เรื่องเล่าของนายโอเวอร์ "เธอมาที่นี่"
rating: +21+x

ณ ห้องอาหารที่ไซต์แห่งหนึ่ง

"เฮ้โอเวอร์ วันนี้มีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังอีกล่ะ 173 เต้นเบรคแดนซ์ หรือ 682 เล่นอูคูเลเล่ล่ะ"

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งทักขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะอีก 3 คน เจ้าหน้าที่ระดับ 3 โอลิเวอร์ผู้ถูกเรียกนั้นหันมาด้วยหน้าตาที่หมองคล้ำพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ เขามักจะถูกเรียกว่า "โอเวอร์" ที่มาจาก "โอเวอร์แอคติ้ง" เป็นเพราะบางครั้งเขาจะเล่าเรื่องที่ฟังดูเหลือเชื่อจนเกินจริง เขาเคยเล่าเรื่องรถ 2 คันเฉี่ยวกันจนบุบเล็กน้อยและทำให้รถติดแค่ไม่กี่นาที แต่สิ่งที่คนฟังนึกภาพตามคือรถทั้งทางด่วนชนกันวินาศสันตะโรหรือเรื่องที่เขาเคยเล่นพิเรนทร์กับหม้อแปลงไฟจนทำให้ไฟตกทั้งคอนโด แต่สิ่งที่คนฟังนึกภาพตามคือโรงไฟฟ้าระเบิดครั้งใหญ่ไฟดับทั้งเมือง ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ SCP เขาก็จะเล่าว่าบางตัวน่ากลัวมากๆ หลอนสุดๆ หรือทำอะไรก็ได้จนเราป้องกันไม่ได้ ทำให้มีคนที่ฟังแล้วเก็บไปคิดมากจนหลอนไปเอง แต่ส่วนใหญ่คนจะหัวเราะว่ามันจะไปมีตัวแบบนั้นอยู่ได้ยังไง (แต่ภายหลังก็มีการพบ SCP แบบนั้นอยู่จริงๆ)

ถึงแม้เขาจะไม่ได้เจตนาที่จะเล่าเรื่องที่ฟังดูเวอร์เกินจริง แต่พอเขาได้พูดแล้ว บางทีเขาก็จะติดลมจนควบคุมไม่ได้ซึ่งเขาเองก็ไม่ชอบที่มันทำให้เขาได้ชื่อเล่นว่าโอเวอร์มาเหมือนกัน

"เฮ้! ได้ข่าวว่านายไปพักร้อนไม่ใช่รึ! แล้วทำไมโทรมจังวะ! โดนจัดหนักรึไง?" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในกลุ่มทักขึ้น

"เฮ้ยๆ ไม่ใช่ๆ ได้ยินว่านายได้ไปตามก้นใครมาไม่ใช่หรือ ทำไมไม่มาเล่าให้ฟังหน่อยละ!" เดวิดคนที่นั่งติดกับคนที่ทักโอลิเวอร์คนแรกพูดขึ้น

โอลิเวอร์มีท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับเดวิด

"โทษทีว่ะชั้นไม่อยากพูดถึงมัน"

"ทำไมวะ เขาจับนายไปนั่งคุยกับ 682 หรือ 735 มารึไง" เดวิดพร้อมกับเพื่อนหัวเราะอย่างไม่เกรงใจคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ

โอลิเวอร์ลิเวอร์มีท่าหงุดหงิดก่อนจะเดินไปซื้อเบียร์ แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะของเดวิดกับเพื่อน

"ก็ได้! แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่า เรื่องที่ชั้นจะเล่าให้ฟังนี้ ถ้ามันมีตอนไหนที่มันแปลก หรือว่าเหลือเชื่อสุดๆละก็ นั้นน่ะเป็นเรื่องจริงแน่นอน!" โอลิเวอร์ย้ำกับเดวิด

"ฮาๆๆ! นายก็พูดอย่างนี้ทุกครั้งก่อนจะเล่าเรื่องล่ะน่า! เอาเหอะลองเล่ามาสิ" เดวิดกับเพื่อนๆให้ความสนใจที่โอลิเวอร์โดยหวังว่าจะได้ฟังเรื่องที่ดูโม้จนขำกลิ้งจากปากของนายโอเวอร์คนนี้เหมือนครั้งก่อนๆ

"เอาล่ะ 2 อาทิตย์ก่อนชั้นกำลังขึ้นเครื่องไปพักร้อนที่ไมอามี่ จู่ๆก็มีโทรศัพท์ที่ไม่แสดงเบอร์เหมือนมาจากหนังสายลับอะไรแบบนั้นโทรเข้ามา พอรับสายกลายเป็นว่าคนที่โทรมาเป็น O5 ซะงั้น เขาบอกว่ามีงานให้ทำ รีบไปที่ศูนย์ภายในวันนั้นเลย"

