SCP-1061

วัตถุ#: SCP-1061

ระดับ: Safe

มาตรการกักกันพิเศษ:SCP-1061 จะต้องถูกจัดเก็บภายในโรงรถชนิดควบคุมอุณหภูมิ ส่วนยางรถนั้นจะต้องถูกนำออกและห้ามใส่คืนไม่ว่ากรณีใดก็ตามประตูจะต้องถูกล็อคตลอดเวลาและหน้าต่างจะต้องถูกปิดตลอดเวลา กรณีทั้งหมดจะถูกยกเว้นเมื่อมีการทดลองกับวัตถุ ซึ่งการทดลองนั้นจะต้องถูกทำภายในโรงรถของสถาบันเท่านั้น

การเข้าถึงวัตถุนั้นจะถูกจำกัดสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับ 4 เท่านั้น และ D-คลาสที่ที่ได้รับอนุมัติในการทดลองเท่านั้น และห้ามบุคคลากรของสถาบันเข้าสัมผัสกับที่นั่งคนขับในขณะที่ไม่มีผู้อื่นอยู่ในที่นั่งผู้โดยสาร หากบุคลากรผู้ใดสัมผัสกับที่นั่งคนขับแล้วนั้น จะถูกขึ้นสถานะเป็น SCP-1061-1 และจะถูกกักกันเพื่อใช้เป็นตัวอย่างสำหรับทดลองกับวัตถุดังกล่าว การกระทำใดๆที่เป็นการเก็บกวาดซากชีวภาพหลังจากการทดลองนั้น จะต้องใช้หุ่นยนต์เท่านั้น

รายละเอียด: SCP-1061 คือรถยี่ห้อ พอนแทค รุ่นแกรม แอมป์ สำดำแดง ปี 1992 โดยมีร่องรอยของความเสียหายอย่างหนัก ยกตัวอย่างเช่นรูขนาดใหญ่ที่อยู่บนกระจกหน้าและตรงกับตำแหน่งของที่นั่งคนขับอย่างพอดิบพอดี ความผิดปกติของวัตถุนั้นมีทั้งสิ้นสามสิ่งโดยความผิดปกตินั้นคาดว่ามีความเชื่อมโยงกันและถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งที่มีความผิดปกติเดียวกัน

ความผิดปกติแรกคือ SCP-1061 นั้นสามารถสร้างภาพลวงตาได้ในปริมาณที่สูง ยกตัวอย่างเช่นความความเสียหายของรถนั้นจะสามารถมองเห็นได้แค่เฉพาะด้านนอกเท่านั้นทั้งด้านในและด้านนอก เมื่อเปิดประตูรถออกนั้น ความเสียหายภายในนั้นจะไม่พบเห็นแต่อย่างใด แต่จะมองเห็นสภาพภายในของรถที่อยู่ในสภาพดีและยังคงเป็นรูปร่างเสมือนเดิมก่อนจะเกิดอุบัติเหตุและความผิดปกตินี้สามารถมองเห็นผ่านอุปกรณ์บันทึกภาพอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน เมื่อมองกระจกรถ หากปิดกระจกรถและมองสภาพแวดล้อมภายนอกกระจกรถ มนุษย์ผู้นั้นจะไม่สามารถมองเห็นสภาพภายนอกสถานที่ที่รถตั้งอยู่ได้ แต่จะเห็นเป็นสภาพของเมือง [ข้อมูลถูกลบ] และสภพโดยรอบในวันที่ ██/██/1996 (สามารถยืนยันจากการเทียบบันทึกสภาพอากาศและการมองเห็นอย่างคร่าวๆและการตรวจสอบหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มองเห็นผ่านกระจก) ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่ SCP-1016 เกิดอุบัติเหตุ และรูบริเวณกระจกหน้ารถนั้น เมื่อมองจากในรถจะไม่เห็นสภาพแวดล้อมของสถานที่ที่รถตั้งในปัจจุบันหรือสภาพแวดล้อมของเมือง [ข้อมูลถูกลบ] ดังกล่าว แต่จะเห็นเป็น [ข้อมูลถูกลบ]

หากเก้าอี้ที่นั่งคนขับนั้นไม่มีมนุษย์อยู่ภายในที่นั่ง มนุษย์ที่นั่งลงบนที่นั่งอื่นนั้นจะมองเห็นภายนอกหน้าต่างเป็นบรรยากาศโดยรอบของเมืองดังกล่าวโดยร่องรอยของความเสียหายนั้นจะไม่ปรากฎภายในสายตาของมนุษย์เหล่านั้น แต่จะสามารถมองเห็นได้ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเครื่องบันทึกภาพ ซึ่งความผิดปกตินี้จะไม่สามารถมองเห็นได้หากไม่มีมนุษย์นั่งลงบนที่นั่งผู้โดยสารของ SCP-1016 ซึ่งบรรยากาศโดยรอบนั้นจะมีการ “ปรับ” ให้เข้ากับเวลาที่มนุษย์ผู้นั้นเข้าไปยัง SCP-1016 เสมอจากการสังเกตนาฬิกาในสภาพแวดล้อมลวงตา หากมีมนุษย์เข้ามายัง SCP-1061 เวลาภายนอกนั้นจะไม่ปรับเปลี่ยนไปตามผู้สังเกตการณ์คนที่สองหรือสาม แต่จะยึดเวลาของผู้ที่เข้ามาคนแรกเสมอ โดยเวลาในวันดังกล่าวนั้นจะทำการ “รีเซต” ณ เวลา 18:04 เสมอ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่วัตถุเกิดอุบัติเหตุ และเวลาดังกล่าวจะย้อนกับไปเป็นเวลา 10:27 เสมอ (ซึ่งสามารถยืนยันได้จากการเปรียบเทียบความลาดเอียงของเงา,ตำแหน่งของดวงอาทิตย์และพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของผู้คนในละแวกดังกล่าว) ในเวลานี้ผู้สังเกตการณ์ได้ระบุว่าพบหญิงผมสีบลอนด์เดินไปจากวัตถุ

