมไม่เคยไป… หรือผมอาจจะเคย ผมไม่รู้เลย ผมจะรู้ได้ยังไงว่ามันจริงหรือไม่จริง เมื่อผมไม่สามารถเชื่อจิตใจตัวเองได้ด้วยซ้ำ?
มันนาวา: เอาล่ะ บางทีผมอาจจะช่วยนายเรื่องนั้นได้ เวนแคต เราสามารถก้าวข้ามสิ่งที่นายคิดว่าลืมไปแล้ว และผมสามารถ—
กฤษณมูรติ: อย่ามาดูถูกผมนะ ผมรู้ว่านายเองก็รู้สึกถึงมัน อนันด์ จิตใจของนายมันครุ่นมัว ชิ้นส่วนของนายมันเริ่มแตกออก ความทรงจำเลือนลาง ผุบๆโผล่ๆเรื่อยๆจนมันหายไปหมด หรือที่แย่ที่สุดคือโดนแทนที่ นายจะเห็นสิ่งที่ไม่ใช่ของนาย ประสบการณ์ที่นายไม่เคยมี นายจะเริ่มที่จะกลายเป็นคนอื่น หรือไม่ก็… ไม่ได้เป็นใครเลย
มันนาวา: เวนแคต ขอร้องล่ะ ผมแค่อยากจะช่วย
กฤษณมูรติ: นี่นายรู้ถึงขนาดงานของผมก่อนที่เราจะพบกันเลยเหรอ? มาคิดดูแล้ว ผมจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเราพบกันได้ยังไง ผมรู้ชื่อนาย รู้ว่านายเป็นนักจิตวิทยา แต่พวกเราเป็นเพื่อนกันเหรอ? หรือเป็นพี่น้องกัน? ผมไม่รู้ว่าผมรู้จักนายได้ยังไง ผมรู้ว่าเราทำงานด้วยกัน ผมยังจำเรื่องนั้นได้ แต่อย่างอื่นล่ะ มันเข้ามาแล้วก็จากไป ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมแต่งงานหรือมีลูกหรือยัง4
มันนาวา: ผมเข้าใจ
กฤษณมูรติ: และนั่น… นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด ผมรู้ว่ามันกำลังเกิดขึ้นกับผม ผมรู้ว่าจิตใจของผมกำลังแตกออก แต่มันมีบางอย่างอยู่ในนั้นด้วย มีบางอย่างโผล่ขึ้นมาจาก… จากควันแห่งสติที่อัดอั้นของผม เจ้าปลาไหลนั่น
มันนาวา: ปลาไหล?
กฤษณมูรติ: ผม… ผมจำแม่ผมไม่ได้ ผมได้ยินเสียงของเธอ แต่ผมจำหน้าเธอไม่ได้ ผมจำไม่ได้ว่าเธอมีกลิ่นยังไง หรือเธอ…แต่สิ่งที่ผมจำได้คือเรื่องที่เธอบอกผมเกี่ยวกับเทพ (เงียบ) มันมีเทพที่เรียกกันว่า อนันตเศษ นาคา ราชาแห่งนาคทั้งปวง ที่ว่ากันว่าเป็นที่ประทับให้กับพระวิษณุในอวกาศ เทพเจ้างูหกเศียร น่าทึ่งใช่ไหมล่ะ?
มันนาวา: มัน… ใช่ ผมก็รู้จักอยู่
กฤษณมูรติ: อา… แน่นอน ผมขอโทษ ผมลืม (เงียบ) เธอ… ผมก็จำไม่ค่อยได้หรอก แต่ผมจำได้ว่าเธอบอกว่าอนันตเศษจะ… จะคงอยู่เหนือจุดจบ เฝ้ามองไปยังความมืดมิดในช่วงที่เวลาสิ้นสุดลง เธอบอกว่าเมื่อแสงของจักรวาลดับลง ทุกสิ่งที่เหลือก็คืออนันตเศษ (เงียบ) ผมทำงานกับสถาบันมาทั้งชีวิต มากที่สุดเท่าที่ผมจะจำได้ ผมพยายามดิ้นรนเพื่อสร้างชื่อและชื่อเสียงของผมและทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อจากไปพร้อมกับ… สักอย่าง อะไรสักอย่าง เป็นสิ่งที่จะบอกว่าผมเคยอยู่ที่นี่ แต่…
มันนาวา: มันคืออะไรเหรอ?
