เก็บเกี่ยวสิ่งที่คุณเย็บปักไว้

​คุณหมีตื่นขึ้นในช่วงเย็นของวันที่ 19 เดือนกรกฎาคม 1937 ก่อนจะตกตะลึงกับความจริงที่เขาทำมัน ตราบเท่าที่เขารู้ ของเล่นปกติมักไม่มีชีวิตและมีสติสัมปชัญญะที่ใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวให้คุ้นชิน เขายังคงนั่งท่ามกลางพี่น้องไร้ชีวิตของเขา แล้วครุ่นคิดถึงเป้าหมายของเขาบนโลกใบนี้ เหตุผลที่เขามีตัวตนขึ้นมา

เป็นเรื่องยากมากที่จะมานั่งคำนึงถึงความหมายของชีวิตขณะที่ทุกคนรอบตัวกำลังร้องไห้ ไม่ใช่ตุ๊กตายัดนุ่นตัวอื่น (พวกเขาแทบไม่ได้ทำอะไรมากนักหรอก อันที่จริง…แค่นอนอยู่เฉยๆ) แต่เป็นคน คนตัวน้อยหลายคนนอนในเตียงของพวกเขาเองกับคนตัวใหญ่หลายคนในชุดคล้ายคลึงกันคอยเข้ามาหมุนเวียนและดูแล สองคนในหมู่คนตัวใหญ่ ที่ชื่อว่า เซอร์ กับ ดอกเตอร์ ยืนอยู่ห่างไปไม่มีก้าวจากคนที่น่าจะตัวเล็กที่สุดในห้อง ร่างจิ๋วผิวชมพูยังคงงีบหลับในห้องหน้าต่างห้องเล็ก

เซอร์มีคำถามมากมายให้กับดอกเตอร์ และดูเหมือนดอกเตอร์ลังเลที่จะตอบคำถามเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมา จากสิ่งที่คุณหมีพอรวบรวมได้ คนสีชมพูไม่สมควรที่จะเกิดมาตอนนี้ และดอกเตอร์คนนั้นกับ (คอลลี่? เขาฟังถูกรึเปล่านะ?) ทำเท่าที่พวกเขาจะทำได้ แต่มัน'เกินกำลังพวกเขา'

ดอกเตอร์ใช้คำศัพท์ยากๆ สองสามคำมาอธิบายปัญหาสุขภาพที่คนตัวชมพูกำลังเผชิญอยู่ แล้วเริ่มพูดถึงความผิดปกติและโอกาสรอด เซอร์ร้องไห้ดังลั่นยิ่งกว่าเสียงคนตัวเล็กรวมกันซะอีก

คุณหมีรู้สึกแย่ต่อเซอร์ เขาอยากกอดเซอร์มากจริงๆ เพราะมันดูเหมือนสิ่งที่ควรทำ แต่เขาคิดว่าความเครียดจากการเห็นของเล่นเคลื่อนไหวได้คงไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก ดังนั้นเขาจึงอยู่นิ่งๆ ดอกเตอร์พาเซอร์ออกจากห้องสักพักเพื่อตั้งสติตัวเอง (คุณหมีคิดว่ามันค่อนข้างงี่เง่าที่เซอร์จะมาแต่งเพลงในเวลาแบบนี้ แต่เขาไม่ได้พูดออกไป)

เซอร์กลับเข้ามาหลังจากนั้นไม่นานกับฮันนี่ เธอดูไม่สบายใจไม่ต่างจากเซอร์ก่อนหน้านี้ พวกเขานั่งลงและมองพิงกี้อยู่สักพัก คุณหมีเลยได้รู้ว่าชื่อจริงของพิงกี้คือ ไมเคิล

คุณหมีเหลือบสายตามองลงมาแล้วพบเข้ากับป้ายติดบนอุ้งเท้าเขามีชื่อ 'ไมเคิล' เขียนไว้ เขาคิดว่านี่คงเป็นเป้าหมายของเขา เพื่อช่วยไมเคิลตัวน้อยทุกวิถีทางที่ทำได้ ถ้าตุ๊กตาหมีมันสามารถทำได้ขนาดนั้นจริงๆ 