"โห ระดับ O5 โทรหานายเนี้ยนะ เขาจะให้นายไปกู้โลกรึไงวะ?" เดวิดกับเพื่อนๆหัวเราะเสียงดังก่อนที่จะบอกให้เล่าต่อ

"เปล่าว่ะ…" โอลิเวอร์ดื่มเบียร์ที่ซื้อมาก่อนจะเล่าต่อ

"ชั้นถามว่ามีเรื่องอะไร เขาไม่ตอบแล้วก็ย้ำว่าอย่าเพิ่งถามให้รีบไปด่วน จะมีคนไปรับ ตามเขาไปขึ้นเครื่องที่ส่งไปรับเลย"

เดวิดกับเพื่อนๆนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับอมยิ้มไปด้วยเพราะเรื่องที่โอเวอร์เล่าอยู่นั้นฟังดูเหลือเชื่อมากในชีวิตจริง โอลิเวอร์ดื่มไปอีกอึกก่อนจะเล่าต่อ

"แล้วตอนนั้น ก็มีคนชุดดำ 2 คนเดินเข้ามาบอกให้ตามไป ตอนนั้นชั้นยังงงๆอยู่ รู้ตัวอีกทีก็โดนหิ้วปีกไปขึ้นเครื่องบินที่ทางนั้นส่งมารับ เป็น MV-22 เชียวนะโว้ย! แล้วพอขึ้นไปแม่งบนเครื่องมีแต่หน่วยพิเศษตัวถึกๆสวมไอ้โม่งอาวุธครบมือเต็มลำ ชั้นไปนั่งติดกับเจ้าบึ้กคนนึงกำลังเอามีดโบวี่มาแคะขี้เล็บ มือมันนี่ใหญ่ขนาดบีบคอชั้นตายด้วยมือเดียวได้เลยมั้ง!" เขาเล่าพร้อมทำท่าประกอบไปด้วย

ตอนนี้คนจากโต๊ะข้างเริ่มให้ความสนใจกับเรื่องที่เขาเล่าเพราะเขาเริ่มจะใส่โอเวอร์แอคติ้งมากขึ้นแล้ว

"พอบินไปซักพักเครื่องก็ลงจอด พอประตูเปิดเจ้าพวกนั้นแทบจะถีบชั้นออกจากเครื่อง แล้วเจ้าชุดดำ 2 คนนั้นก็พาชั้นไปนั่งในห้องอะไรสักอย่าง ยังกับห้องสอบสวนยังไงยังงั้น พอซักพักก็มีคนเข้ามาพร้อมกับแล๊บท็อบแล้วก็แฟ้มเอกสาร ชั้นงี้กลัวแทบฉี่ราดเลยละ นึกว่าพวกนั้นจะเอาเรื่องที่ชั้นเคยแอบเอากัญชาใส่ลงในอาหารของดร.เกียร์ซะอีก" โอลิเวอร์ยกเบียร์ดื่มจนหมด

"แต่ที่ไหนได้ ชั้นยังไม่ทันได้อ้าปากเขาบอกก็พูดขึ้นมาว่า 'ผมไม่เอาเรื่องที่คุณทำกับดร.เกียร์หรอก อยากขอบคุณด้วยซ้ำที่ทำให้พวกเรารู้ว่าขนาดกัญชายังทำอะไรเจ้าคนตายด้านนั้นไม่ได้เลย…' เขานั่งลงแล้วบอกว่า ที่เรียกชั้นไปที่นั้นเพราะมีเรื่องที่อยากให้ทำ เพราะว่าสิ่งที่จะให้ทำต่อไปนี้ ต่อให้เอาไปเล่าต่อคนที่ฟังก็คงไม่เชื่อหรอกมั้งนะ เขาว่างั้น"

"พวกนั้นให้นายไปทำอะไรละ?" ภารโรงคนหนึ่งถามขึ้นพร้อมกับยื่นเบียร์ให้โอลิเวอร์ 1 กระป๋อง เขารับพร้อมขอบคุณ ตอนนี้คนทั้งห้องเริ่มหันมาสนใจเรื่องที่เขาเล่าแล้ว

"เขาเปิดแล็บท็อบ ในจอเป็นวีดีโอที่กำลังฉายภาพสดๆจากห้องๆหนึ่ง ในห้องนั้นมีคนอยู่สองคน เป็นเด็กผู้หญิงคนนึง ส่วนอีกคนก็เป็นผู้หญิง น่าจะลูกครึ่ง กำลังพูดคุยเล่นกันอยู่ แต่พอดูดีๆแล้วเด็กคนนั้นมัน SCP-134 นี่หว่า ชั้นถามคนๆนั้นไปว่าแล้วผู้หญิงที่อยู่ในห้องนั้นเป็นใคร เพราะเธอไม่ได้ใส่ชุดของสถาบัน แสดงว่าเธอไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสถาบันใช่มั้ย? เขานิ่งไปครู่นึงแล้วก็ตอบว่า 'เธอเป็นแขกของเรา'"