กฤษณมูรติ: ผม… ผมเชื่อว่า SCP-3000 คืออนันตเศษ ผมเชื่อว่า…ความวิปลาศนี่ ความรู้สึกทรยศต่อความรู้ความเข้าใจ มันคือผลของการที่เราอยู่ต่อหน้าเทพเจ้า ไม่ใช่เทพธรรมดา แต่เป็นเทพเจ้าที่มีตัวตนอยู่ทุกๆกาลเวลา ทุกเวลาในเวลาเดียวกัน และ…เหนือยิ่งไปกว่านั้นอีก บางที… บางทีส่วนหนึ่งของความว่างเปล่าที่อยู่เหนือกาลเวลาก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของอนันตเศษก็ได้ บางทีมันอาจทำหน้าที่เป็น เป็นท่อนำอะไรบางอย่าง—
มันนาวา: เวนแคต ขอร้องล่ะ พวกเราเป็นนักวิทยาศาสตร์—
กฤษณมูรติ: ไม่ ให้ผมพูดจนจบเถอะ ในการต่อต้านความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ทั้งหมดนี้ มันคืออนันตเศษ มีโอกาสที่ความทรงจำของผมจะอยู่ต่อไป ที่ผมอาจจะจำได้เหมือนความทรงจำที่ผมเคยเห็นผ่านมา ผมไม่… ผมไม่มีหลักฐานเรื่องนี้ แต่เมื่อผมมองเข้าไปในดวงตาของมันและเห็นสิ่งที่แสดงให้ผมเห็น ผมก็กลัว ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ อนันด์ นี่เป็นความกลัวที่ผมปฏิเสธที่จะยอมรับมาหลายปีแล้ว กลัวที่จะไร้ตัวตน ที่จะไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นใครตอนที่ผมตายไป กลัวที่จะถูกลืม (ถอนหายใจ) มีความหวาดกลัวในตัวผมที่ผมไม่สามารถจัดการได้ อนันด์ ผมจะไม่โกหกคุณและบอกคุณว่ากระเพาะของนาคาก็ไม่ทำให้ผมกลัวด้วย แต่ระหว่างมันกับความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่ผมจ้องมองเข้าไป ผมก็ได้ตัดสินใจแล้ว
[จบบันทึก]
ภาคผนวก 3000.4: บันทึกวิดีโอและเสียงเหตุการณ์
สองวันหลังจากการดร.กฤษณมูรติถูกกักกันภายในห้องขังที่ปลอดภัยบนเรือ Eremita ก็มีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งกักตัวตามเงื่อนไขของมาตรการ Atzak สามชั่วโมงหลังจากดร.กฤษณมูรติถูกปล่อยตัวออกจากห้องขัง ก็เกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้ขึ้น:
[เริ่มบันทึก]
<02:19:33> กฤษณมูรติยืนอยู่ใกล้กับทางเข้าแอร์ล็อคท้ายเรือ Eremita เขาหันหน้าออกจากกล้องตัวที่ใกล้ที่สุด
<02:19:58> สัญญาณเตือนใกล้เคียงดังขึ้น ฟลัดไลท์ภายนอกเปิดใช้งาน ยังมองไม่เห็น SCP-3000 มีการแจ้งเตือนคำสั่ง และเครื่องยนต์ของ Eremita ทำงานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหลบหลีก
<02:20:06> กฤษณมูรติตกใจเพราะสัญญาณเตือนที่อยู่ใกล้เคียงและเริ่มแสดงอาการตื่นตระหนก เขายังคงจ้องมองไปที่ทางเข้าแอร์ล็อคท้ายเรือ เขาหันมาที่กล้องที่ใกล้ที่สุดชั่วขณะและพบว่าเขากำลังร้องไห้อยู่
<02:20:21> กฤษณมูรติค่อยๆเข้าใกล้แอร์ล็อคท้ายเรือและเปิดประตูแอร์ล็อกและล็อคประตูทางเข้าหลักด้านหลังเขา
<02:20:57> กล้องภายในแอร์ล็อกจับภาพกฤษณมูรติที่จ้องมองประตูด้านนอกเป็นเวลาสองนาทีเต็มโดยไม่ขยับ หลังจากนั้นสองนาทีเขาก็ทรุดลงกับพื้น