คืนนั้น คุณหมีลุกออกจากที่ ไต่ขึ้นตามขาตู้ของไมเคิล แล้วมองผ่านกระจกใส ทันใดนั้นเขาเกิดความเข้าใจบางอย่างกับสัมผัสได้ถึงความไม่สมบูรณ์ของระบบร่างกายเด็กทารกที่ไม่พัฒนาเต็มที่ หัวใจของเขาเต้นผิดปกติ สมองของเขาได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ กระดูกของเขาเปราะบาง และปอดของเขาแทบจะไม่ทำงานแล้ว คุณหมีตื่นตกใจกลัว ไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ไม่ล้มเหลว!

เขาต้องรีบทำ ทว่ากลับไม่มั่นใจว่าต้องทำอะไร จนกระทั่งเขาสำรอกเอากรรไกรอันเล็กๆ กับเส้นด้ายออกมา มันอาจเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับบางคน แต่เดี๋ยวก่อน คุณหมีเป็นตุ๊กตายัดนุ่นแสนชาญฉลาด มันเลยดูไม่แปลกมากสำหรับเขา เขาปล่อยตัวให้ทำตามสัญชาตญาณ

เขาทำงานอยู่ใต้โต๊ะ นางพยาบาลและบางคนที่แต่งชุดคล้ายคลึงกันเดินเข้ามาแล้วจากไป เขาเลยต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็น ในขณะที่เขาทำของชิ้นเล็กซึ่งจำเป็นสำหรับเด็กน้อย คุณยีราฟเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บตัวแรก ตามด้วยคุณสิงโตและคุณเสือ (พวกเขาไม่ว่ากับการเสียสละครั้งนี้เท่าไหร่) ทีละเล็กทีละน้อยเขาสร้างอวัยวะทดแทนจากผ้ากำมะหยี่ของเหล่าสหาย เมื่อเสร็จแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำคือตั้งสมาธิและมันจะโผล่ในตัวผู้ป่วยเอง

งานของเขาเสร็จเรียบร้อย คุณหมีรีบกลับไปยังที่ของตัวเอง (มันรู้สึกเหงาลงกว่าแต่ก่อน) จากนั้นจึงแกล้งตาย

คุณหมีมองอย่างหวาดกลัวยังบ้านที่ไม่ต่างจากนรก เขานอนอยู่ข้างนอกบนหญ้าชื้นแฉะ (ไมเคิลทิ้งเขาไปหาลูกบอลสีแดงเรืองแสงเมื่อวันก่อน และไม่สนใจจะกลับมาหาเขา) ตั้งแต่มันเริ่มขึ้น และสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือมองเปลวไฟกลืนกินบ้านทั้งหลังเข้าไป

เขาสงสัยว่าตอนนี้พวกเขาจะทำอย่างไร? พวกเขาจะอาศัยกันอยู่ที่ไหน? เขาและไมเคิลกลายเป็นเพื่อนสนิท (ถึงไมเคิลจะถูกขัดจังหวะเมื่อผู้ใหญ่เข้ามาดูแล้วคุณหมีจะทำตัวเป็นตุ๊กตาหมีธรรมดา) สองปีที่ผ่านมาเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าข้างนอกนั่นจะมีที่ไหนอีกให้เขาเรียกว่าบ้าน ความคิดนี้พังทลายด้วยเสียงกรีดร้องจากในบ้าน ไมเคิลอยู่ข้างในนั้น

เขารีบออกตัวไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ขาม่อต้อของเขาจะไหว เขาเดินดุกดิกเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดไว้ก่อนทะลุมายังห้องครัว กลุ่มควันปิดบังการมองเห็นของเขา และเปลวเพลิงจอมตะกละตะกลามทำการเดินข้ามบ้านที่กำลังพังทลายลงมาให้เป็นเรื่องแทบเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ข้ามมาได้สำเร็จ เขาตามเสียงร้องของไมเคิล เดินผ่านชั้นล่างเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ไม่ต่างจากเตาเผา เขาสามารถสร้างของชิ้นเล็กๆ ที่ขั้นบันไดล่างสุดโดยแทบไม่ต้องขยับตัว