ความผิดปกติลำดับที่สองจะเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์—นั่งลง— สัมผัสที่นั่งฝั่งคนขับของ SCP-1061 มนุษย์ผู้นั้นจะเปลี่ยนเป็น SCP-1061-1 ทันทีโดยผู้ที่นั่งในที่นั่งคนขับนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการสังเกตการณ์นั้นพบว่า SCP-1061-1 นั้นมีความทรงจำที่ถูก “แทนที่” ด้วยความทรงจำของ [ข้อมูลถูกลบ] ซึ่งเป็นผู้ที่จดทะเบียนเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวก่อนที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งคาดว่าเป็นหญิงที่ผู้ทดลองนั้นสังเกตเห็นในช่วงเวลา 10:27 ความทรงจำของ SCP-1061-1 นั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงคืนอย่างเดิมไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม แม้กระทั้งนำ SCP-1061- 1 ออกจากวัตถุแล้วก็ตา และมักจะเชื่อว่าตนนั้นยังอยู่ในละแวกบ้านของตนหรือสถานที่ที่พบเห็นในวัตถุ

เมื่อนำ SCP-1061-1 กลับไปในรถ หรือไม่นำตัวอย่างออกจากวัตถุ SCP-1061-1 จะแสดงการ “ขับ” รถออกไปในละแวกต่างๆที่อยู่ในเมืองดังกล่าวแต่ตัวรถภายนอกนั้นไม่มีการเคลื่อนที่ใดๆ (SCP-1061-1 จะสอดกุญแจที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ในช่องเสียบกุญแจ แต่ถ้าหาไม่มี SCP-1061 จะทำท่าเสียบกุญแจแทน) และจะแสดงกับมนุษย์ที่อยู่ในรถก่อนหน้านี้เป็น “เพื่อน” หรือ “คนรู้จัก” ของเจ้าของเดิมที่เสียชีวิตในรถ และมักจะถามคำถามต่างๆที่เป็นเรื่องส่วนตัว SCP-1061-1 นั้นสามารถโน้มน้าวให้ออกจาก SCP-1061 เพื่อเปลี่ยนตัวผู้สำรวจภายในรถและจะเข้าใจว่าเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักคนใหม่เข้ามาเพื่ออาศัยรถไปในที่ต่างๆ สภาพแวดล้อมภายนอกนั้นจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามตำแหน่งที่ SCP-1061-1 ขับไปมา และจะหยุดเพื่อทำธุระภายนอกรถโดยประมาณ 5 ครั้งถึง 11 ครั้ง ในช่วงเวลาที่หยุดรถนั้น SCP-1061-1 จะบอกถึงจุดประสงค์ว่าต้องการจะลงไปทำสิ่งใดเสมอ และในช่วงเวลานั้น SCP-1061-1 จะไม่ลงจากรถ แต่จะเข้าสู่สภาวะอัมภาตทั้งตัว วัตถุจะนั่งลงบนเบาะคนขับตามปกติแต่ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ซึ่งช่วงเวลานี้จะใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีถึง 11 นาที (เมื่อกลับเข้ามาในรถ SCP-1061-1 จะขออภัยผู้ที่นั่งในรถหากเป็นเวลานานและอ้างว่า “คิวยาว”)

หลังจาก SCP-1061-1 ขับไปได้เป็นเวลา 36 นาทีแต่ไม่เกิน 70 นาที โดยช่วงเวลาแบบสุ่ม SCP-1061 จะขับผ่านบริษัท [ข้อมูลถูกลบ] ซึ่งในอดีตนั้นมีจุดประสงค์เป็นห้องทดลองและขับเข้าชนแบบประสานงากับรถส่งของ ผู้สังเกตการณ์ที่อยู่ในที่นั่งอื่นๆนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ นอกจาก SCP-1061-1 เท่านั้น (ซึ่งไม่คาดเข็มขัดนิรภัย) จะถูกผลักออกไปนอกรถทะลุผ่านกระจกหน้า ซึ่งเป็นตามปกติเมื่อเกิดอุบัติเหตุทีมีการพุ่งชนอย่างรุนแรง