<02:21:15> กล้องทั้งหมดสั่นเมื่อกังหันหลักเริ่มหมุน สามารถมองเห็น SCP-3000 เข้าใกล้ SCPF Eremita ได้บนเรดาร์ ยังมองไม่เห็น SCP-3000 ในกล้องภายนอก
<02:26:37> กฤษณมูรติยืนขึ้นและเข้าใกล้ล็อกเกอร์ชุดดำน้ำ เขาสวมชุดสำหรับดำน้ำลึกใต้น้ำแรงดันสูงจากนั้นก็เคลื่อนที่ไปยังตัวควบคุมประตูด้านนอก เขาปลดสลักประตูด้านนอก กล้องภายในแอร์ล็อกถูกบดบังด้วยน้ำที่ไหลเข้ามา
<02:27:14> สัญญาณเตือนครั้งที่สองร้องเพราะแอร์ล็อคถูกทำลาย บุคลากรบนสะพานเรือพยายามที่จะปิดแอร์ล็อก แต่กฤษณมูรติได้ออกจากแอร์ล็อคไปแล้ว
<02:27:48> กฤษณมูรติลอยอยู่ในน้ำหลังส่วนท้ายของ Eremita ส่องสว่างด้วยแสงของฟลัดไลท์ภายนอก เขาไม่เคลื่อนไหว
<02:28:11> SCP-3000 ค่อยๆปรากฏขึ้นมาจากความมืด กฤษณมูรติยังคงไม่เคลื่อนไหว
<02:28:29> กล้องภายนอกสั่นเมื่อ Eremita เริ่มถอยหลังเข้าหากฤษณมูรติ ทีมกู้ภัยได้รวมตัวกันในห้องแอร์ล็อค
<02:28:52> SCP-3000 เข้าไปใกล้กฤษณมูรติ ปากของมันเริ่มเปิดออก SCP-3000 Eremita ส่งเสียงแตร แต่ไม่ว่า SCP-3000 หรือเขาก็ไม่แสดงอาการสนใจ
<02:29:09> SCP-3000 เคลื่อนที่ไปอยู่เหนือกฤษณมูรติ เขามองขึ้นไปที่กรามของ SCP-3000 ที่ตอนนี้ที่ขยายออกเต็มที่ Eremita เริ่มกระพริบแสงของฟลัดไลท์ภายนอก แอร์ล็อคเปิดออก
กฤษณมูรติ: อนันด์… ผมคิดผิด (สะอื้น) พระเจ้าช่วยด้วย มันไม่ใช่—
<02:29:21> SCP-3000 โจมตีและกินกฤษณมูรติอย่างรวดเร็ว
<02:29:45> SCP-3000 หายไปในความมืด และไม่สามารถมองเห็นได้ในกล้องภายนอกอีกต่อไป ทีมกู้ภัยถูกเรียกกลับ ลูกเรือเริ่มทำมาตรการ Atzak
[จบบันทึก]
ภาคผนวก 3000.5: วารสารส่วนตัวของดร.มันนาวา
หมายเหตุ: ต่อไปนี้เป็นข้อความที่ตัดตอนมาจากสมุดบันทึกส่วนตัวของดร.อนันด์ มันนาวา ดร.มันนาวาได้จัดเก็บวารสารหลายฉบับในระหว่างที่เขาได้รับมอบหมายหน้าที่และมีรายงานว่ามันเป็นประโยชน์ต่อการต่อต้านคุณสมบัติที่มีผลต่อทางจิตใจและความทรงจำของ SCP-3000
23/09/2009
ผมมาเพื่อฝังเวนแคต ไม่ได้มายกย่องเขา
ให้พูดในเชิงจิตวิทยาแล้วการที่ความทรงจำได้รับผลกระทบแบบเดียวกับเขามันไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจสำหรับใครแน่ๆ ผมไม่แปลกใจเลยจริงๆที่เขาเลือกที่จะปล่อยตัวเองออกจากความทรงจำที่โดนเข้าไปยุ่มย่าม - สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นเหมือนกับคำเตือน การได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับผลกระทบของมันไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ผมต้องคอยติดตามเจ้าหน้าที่ทุกคนรวมถึงตัวผมอยู่เสมอและพาทุกคนกลับมาสู่ความเป็นจริงเลย ตอนนี้ผมควรจะส่งรายงานทางจิตวิทยาฉบับเต็มแล้ว รายละเอียดว่ามันมีอะไรที่ผิดพลาด ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงฆ่าตัวตาย และวิเคราะห์วิธีการที่เป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคตไปยัง O5 และผู้อำนวยการไซต์ น๊อคซ์ ให้ตรวจสอบและออกแบบกฎใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องบ้าๆแบบนี้เกิดขึ้นอีก