เขารีบรุดไปข้างหน้า คุกเข่าลงข้างเด็กชาย ไมเคิลถูกไฟคลอกตั้งแต่หัวจรดเท้า เส้นผมหลุดร่วง และเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ก็หลอมรวมเข้ากับผิวหนัง คุณหมีมองรอบๆ อย่างตื่นตระหนก หาสิ่งที่เขาพอเอามาใช้ซ่อมได้ อะไรก็ได้ แต่ทุกอย่างนั้นถูกเผาไหม้ในกองเพลิง

คุณหมีเสียขวัญ ไม่มีทางที่เขาจะให้การช่วยเหลือตรงนี้ได้ พวกเขาต้องออกไป เขาพยายามแล้วพยายามอีกที่จะลากเด็กน้อยออกไปอย่างปลอดภัย ทว่าเขาแทบจะยกแขนของเด็กชายไม่ขึ้น แค่ข้างเดียวก็หนักเท่ากับตัวเขาทั้งตัวแล้ว เขานั่งลงแล้วร้องไห้จากนั้นจึงโอบกอดเด็กน้อย พื้นสั่นสะเทือน เพดานพังลง พวกเขาจมดิ่งสู่พื้นพสุธาโลกด้วยกัน

นานหลังจากที่ไฟดับลง นานหลังจากที่ปุยขนนกสีดำสนิทหนาค่อยๆ บางลงแล้วจางหาย นานหลังจากที่พวกคนเอาแต่ดูทว่ากลับไม่ช่วยอะไรได้รับความตื่นเต้นจนเต็มอิ่ม โทมัสและเอมิเลีย ฟาร์ริส นั่งรออยู่บริเวณริมที่ดินของพวกเขา เช่นเดียวกับนักดับเพลิงและคนทำงานด้านก่อสร้าง พวกเขาทำงานกันเป็นกะ คนหนึ่งจะไปพักในโรงแรมขณะที่อีกคนหนึ่งจะคอยตื่นตัวอยู่เสมอ ความหวังว่าพวกเขาจะพบกับลูกที่หายไปเมื่อหลายวันก่อนอีกครั้ง (จินตนาการที่พวกเขาเพ้อฝันไว้ก่อนสิ่งก่อสร้างจะพังลงมา) สิ่งที่พวกเขาเหลือให้ทำตอนนี้จึงมีเพียงรออะไรก็ตามที่เหลืออยู่ พวกเขาจะได้นำไปฝัง

ช่วงขณะนั้นพวกเขาทั้งคู่อยู่กันพร้อมหน้า เศษซากเกือบทั้งหมดถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว พวกเขาคาดว่าคงพบภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

"คุณและคุณนายเฟอร์ริส?"

ไคล์ มิทเชลล์ เด็กหนุ่มท้องถิ่นและนักดับเพลิงฝึกหัดคนที่คอยช่วยเหลือเก็บกวาดเดินเข้ามาใกล้ เขาอาจเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวที่สุดในศูนย์ ทำงานร่วมกับคนอื่นอย่างขันแข็งตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก และอยู่ต่อจนดึกเพียงคนเดียวเพื่อตามหาลูกของพวกเขา

"ใช่? นี่เธอ.." เอมิเลียมองอย่างมีความหวัง "ตามหาเขาเจอแล้วใช่ไหม?"

เด็กหนุ่มส่ายศีรษะ "พวกเราจะหาต่อไปครับ อันที่จริงแล้วไม่มีอะไรเหลือให้หาต่อเลย ผมแค่… พวกเราเจอสิ่งนี้ครับ"

เขายื่นตุ๊กตาหมีตัวเล็กสีน้ำตาลอันเดียวกับที่โทมัสมอบให้แก่ลูกชายของเขาตั้งแต่เกิด ของชื้นนี้สกปรกมอมแมม เปื้อนด้วยดิน เถ้าถ่าน และตัวเปียกโชก

"ผมขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆ ผมไม่ได้คาดหวังให้นี่เป็นของปลอบใจ" เขาพูดอย่างระมัดระวังราวกับทุกถ้อยคำแบกรับน้ำหนักของโลกทั้งใบไว้ "แต่ผมหวังว่ามันจะพอช่วยได้บ้าง"