"แขก! จะบ้าเหรอ! สถาบันนี้มันมีแขกซะที่ไหนล่ะ!" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งโวยขึ้นมา

"มีสิวะ! อย่างพวกนายพลหรือพวกนักการเมืองที่รู้เรื่องสถาบันไง แต่พวกนั้นโดนสั่งไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับ SCP ไม่ใช่เหรอ?!" เจ้าหน้าที่อีกคนแย้ง ตอนนี้คนในห้องเริ่มโต้เถียงกันไปมา

"เฮ้ย สนุกดีว่ะ เล่าต่อซิ" เดวิดเชียร์ให้โอลิเวอร์เล่าต่อ เพราะนี่เป็นเรื่องที่สนุกที่สุดที่เคยฟังจากนายโอเวอร์คนนี้

"ชั้นก็ตกใจเหมือนกันที่เขาบอกว่าเธอเป็นแขกของสถาบัน คือแบบว่าชั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสถาบันมีแขกที่เข้าไปคุยเล่นกับ SCP ได้อย่างนั้น แล้วเขาก็เปิดแฟ้มให้ดู ข้างในเป็นรูปผู้หญิงคนนั้นถูกถ่ายในสถานที่ต่างๆ มีรูปหนึ่งที่เธอถ่ายคู่กับไอริสด้วย พอดูวันกับเวลาที่ถ่ายแล้ว รูปนั้นน่าจะถ่ายตอนที่เธอถูกถอนชื่อไปช่วงหนึ่ง พอชั้นถามเขาไปเขาก็ตอบกลับมาว่า 'รูปนี้ถูกยึดได้ตอนที่จับตัว 105 กลับมา มันบอกว่าเจอเธอคนนี้มาขอถ่ายรูปด้วย พอ O5-1 เห็นรูปนี้เข้า เขาถึงกับหน้าเหวอเลยละ'" โอลิเวอร์เปิดกระป๋องเบียร์ที่ได้รับมาแล้วยกดื่ม ตอนนี้ทุกคนในห้องตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ

"พอชั้นถามว่าต้องการให้ชั้นทำอะไร เขาก็บอกว่าอยากจะให้ชั้นช่วยตามดูเธอคนนี้แล้วบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอตอนอยู่ที่สถาบัน ชั้นกำลังจะถามว่าทำไมเขาก็ดันชิงพูดมาก่อนว่า 'ผมจะช่วยให้คุณย้ายไปทำงานในไซต์ที่ปลอดภัยมากขึ้นหรือมาอยู่ที่ศูนย์พร้อมกับเพิ่มเงินเดือนด้วย' ชั้นก็นั่งคิดอยู่พักแล้วก็ตอบตกลง แค่ตามแล้วก็จดสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำมันจะไปเสี่ยงอะไร… โคตรพลาดเลยว่ะ" โอลิเวอร์บ่นไปพร้อมกับดื่มเบียร์เข้าไปอึกใหญ่

"นายเกือบโดนผู้หญิงคนนั้นฆ่าเหรอ? หรือว่าเธอเป็นคนใหญ่คนโตที่ไหน? หรือว่าเป็น SCP ล่ะ? เดวิดถามด้วยความตื่นเต้น

"เปล่า…เธอไม่ใช่…แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน…" โอลิเวอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง

"แล้ว เธอหน้าตาเป็นยังไงละ" นักวิจัยคนหนึ่งถาม

"หน้าเหรอ…สวยเลยละ ยังกับนางฟ้าในฝัน มีรอยยิ้มพิมพ์ใจ แววตาอบอุ่นจนคนมองแทบจะละลายถ้าเผลอจองนานเกินไป-"

"เฮ้ยๆ อย่างเพิ่งหลุดไปซิ! แล้วไง นายถูกสั่งให้ตามจดว่านางฟ้าอะไรนั้นทำอะไร กินยังไง เข้าห้องน้ำใช้มือข้างไหน แล้วยังไง งานง่ายแบบนี้มันตัดสินใจพลาดตรงไหนกัน?" เดวิดพูดแทรกในขณะที่คนอื่นกำลังจินตนาการตาม