เขาเป็นคนที่เคร่งศาสนามากกว่าผม ในบั้นปลายชีวิตเขาคร่ำครวญถึงอนันตเศษ - พญานาคราชในศาสนาฮินดูดั้งเดิม - และจ้อถึงความไร้สิ้นสุด ผมจะไม่ตั้งคำถามถึงความถูกต้องในความเชื่อและคำกล่าวอ้างของเขา แต่มันค่อนข้างที่จะเป็นปริศนา และผมคิดว่าผมควรจะคิดว่าตัวเองโชคดีที่งานนี้ค่อนข้างอ่อนโยนเมื่อเทียบกับงานก่อนหน้านี้ที่ที่เคยทำ ผมไม่คิดว่านี่เป็นปลาไหลในตำนาน - มันอาจจะผิดปกติ แต่มันน่ามหัศจรรย์ขนาดนั้น มันน่าตลกนะ - ผมใช้เวลาสามสิบปีที่ผ่านมาปิดกั้นทุกสิ่งที่พ่อต้องการสอนเกี่ยวกับศาสนาฮินดูและตอนนี้ผมกำลังใช้สมองพยายามนึกทุกอย่างที่เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ผมอยากบอกว่าเป็นเพราะปลาไหลนั่น แต่ถ้าผมซื่อสัตย์กับตัวเองแล้วผมก็แค่พยายามจะลืมคำสอนทั้งหมดของเขา อาจจะไม่ได้อยู่ที่จุดเริ่มต้น แต่อยู่ในตอนท้ายอยางแน่นอน ผมแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ผมจำได้ว่าเขาโกรธแค่ไหนเมื่อผมจำชื่อปู่ย่าตายายหรือคุณลุงของผมไม่ได้ เขาหมดหวังที่จะรักษาประเพณีทางวัฒนธรรมของเขาและผมก็ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อทำร้ายเขา ในช่วงชีวิตสุดท้ายเขาขอร้องให้ผมทำพิธีกรรมสุดท้ายตามประเพณีหลังจากเขาตาย เขาถึงขนาดเขียนวิธีการด้วยซ้ำ แต่ผมโกรธมากจนฉีกพวกมันต่อหน้าเขา ผมจำไม่ได้ว่าทำไม ความทรงจำเดียวเกี่ยวกับเขาที่ผมมีคือเขาทำให้ผมรู้สึกอย่างไร เขาใช้เวลาเกือบยี่สิบปีในการพยายามสืบทอดประเพณีของเรา - และทั้งหมดที่ผมมีในตอนนี้คือความโกรธ ความเกลียดชัง และความเสียใจ
30/09/2009
เมื่อเช้านี้ผู้อำนวยการไซต์ น๊อคซ์รวมตัวเจ้าหน้าที่เพื่อทำการไว้อาลัยสั้นๆ หลังจากพูดสรรเสริญแบบง่ายๆเล็กๆน้อยๆ เขาก็พาผมออกไปแล้วบอกว่าจะมีคนมาแทนที่เวนแคตในอีกไม่กี่สัปดาห์ - และเนื่องจากว่าเขาไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวเลย ของใช้ส่วนตัวในปัจจุบันทรัพย์สินของสถาบันแล้วและอาจจะมีการนำไปทิ้ง ผู้อำนวยการบอกว่าถ้าผมต้องการเก็บของของเขาสักอย่างสองอย่าง ก็ให้รีบทำตอนนี้เลย
สำนักงานของเขามันค่อนข้างธรรมดา - เบาะเก้าอี้นุ่มนิ่มของเขา ของเล่นสำนักงานไม่กี่ชิ้น และหนังสือชีววิทยาทางทะเลอีกมากมายที่สัดวันผมว่าจะลองเอามาดู สิ่งเดียวที่ผมเอาไปคือรูปปั้นพระพิฆเนศที่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่าง ผมเองก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมเอาไปตั้งอยู่บนชั้นหนังสือถัดจากรูปของผม ภรรยา และลูกสาวที่ระเบียงริมทะเลสาบ มันก็แค่การท่องเที่ยวธรรมดาๆที่กับดักนักท่องเที่ยวในลัคเนา แต่เจ้านี่ก็เป็นหนึ่งในรูปถ่ายที่ดูดีที่สุด