พวกเขารับมันจากไคล์ ถึงแม้จะมีกลิ่นเหม็นและสกปรกอยู่บ้าง พวกเขายังคงโอบกอดชิ้นส่วนสุดท้ายของลูกชายไว้ใกล้ๆ ถ้าโทมัสไม่ได้คิดไปเองเขาสาบานได้เลยว่าหมีตัวนี้กำลังกอดพวกเขากลับ พวกเขาพยักหน้าขอบคุณเงียบๆ ทั้งคู่ต่างกลัวว่าความโศกเศร้าของพวกเขาจะทำให้คำขอบคุณแปดเปื้อน หลังจากนั้นไคล์จึงเดินกลับไปทำงานของเขาต่อ

ไคล์ มิทเชลล์ ก้าวออกจากจุดเกิดเหตุในคืนนั้น ในขณะเดียวกันกับที่รถบรรทุกคันสุดท้ายขนสิ่งของที่เหลือในบ้านของเฟอร์ริสออกไป พร้อมซุกกระจุกบางอย่างใส่ไว้ในกระเป๋าของเขาอย่างเงียบเชียบ

แปลกประหลาดและไม่คุ้นชินอย่างที่ชีวิตเป็น คุณหมีรู้สับสนหนักกับประสบการณ์ไม่มีชีวิตที่เขากำลังเผชิญอยู่ ชิ้นส่วนสุดท้ายของเขา เศษปุยนุ่นล่องลอยตามอากาศ เขายังมีตัวตน (ถ้ามันเรียกแบบนั้นได้จริงๆ) ในสภาพนี้มาเป็นชาติแล้ว ไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินหรือขยับหรือแสดงท่าทางใดๆ

ความรู้สึกแปลกเกิดขึ้น ที่มันแปลกเพราะเขาไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกถึงอะไรอีกครั้งนึง มันเริ่มด้วยความรู้สึกด้านชาก่อนจะรู้สึกตัวเต็มที่ เขารู้สึกได้ถึงตัวเองภายในร่างกายของตน—- หรืออย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาคิดในตอนแรก เขาแกว่งแขนเล็กน้อย ตระหนักถึงสัดส่วนที่ผิดเพี้ยนไป (เขาจำไม่ได้ว่าสูงขนาดนี้) และผมหยักศกของเขาเองก็หายไปเช่นกัน

เมื่อสัมผัสที่เหลือกลับมา เขาพบตัวเองกำลังเผชิญกับภาพสะท้อนบนกระจกที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องครัวของอพาร์ตเมนต์เล็กๆ เขาถูกประกอบด้วยผ้ามีสีสันลวดลายต่างๆ ไม่เหมือนร่างเก่าเขาที่มีเพียงสีน้ำตาลน่าเบื่อ ตะเข็บถูกเย็บไว้ทั่วยึดติดทั้งหมดเข้าด้วยกัน จมูกพลาสติกมันวาวของเขาหายไป ชุดที่เขาสวมตอนนี้ถูกปักลงบนผ้าพร้อมกับรอยยิ้มใหม่เอี่ยม (ไม่เคยมีมาก่อนเลย เจ๋ง!) และดวงตาสองคู่ หัวใจถูกต้องตามหลักกายวิภาคกลัดไว้ที่หน้าอกของเขา

"คุณรู้สึกเป็นไงบ้าง?"

คุณหมีคงจะตกใจกับเสียงนั้น ถ้าหากมันไม่นุ่มนวลและอ่อนโยนพร้อมแต่งแต้มด้วยความห่วงใยจากใจจริง คนตัวใหญ่ยืนอยู่สูงชึ้นเหนือไหล่ของเขา เห็นใบหน้าที่ไม่รู้จักและดวงตาแฝงความเมตตา สร้างความประทับใจแก่คุณหมีราวกับว่าเขานั้นเป็นเพื่อนเก่าที่คุณหมีได้ลืมเลือนไป

"มันไม่สมบูรณ์แบบ และผมไม่มั่นใจว่าคุณจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งจริงๆ แต่ผมทำดีที่สุดแล้ว"

