SCP-110-TH
rating: +16+x
scp110th.jpg

ภาพถ่ายของ SCP-110-TH ที่ถ่ายจากโดรน

วัตถุ# SCP-110-TH

ระดับ: Euclid

มาตรการกักกันพิเศษ: ได้กำหนดให้พื้นที่บริเวณโดยรอบของเขา█████████เป็นพื้นที่ของกองทัพและให้กันอากาศยานของพลเรือนออกไปจากพื้นที่ ให้ใช้เครื่องบินโดรนทำการเฝ้าระวังและค้นหาผู้บุกรุกตลอดเวลา ผู้บุกรุกที่ถูกจับกุมจะถูกลบความจำระดับ B ทั้งนี้ เจาหน้าที่แฝงตัวภายในองค์กรต่างๆจะทำการลบภาพของ SCP-110-TH ออกไปจากภาพถ่ายดาวเทียมทั้งหมด

การสำรวจ SCP-110-TH นั้นให้ติดต่อผู้ดูแลโครงการ ในการสำรวจด้วยกำลังคนนั้นให้จอดยานพาหนะไว้ในจุดที่สามารถมองเห็นขอบของ SCP-110-TH และจะต้องใช้กล้องแสดงภาพขอบดังกล่าวส่งมายังฐานปฏิบัติการตลอดเวลา ระหว่างการสำรวจนั้นให้ทีมงานสองคนประจำที่ยานพาหนะในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นผู้ปฏิบัติการส่วนใหญ่ได้ ผู้ปฏิบัติการที่ทำการสำรวจพ้นจากสายตาของทีมงานที่ประจำอยู่ที่พาหนะจะต้องมีคนอื่นที่สามารถมองเห็นได้อย่างน้อยสองคนเสมอ

รายละเอียด: SCP-110-TH มีลักษณะเป็นเมืองลอยฟ้าซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ brutalism ตำแหน่งของ SCP-110-TH นั้นอยู่เหนือยอดเขา█████████ ขึ้นไปประมาณ 13 กิโลเมตร ไม่สามารถมองเห็น SCP-110-TH ได้จากภาคพื้นดิน การจะมองเห็นและเข้าถึง SCP-110-TH ได้จะต้องอยู่ในความสูงตั้งแต่ระดับชั้นบรรยากาศมีโซสเฟียร์ขึ้นไปจึงจะมองเห็น1 ได้ทำการประเมินพื้นที่ของ SCP-110-TH จากภายนอกได้ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร แต่จากการใช้โดรนสำรวจนั้นพบว่าเมื่อมองจากภายในแล้วดูเหมือนจะมีความผิดปกติด้านพื้นที่ทำให้ไม่อาจประเมินได้ ดูเหมือนว่าเมื่อใดก็ตามที่ไม่สามารถมองเห็นส่วนขอบของ SCP-110-TH ได้แล้ว ความผิดปกติก็จะเกิดขึ้นทำให้เหมือนกับถูกย้ายตำแหน่งไปในส่วนที่เหมือนกันของ SCP-110-TH และจะไม่สามารถหาขอบของ SCP-110-TH ได้อีกเลย ภาพที่เห็นจากโดรนที่ถูกผลกระทบและให้บินขึ้นไปสูงที่สุดเท่าที่ทำได้นั้นพบว่า SCP-110-TH เหยียดยาวไปทุกด้านจนถึงเส้นขอบฟ้า จากการทดลองนั้นผลกระทบจะเกิดขึ้นหลังจากที่คลาดสายตาจากขอบเพียงไม่กี่วินาที การระบุตำแหน่งด้วยสายตารวมถึงกล้องนั้นจะสามารถป้องกันผลกระทบนี้ได้ แต่อุปกรณ์อื่นๆอย่าง GPS นั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง รวมถึงการใช้สายนิรภัยซึ่งพบว่าจะขาดโดยไม่ทราบสาเหตุ จนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่เคยพบโดรนที่สูญเสียไปในการสำรวจเลย สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดภายใน SCP-110-TH นั้นสามารถวัดความสูงได้เมื่อคำนวณจากระยะห่างตามหลักตรีโกณมิติ แต่เมื่อใช้โดรนบินหาทางขึ้นไปชั้นบนสุดนั้นจะพบว่าอาคารนั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆโดยไม่มีที่สิ้นสุด