พรุ่งนี้พวกเราจะลงไปอีกครั้ง
11/11/2009
สัปดาห์นี้Dคลาสทั้งหมดยังอยู่ได้อย่างปลอดภัย ก็ถือว่าดี ถ้าตัดเรื่องอาการซึมเศร้าและความจำเสื่อมจากการสัมผัสกับ SCP-3000 ตามปกติออกไป ทุกอย่างก็เป็นไปตามถูกต้อง บางครั้งผมก็อิจฉาพวกเขานิดหน่อย - สิ่งที่พวกเขารู้ทั้งหมดมันก็แค่พวกเขากำลังจะตักสารเหนียวจากปลาไหลยักษ์ขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ถึงความสำคัญของมันหรือทำไมมันสำคัญขนาดที่ต้องให้พวกเขาไปเก็บมันมาและมันช่วยพวกเราได้ขนาดไหน
แน่นอนว่าหนึ่งในสิ่งที่ช่วยได้มากในการอยู่แผนกจิตวิทยาของโครงการ Atzak ก็คือการได้รับรู้ถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น - ผมตระหนักดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของผม ผมรู้ว่ามีความทรงจำของผมที่ถูกดูดออกไป เป็นชิ้นส่วนที่หายไปแล้วในตอนนี้ ผมนึกถึงภาพของเด็กหนุ่มบนจักรยานตรงหน้าประตูโรงเรียน ดูเหมือนว่ามันเป็นยุค80 ตอนที่ผมอยู่ที่สิงคโปร์ - เขาหัวเราะออกมา - แต่ผมไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อน เป็นคนรัก ลูกชาย เพื่อนของครอบครัว - หรือว่าเป็นใครกันแน่ บางทีคงเป็นชาวอิตาลี่? หรือไม่ก็ชาวออสเตรเลีย? บางทีนี่อาจจะไม่ใช่ความทรงจำที่น่าจดจำเลยด้วยซ้ำ
ผมมองไปที่รูปปั้นพระพิฆเนศและรูปครอบครัวอีกครั้ง มันค่อนข้างน่าเสียดายจริงๆ แต่ผมแทบจะลืมทุกอย่างที่เคยทำกับพวกเขาไปแล้ว ผมเริ่มพยายามเรียนรู้บทกวีและเพลงของศาสนาฮินดู ออกไปหาคัมภีร์พระเวทมาเก็บไว้สักเล่ม แต่ผมก็จำรายละเอียดของมันไม่ค่อยได้เลย
ผมได้ไตร่ตรองถึงสิ่งที่เวนแคดบอกก่อนที่เขาจะจากไป - ลึกๆแล้ว เขากลัวความธรรมดา การที่ไม่สามารถขึ้นมาจากทะเลแห่งผู้คนมายืนอยู่บนพื้นผิวของโลกได้ เขาทำงานให้สถาบันมาหลายปี และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่หนึ่งในคนที่เป็นที่รู้จักและโด่งดังมากที่สุดของสถาบัน แต่ก็ไม่ใช่คนที่ไร้ตัวตนอะไร - เขาเป็นนักชีววิทยาทางทะเลชั้นนำของสถาบัน เชี่ยวชาญทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับสัตว์น้ำและค่อนข้างเป็นที่เคารพนับถือ ผมค่อนข้างประหลาดใจกับความอิจฉาของเขา - เขาไม่เคยเป็นคนประเภทที่โผงผางและรุนแรง และผมก็ไม่คิดเลยว่าเขาต้องการชื่อเสียงและการยอมรับ
บางทีเขาอาจกลัวจริงๆที่จะต้องจมปลักอยู่กับความธรรมดา
บางทีความเงียบของสถานที่แห่งนี้อาจทำให้เขานึกถึงสิ่งที่แย่ยิ่งกว่านั้น
ภาคผนวก 3000.6 : สรุปบันทึกข้อตกลง Atzak [จัดประเภทระดับ 5/3000]