คุณหมีไม่สามารถกล่าวคำขอบคุณได้เนื่องจากปากซึ่งขยับไม่ได้ เพราะอย่างงั้นเขาจึงหันกลับไปกอดเพื่อนใหม่ที่พึ่งพบเจอ

"ฮ่า! ดีใจที่คุณชอบนะ"

ชายหนุ่มผละจากอ้อมกอดแล้วคุกเข่าลงหากล่องของขวัญว่างเปล่าขนาดเล็ก แล้วเอาขึ้นมาจากพื้น ภายนอกเปล่งประกายเงาวับจากงานผ้าเย็บปะติดปะต่อกัน ลวดลายเข้ากันกับร่างใหม่ของคุณหมี เขาวางลงบนโต๊ะ จากนั้นหยิบกระดาษโน้ตเล็กๆ ออกมา และเริ่มจดอะไรบางอย่าง

"ทุกสิ่งที่คุณเคยทำ ทุกอย่างที่คุณทำได้ จะเสียมันไปไม่ได้ ยังมีคนอีกมากมายข้างนอกนั่นที่ต้องการตัวคุณ" เขาเขียนข้อความเสร็จแล้วหันกระดาษให้คุณหมีเห็น บนกระดาษมีลายมือคัดบรรจงตัวสีน้ำเงินเขียนเอาไว้

สวัสดี! ฉันชื่อไครอส!

คุณหมีมองชื่อพลางเอียงศีรษะ มองมันสลับไปมากับผู้มีพระคุณของเขา

"มันเป็นภาษากรีกโบราณ ความหมายคร่าวๆ คือ 'ช่วงเวลาที่ใช่หรือโอกาสที่เหมาะสม ผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณนะ" เขาตอบด้วยรอยยิ้มสุภาพ "เช่นเดียวกันกับสิ่งที่คุณเคยทำ คุณจะได้หาช่วงเวลาที่เหมาะสมและสมบูรณ์แบบพอจะเข้าไปและอยู่ที่นั่นเพื่อใครบางคน ที่ที่ไม่มีใครสามารถทำได้"

ไครอสพยักหน้าอย่างมีความสุข ปรบมือด้วยแขนหมีอ้วนๆ ของเขาอย่างตื่นเต้น คนใจดีลึกลับอุ้มเขาขึ้น วางเขาลงในกล่องอย่างรักใคร่ และซุกโน้ตไว้ข้างตัวเขา ชายหนุ่มโบกมือลาเจ้าหมีแล้วเอื้อมมือหาฝากล่อง

สิ่งสุดท้ายที่ไครอสเห็นก่อนฝาจะปิดลงและถูกส่งไปยังที่ที่ไม่รู้จัก คือรอยยิ้มอ่อนหวาน และดวงตาคู่หนึ่งที่แฝงความอ่อนโยนไว้

ไมเคิลนั่งอยู่บนโต๊ะตรวจ วาดภาพครอบครัวที่บ้านเก่าพร้อมเตะขาหมีไปมา หลังจากลงสีให้คุณหมีเสร็จแล้ว เขาโยนดินสอสีลงกับพื้นก่อนลุกขึ้นเพื่อโชว์ให้นักวิจัยดู

เขาพยายามชี้ไปที่ตัวเอง ร่างกายมนุษย์ของเขา แต่เขาไม่สามารถระบุได้ดีเนื่องจากไม่มีนิ้ว ทุกคนยิ้มและพยักหน้าหรือหัวเราะคิกคักก่อนส่งเขาไปตามทาง ไมเคิลส่งเสียงฮึดฮัดเงียบๆ ขณะเดินผ่านทางเดินห้องโถงของไซต์-27  ไม่มีใครสักคนที่เข้าใจเขา แบบเข้าใจเขาจริงๆ เหมือนกับที่คุณหมีเป็น ถ้าคุณหมีอยู่ที่นี่ล่ะก็ เขาคงรู้ว่าควรทำอะไร…

ไมเคิลหยุดกลางคัน ทำไมเขาถึงไม่คิดมาก่อนกันนะ? ถ้าเขาต้องการคุณหมีตัวใหม่ เขาก็แค่สร้างขึ้นมาอีกตัว!

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License