ซึ่งในขณะนี้ ความผิดปกติที่ 3 จะเกิดขึ้น จากการสำรวจกล้องความเร็วสูงนั้น พบว่ระยะเวลาประมาณ 2 มิลลิวินาทีหลังจากที่หัวของ SCP-1061-1 กระทบกับกระจกหน้ารถนั้นเกิด [ข้อมูลถูกลบ] และส่งผลให้หัวของ SCP-1061-1 นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย และส่วนที่เหลือนั้นถูกผลักออกไปนอกรถตามปกติ และหลังจากนั้น SCP-1061-1 นั้นไม่ถือว่ามีความผิดปกติอีกต่อไป

หลังจากการชนนั้น ผู้สังเกตการณ์ได้ระบุว่าเกิด [ข้อมูลถูกลบ] และได้ระบุว่าพบกับความผิดปกติที่ไม่ทราบที่มาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งตัวอย่างต่อไปนี้จะเรียกว่า SCP-1061-2 [บันทึก : ข้อมูลที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว,แรงจูงใจและรายละเอียดต่างๆของ SCP-1061-2 นั้นไม่มีความแน่นอนเนื่องจากเกิดความต่างกันอย่างสิ้นเชิงในการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของสถาบัน สถาบันนั้นจะใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลจากบทสัมภาษณ์เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด]

บันทึกสัมภาษณฺ์

ดร.███████: แล้ว.. จริงๆมันทำเพื่ออะไรนะ?

D-1061-14: มันเป็นงี้ ดอกเตอร์ คือ มันไม่รู้ว่าเราอยู่ที่นี่ มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามิติที่เราอยู่อะ มันมีอยู่จริง ตั้งแต่ก่อนอุบัติเหตุครั้งนั้นอะ เข้าใจมั้ย?

ดร.███████: อ่า.. ต่อเลย

D-1061-14: และมันต้องการจะให้ “รถชน” อีกครั้ง เพราะ.. เรียกไงดี มันชอบ”หัวมนุษย์” อะครับ

ดร.███████: ทำไมถึงชอบละ ? กินหรือ?

D-1061-14: ไม่รู้สิครับ ผมไม่รู้จะเรียกยังไงดี ศัพท์เทคนิกที่พวกคุณใช้กันหน่ะ มัน ยังไงดี มันต้องการจะให้เกิดรถชนกันหลายๆรอบเพื่อมันจะได้เก็บหัวมนุษย์อีก แต่มันไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เกิดรถชนอีกครั้ง เอ่ม โอเค พวกคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์ใช่มะ ถ้างั้นคุณคงได้เรียนวิทย์ตอนม. 5 ถูกมั้ย?

ดร.███████: คิดซะว่าพวกเราเคยกันหมดละกัน ต่อเลย

D-1061-14: คือเรียกไงดี แบบเวลาคุณจะทำการทดลองอะไรบางอย่างอะ แต่คุณต้องการทำการทดลองหลายๆอย่าง ในหลายๆแบบเพื่อหาว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นอะ

ดร.███████: อืม.. อ้อ! หมายถึงตัวแปรควบคุมใช่มั้ย?

D-1061-14: ใช่ๆๆ! ไอ [คำหยาบ] นั่นละ คือพวกเนี่ย ไอ[คำหยาบ]แม่เนี่ย มันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้เกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง มันเลยตั้งตัวแปรควบคุมไว้ ซึ่งมันได้ทั้งหมด มันได้ข้อมูลและรู้ว่ารถเป็นยังไง มันรู้ว่าความคิดความอ่านของเจ้าของรถเดิมเป็นยังไง และมันจัดการทำให้เกิดขึ้นอีกครั้งและซ้ำไปซำมาเรื่อยๆ ด้วยการที่ ใครมาแตะหรือนั่งลงบนเบาะคนชับ ก็ ตู้ม คนพวกนั้นโดนล้างสมองเป็นเจ้าของเดิมก่อนจะโดนชนและก็จำลองให้เกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง

ดร.███████: ขอบคุณมากนะ นี้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่สุดที่เราได้มา ถามหน่อย คุณไปรู้ข้อมูลพวกนี้ได้ยังไง?

D-1061-14: ผมเป็นผู้โดยสารที่นั่งข้างคนขับครับ ทุกคนที่นั่งตรงนั้นรู้เหมือนกันหมด

ดร.███████: อา โอเค ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะ แต่ก่อนไป ถามอีกอย่างนึง ทำไมมันถึงใช้วิธีที่ยุ่งยากอะไรขนาดนี้ด้วย ถ้ามันมีความสามารถในการบิดเบือนได้ขนาดนี้ ทำไมมันไม่หาวิธีที่มันง่ายกว่านี้และมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ละ?

D-1061-14: คุยแค่ผมกับคุณเท่านั้นนะ ด็อก ผมคิดว่าพวกมันไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่ มันกลัวว่าถ้ามันเปลี่ยนวิธีมากไป มันจะทำให้วิธีเดิมของมันไม่ได้ผลอีกต่อไป

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License