พนักงานใหม่บางส่วนมีคำถามเกี่ยวกับงานของเราที่นี่ ดังนั้นผมจึงเผยแพร่สิ่งนี้เพื่อตอบปัญหาส่วนใหญ่ของพวกเขา อย่าลังเลที่จะติดต่อสำนักงานของผมหากยังมีคำถามอื่นอีก
มาตรการ Atzak เป็นกระบวนการรวบรวมและจัดทำสารประกอบ Y-909 มันเป็นของเหลวสีเทา ขุ่น ข้นที่ SCP-3000 ขับออกมาเป็นส่วนหนึ่งของการเผาผลาญอาหาร เราไม่รู้วิธีการที่แน่นอนในการที่มันทำแบบนี้ แต่เราก็มีทฤษฎีบางอย่าง แต่ก็ไม่มีอันไหนที่ดีสำหรับเราเลย
เริ่มแรกเราคิดว่ามันเลือดออก ทีมแรกที่เราส่งลงไปดู SCP-3000 ลงไปเก็บตัวอย่างเลือดมาวิเคราะห์ เมื่อ SCP-3000 โจมตีและกินพวกเขาและเริ่มผลิตสารมากขึ้น เราจึงตระหนักว่าเรากำลังมองไปที่สิ่งที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่เลือดแน่นอน มันคล้ายกับสารละลายพริออนมากกว่า มันเป็นพิษร้ายแรงและการใช้เวลากับมันมากเกินไปทำให้เกิดผลกระทบมากมายเช่นเดียวกับการสัมผัสกับ SCP-3000 หวาดระแวง เสียความทรงจำ ความคิดอยากฆ่าตัวตาย เป็นต้น การปรับแต่ง Y-909 ดิบ สิ่งที่คนแปรรูปเรียกว่า"เยลลี่ปลาไหล" ช่วยให้เราสร้างยาลบความทรงจำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เราเคยมีมาในประวัติศาสตร์ขององค์กรนี้
นี่คือประเด็นที่ขัดแย้งทางจริยธรรม SCP-3000 สร้าง Y-909 หลังจากกินอาหารเท่านั้น และมันกินเพียงมนุษย์อย่างเดียว จำไว้ไหมว่าเมื่อผมเคยบอกว่าเรามีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับกระบวนการนี้? นักชีววิทยาบางคนของเราตั้งสมมติฐานว่า SCP-3000 กำลังทำลายสิ่งที่ทำให้สัตว์ประเสริฐมีความประเสริฐ กรองมันผ่านผิวหนังบางส่วนของมัน และอีเทอร์ที่เหลือคือสิ่งที่เรารวบรวม คุณอยากจะรู้อะไรบางอย่างจริงๆเหรอ? เราเคยถ่ายภาพรังสีของเจ้าสิ่งนี้ พยายามดูว่าเกิดอะไรขึ้นภายในมัน มันเต็มไปด้วยศพมนุษย์ มันไม่ได้ย่อยพวกเขาเลย มันทำอะไรอย่างอื่น และผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ Y-909
ตอนแรกที่เราเริ่มใช้ Y-909 ในโครงการลบความทรงจำ เราพยายามสังเคราะห์มัน เราก็ได้บางสิ่งที่ใกล้เคียงกับ Y-919 ที่เรากำลังมองหาแต่ผลข้างเคียงของมันคือหายนะ การลบความทรงจำก็ทำงานอยู่หรอก พวกเราทำให้ผู้คนลืมเหตุการณ์ ผู้คน และยิ่งกว่านั้น แต่พวกเขาก็เริ่มที่จะลืมอย่างอื่นด้วยเช่นกัน ความเสื่อมโทรมของจิตใจจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่เหลืออะไรเลย แล้วพวกเขาก็ตาย นักวิจัยบางคนคิดว่าเราสามารถหาวิธีลดความรุนแรงของผลข้างเคียงเหล่านั้นได้ แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทดลองเหล่านั้นมันมหาศาล และโครงการนั้นก็ถูกยกเลิกไป