ยังไม่เคยพบว่า SCP-110-TH นั้นเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิมแม้ว่าก้อนเมฆรอบๆจะเคลื่อนที่ไปตามกระแสลม ดูเหมือนฐานของสิ่งก่อสร้างจะตั้งอยู่บนก้อนเมฆในสภาพของแข็งแบบแผ่น โดยแต่ละแผ่นก้อนเมฆนั้นไม่ได้เชื่อมต่อกัน ยังไม่เคยพบสิ่งที่ตกลงไปในรอยแยกดังกล่าว จากการสำรวจยังไม่พบว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นใน SCP-110-TH นอกจากพืช

ต่อไปนี้คือสิ่งที่พบใน SCP-110:

  • หอคอยทำจากเหล็กทั้งหมดสูงประมาณ 120 เมตร ทาด้วยสีทองสะท้อนแสง ไม่พบทางเข้า ยอดหอคอยมีเพรชสีขาวฝังอยู่และจะสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นสีเขียว
  • ตึกทรงสี่เหลี่ยมที่พบเห็นทั่วไปจำนวนหนึ่งทำจากคอนกรีดและเหล็กผสมกัน มีความสูงแตกต่างกันตั้งแต่ประมาณ 50 เมตรไปจนถึง 100 เมตร ไม่มีหน้าต่าง ซึ่งจากความผิดปกติใน SCP-110-TH ทำให้ไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ ทั้งนี้ แม้ว่าผู้สังเกตการณ์มักจะแสดงความเห็นว่าตึกเหล่านี้ดูสวยงาม แต่เมื่อทำการตรวจสอบในระยะใกล้แล้วพบว่ามีลักษณะอย่างร่องรอยผุร้าวที่บ่งบอกว่าขาดการดูแล ตึกทั้งหมดมีประตูทางเข้าทางเดียวทำจากเหล็กสีทองแดงที่สูง 8 เมตร และคาดว่าหนักประมาณ 1 ตัน ไม่สามารถเปิดได้ด้วยกำลังของมนุษย์
  • สวนหย่อมขนาดเล็กทำเป็นวงกลม มีหญ้าและต้นไม้ที่พบเห็นได้บนพื้นโลก จากการตรวจสอบนั้นพบว่าพืชทั้งหมดที่พบใน SCP-110-TH นั้นไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์ ทั้งนี้ยังพบม้านั่งจำนวนหนึ่งซึ่งทั้งหมดเป็นสีขาวและแม้ว่าจะยังคงสภาพดีอยู่ก็มีร่องรอยว่าถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการซ่อมบำรุงมานานแล้ว
  • สระน้ำขนาดใหญ่ ลักษณะการไหลของน้ำบ่งชี้ว่ามีน้ำไหลออกไปทางก้นสระ ยังไม่สามารถระบุต้นน้ำได้ ตัวอย่างน้ำที่เก็บมานั้นพบว่าสะอาดและสามารถดื่มได้

ภาคผนวก-1: เจ้าหน้าที่ที่ทำการสำรวจทุกคนรายงานว่ามักได้ยินเสียงสวดเป็นภาษาที่ไม่รู้จักเบาๆดังอยู่ไกลๆใน SCP-110-TH แต่ไม่สามารถหาแหล่งที่มาของเสียงได้ได้มีการบันทึกเสียงสวดดูได้ที่ภาคผนวก 110-A2