มันไม่ใช่ความลับว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้น่ารังเกียจ คณะกรรมการจริยธรรม คณะกรรมการการจำแนกประเภท พวกเขาทั้งหมดกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้สิ่งนี้ดีขึ้นมากกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ แต่ความจริงที่มันยากคือ หากเราต้องการใช้การลบความทรงจำแบบใหม่ต่อไป เราจำเป็นต้องมี Y-909 ถ้าเราต้องการ Y-909 เราต้องเลี้ยง D-Class ให้กับ SCP-3000 ไม่อย่างนั้นเราจะกลับไปยังยุคมืดที่เราลบความทรงจำผู้คนด้วยยาเสพติดและคลอโรฟอร์ม
ข่าวดีก็คือเรากำลังพัฒนา ROVs ที่น่าจะเข้ามารับหน้าที่รวบรวมวัตถุดิบจากทีมประดาน้ำของเรา วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสในการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุอย่างที่เราเคยพบในอดีตและเป็นก้าวแรกที่ดี สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้
-น๊อคซ์
ภาคผนวก 3000.7: วารสารส่วนตัวของดร.มันนาวา
หมายเหตุ: ต่อไปนี้เป็นข้อความแบบเต็มของหน้าที่เขียนด้วยลายมือของดร.มันนาวา ซึ่งถูกฉีกออกจากวารสาร และวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงของเขา
ไม่ระบุวัน
ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ของงานนี้ในการพยายามทำความเข้าใจผลกระทบพื้นฐานของตัวตนที่ถูกระบุว่าส่งผลความผิดปกติด้านการรับรู้ระดับVIII ผมได้ทำการสัมภาษณ์บุคลากรมามากมาย เขียนรายงานทางจิตวิทยาอีกเยอะแยะ แต่ผมไม่สามารถสรุปได้อย่างถูกต้องว่าสิ่งมีชีวิตนี้จะนำคนที่มีสติดีอย่างสมบูรณ์แบบออกไปที่ประตูนอกประตูแอร์ล็อคนั้นแล้วเข้าไปอยู่ในกระเพาะปลาไหลได้อย่างไร
สัปดาห์ก่อนหน้านี้ขณะที่ผมกำลังเตรียมบันทึกสำหรับรายงานอื่น ผมเผลอทำรูปของตัวเอง ภรรยาและลูกสาวหล่นจากโต๊ะข้างๆ กระจกแตกออกตอนที่มันตกถึงพื้นแล้วรูปก็หลุดออกมา ตอนที่ผมทำความสะอาดผมก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่เขียนไว้ที่ด้านหลังของรูป มันเขียนว่า
"อนันด์ สันติ และปัดมา มิถุนายน 2002"
แต่คนที่เขียนมันไม่ใช่ผม มันคือเวนแคด ผมรู้สึกสับสนกับสิ่งนี้ ทำไมเวนแคดถึงเขียนอยู่ที่หลังรูปของพวกเราล่ะ? ในตอนนั้นผมคิดเพียงแค่นิดหน่อย จากนั้นก็ปัดทำความสะอาดแล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ แต่คำถามนั่นยังคงคาอยู่ในหัวของผม มันเป็นแค่อะไรเล็กน้อยที่สามารถอธิบายได้หลายทาง แต่ผมไม่สามารถปัดเป่าความรู้สึกไม่ชัดเจนไปได้ จนกระทั่งคืนก่อนที่ความคิดอันน่าสะพรึงกลัวเข้ามาในหัวผม แล้วผมก็นอนไม่หลับ ผมเข้าไปที่คลังข้อมูลบุคลากรของสถาบันและได้ตระหนักถึงความจริงที่ผมไม่อาจยอมรับได้
สันติคือภรรยาคนแรกของเวนแคด ปัดมาคือลูกสาวของเขา บันทึกมีความชัดเจน ชีวิตที่ผมจำได้ ประสบการณ์ที่ผมเคยมีกับพวกเธอ มันคือความทรงจำและประสบการณ์ของเวนแคดไม่ใช่ของผม ผมไม่เคยแต่งงานหรือมีลูกด้วยซ้ำ แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังสามารถนึกถึงใบหน้าของภรรยา ได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ กลิ่นผมของเธอได้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่านั่นไม่ใช่ผม แต่เป็นเวนแคดที่เห็นเธอ
ความน่าหวาดกลัวของการได้รับรู้นี้ถูกแทนที่ด้วยความสยดสยองที่พิลึกพิลั่น ผมคิดออกแล้วว่าเจ้าปลาไหลมันทำอะไร บางอย่างเกี่ยวกับมัน สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในของที่มันสร้างขึ้น การรับรู้ที่ถูกเกลียดชัง มันสลายจิตสำนึกของมนุษย์และแยกส่วนหนึ่งของเราที่เราเชื่อว่าเป็นวิญญาณออกเป็นชิ้นๆจนกระทั่งสิ่งที่เหลืออยู่คือสิ่งที่เราเป็นจริงๆ เป็นสัญญาณไฟฟ้าที่สักวันจะดับลง
ถ้าแม้แต่ผมยังจำตัวเองไม่ได้ แล้วผมจะหวังให้คนอื่นจำผมได้อย่างไร? ผมลืมชีวิตของผมไปแล้ว - และมันก็น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับความจริงเรื่องนี้ ผมจะเลือนหายไปในความมืดมิด อย่างที่หลายพันคนก่อนหน้าผมไป และหลายพันคนต่อจากผมจะไป ไม่มีใครที่จะสนใจว่าผมถูกลืมเลือน ผมไม่ได้สิ้นหวังเพื่อตัวเอง แต่เพื่อพวกเราทุกคน - ทั้งคุณและผม เราทุกคนต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับการถูกลืม ผมไม่ได้สำคัญอะไร คุณเองก็ไม่ได้สำคัญอะไร ก็แค่หยดน้ำไร้ค่าที่มีจำนวนนับไม่ถ้วน ยืดยาวไปตลอดกาลในทะเลแห่งกาลเวลา พวกเราอาจจะพยายามต่อต้านมัน แต่ศัตรูของพวกเรามันหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผมไม่คิดว่าเจ้าปลาไหลนั่นคืออนันตเศษ ผมไม่คิดว่ามันสำคัญด้วยถ้ามันเป็น ขณะที่ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังแยกจากกันมันก็ชัดเจนสำหรับผมแล้วไม่ใช่ว่าเจ้าปลาไหลนั้นเป็นสัตว์ในตำนาน หรือพญานาคราช บางทีมันอาจเป็นแค่สิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่หลบหนีเรา ไม่ได้มีความประสงค์มุ่งร้าย บางทีมันอาจจะเป็นเทพบรรพกาลจริงๆที่เก็บงำความขุ่นเคืองไว้ใต้พื้นผิว เจ้าปลาไหลไม่ใช่ผู้นำมาซึ่งความตายของผม หรือการลงโทษมนุษยชาติ เจ้าปลาไหลไม่ใช่จุดจบของทุกสิ่ง มันแค่แสดงให้เราเห็นว่าจุดจบเป็นอย่างไร
ไม่ว่าจะทุกสิ่งที่เราอาจเชื่อ ทุกอุดมคติที่เรายึดถือหรือพระเจ้าที่เราอธิษฐาน ผมรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่สุดสำหรับพวกเราทุกคน:
จุดจบของเราจะเป็นสิ่งที่ถูกลืมเลือน
หมายเหตุ: ดร.มันนาวาถูกค้นพบในเวลาต่อมาในสภาพที่ไม่ตอบสนองต่ออะไรบริเวณใกล้ๆแอร์ล็อคท้ายเรือ หลักฐานบ่งชี้ว่าดร.มันนาวาได้บุกเข้าไปในล็อกเกอร์เก็บของบนเรือและกลืน Y-909 ดิบลงไปจำนวนมาก ดร.มันนาวาถูกย้ายออกจากEremita และถูกเก็บตัวที่ไซต์ -151 เพื่อนำมาวิเคราะห์