ภาคผนวก-2 ในการทดลองสำรวจด้วยกำลังคนเป็นครั้งแรก D-5889 ยืนยันว่าเขามองไม่เห็นอะไรนอกจากก้อนเมฆ และเมื่อถูกบังคับให้ลงไปจากยานพาหนะเขาก็ตกลงไปทันทีโดยที่ไม่สามารถดึงกลับขึ้นมาได้เนื่องจากสายนิรภัยที่ติดเหมือนจมลงไปในของแข็งก่อนที่สายนิรภัยจะขาด ทั้งนี้ ได้พบศพของ D-5889 ในเวลาต่อมาบนเขา█████████ จากการทดลองต่อมานั้นพบว่าบุคลากร D-คลาสส่วนใหญ่และบุคลากรอื่นๆของสถาบันอีก ██% นั้นไม่สามารถมองเห็น SCP-110-TH ได้นอกจากเมฆเท่านั้น

การค้นพบ: SCP-110-TH นั้นได้ถูกค้นพบมานานแล้วก่อนที่สถาบันจะเจอแต่มีการปกปิดเอาไว้โดยครั้งแรกถูกถ่ายได้จากยานอวกาศ Vostok 1 ปี 1961 เป็นภาพขาวดำ ภาพถ่าย SCP-110-TH ได้ถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับและมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพียงไม่กี่คนของ████████ ███ ที่รู้เรื่องนี้ แต่ในปัจจุบันเหลือ ██ ██████ นักบินอวกาศเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เคยเห็น SCP-110-TH ตอนที่อยู่ในยานอวกาศที่กำลังไปยังดวงจันทร์ในปี 19██

เหตุการณ์ 110-2 ระหว่างที่ทำการสำรวจ 110-██-TH จู่ๆประตูของตึกบานหนึ่งก็เปิดออกและมีสิ่งที่ดูเหมือนหุ่นยนต์รูปร่างแบบมนุษย์สูงประมาณสองเมตรซึ่งมีปีกคล้ายกับเครื่องบินแต่ส่วนใบหน้านั้นเป็นโลหะเรียบๆออกมา (ต่อจากนี้จะเรียกว่า SCP-110-TH-1) SCP-110-TH-1 ทำการโจมตีเจ้าหน้าที่████ ███████อย่างก้าวร้าว เจ้าหน้าที่████ถูกเผาเป็นจุณขณะที่ถูก SCP-110-TH-1 ใช้มือจับตัวไว้ แม้ว่าอาวุธปืนของทีมสำรวจไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อ SCP-110-TH-1 ได้ ก็ดูเหมือนจะทำให้มันโกรธและทำการโจมตีตอบโต้ทีมสำรวจ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้เสียทีมสำรวจไป █ คนจากผลกระทบด้านพื้นที่ และอีก █ คนจากการโจมตีของ SCP-110-TH-1 ในขณะนี้ให้ระงับการสำรวจ SCP-110-TH ด้วยกำลังคนไว้จนกว่าจะถอดความการสนทนาที่เกิดขึ้นและที่ทีมสำรวจซึ่งหายตัวไปส่งมาได้เสร็จสิ้น

น่าเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่████เคยได้รับรางวัลเกียรตินิยมสถาบันจากความกล้าหาญในการต่อสู้แย่งชิงวัตถุซึ่งเขาได้สังหารฝ่ายปฏิบัติการของ ORIA ไปอย่างน้อยสามคนเมื่อปีที่แล้ว การเลื่อนระดับวัตถุให้สูงขึ้นนั้นกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเนื่องจากว่าจนถึงในขณะนี้ดูเหมือนว่าไม่ว่า SCP-110-TH จะเป็นอะไรหรือมีตัวแบบนี้อยู่ใน SCP-110-TH อีกกี่ตัวก็ตาม เราก็ยังไม่พบสิ่งที่บ่งบอกว่ามันจะออกมาจาก SCP-110-TH เลย จึงเป็นไปได้ว่าถ้าไม่มีใครเข้าไปในนั้นก็นับว่าไม่มีปัญหาอะไร O5-██


Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License