"ออ…ใช่ตอนแรกชั้นก็คิดแบบนั้น วันแรกชั้นตามเธอคนนั้นไปห้องๆหนึ่ง ข้างในมีตู้ปลาหรืออะไรซักอย่าง ในตู้นั้นมีทากทะเลตัวหนึ่ง เธอคุยกับมันซักพักเรื่องอะไรก็ไม่รู้ รู้สึกว่าช่วงหนึ่งจะพูดเกี่ยวกับชนเผ่าในแอฟริกาที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน พอคุยเสร็จแล้วเธอก็เดินมาหาชั้นแล้วก็ถามว่า 'ขอถามอะไรได้ไหม?' ชั้นมาคิดดูแล้วพวกนั้นไม่ได้ห้ามให้ชั้นคุยกับเธอนี่หว่า ชั้นก็เลยตอบว่าได้ เธอเลยถามว่าตอนนี้เอเบลกับคาอินเป็นยังไงบ้าง ชั้นตอบไปว่าไม่รู้จักแต่ที่จริงก็พอรู้อยู่ว่าพวกมันคือหมายเลยอะไร เธอไม่ซักไซต่อแล้วก็พูดอะไรบางอย่าง ถ้าชั้นฟังไม่ผิดเธอน่าจะพูดว่า 'งั้นสินะหมอนั้นยังถูกขังอยู่ ส่วนเจ้านั้นก็'-"

"เฮ้ย เดี๋ยวๆ ยัยอะไรนั้นรู้จัก 073 กับ 076-2 ด้วยรึว่ะ!?" เดวิดพูดแทรก

"อย่าเพิ่งเสือกสิวะเดวิด! เอ้าเล่าต่อสิโอลิเวอร์" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนออกมา

"อ๊ะ ได้ๆ ตอนนั้นไอ้เจ้า 131 ก็โผล่ออกมา พอเธอเห็นเท่านั้นล่ะก็รีบวิ่งไปอุ้มมันยังกับลูกหมาแน่ะ เธอกอดมัน บอกว่ามันน่ารักดีแล้วก็ลูบหัวของมัน แล้วก็ยิ้มไปด้วย แต่ภาพในตอนนั้นน่ะนะ ชั้นว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยถ้ามาเห็นเข้าได้ใจละลายตายเป็นเบือแน่ ต่อให้เป็นไอ้ตายด้านอย่างดร.เกียร์ก็เหอะ" โอลิเวอร์เล่าต่อในขณะที่คนอื่นนึกภาพจนเคลิ้มตาม

"หลังจากนั้นเธอก็เดินไปจนถึงห้องๆหนึ่ง โดยมีเจ้า 131 ตามมาด้วย ชั้นแทบสะดุดพอเห็นว่ามันเป็นห้องของ 166 ก็รู้กันอยู่ ชั้นตามเธอเข้าไปในนั้นไม่ได้ ก็เลยรออยู่ข้างนอกกับ 131 ซักครึ่งชั่วโมงเธอเดินออกมา หน้าเศร้านิดๆ พอชั้นถามว่าไปคุยอะไรกับ 166 เธอบอกว่า 'เด็กที่อยู่ในห้องนั้นน่าสงสารที่เกิดมามีศีลธรรมขัดกับธรรมชาติของเธอ ถ้าเธอยอมรับได้ว่าแท้จริงเธอเป็นใคร ชีวิตเธอคงจะดีกว่านี้' วันแรกก็จบแค่นั้น ชั้นกับเธอคนนั้นแทบไม่ได้คุยกันเลย" โอลิเวอร์หยุดเล่าเพราะในตอนนี้เริ่มมีเสียงกระซิบแทรก

"เฮ้ยๆ 166 นี่มันเจ้านั้นไม่ใช่หรือ ว่าแต่คนนอกมีสิทธิเข้าไปในห้องของ SCP ระดับนั้นด้วยหรือวะ?"

"ตอนแรกชั้นก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เย็นวันนั้นชั้นเลยโทรหาเจ้าคนประสานงาน หมอนั้นบอกว่า เธอคนนี้ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องกักกันของ SCP ห้องไหนก็ได้ แน่นอนระดับไหนก็ได้ด้วย พอได้ยินอย่างนั้นชั้นนี่ตกใจจนโทรศัพท์ตกพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆเลยล่ะ" โอลิเวอร์ทำท่าตกใจประกอบไปด้วย ตอนนี้ทุกคนที่ฟังนิ่งกันหมด

"พอวันที่ 2 ชั้นที่คิดมากจากเมื่อคืนก่อนจนนอนแทบจะไม่ได้นอน รีบบึงรถไปยังไซต์ที่เธอจะไปในวันนั้นจนล้อรถไหม้ รอยยางงี้ขึ้นเป็นทาง พอไปถึงก็เจอเธอคนนั้นกำลังนั่งกินขนมอยู่ พอชั้นเดินเข้าไปเธอก็โบกมือทักทายเหมือนรอชั้นอยู่ยังไงยังงั้น ชั้นก็เลยทักกลับ แล้วก็เหลือบไปเห็นข้อความที่อยู่บนถาดขนมนั้นเข้า ชั้นลองมองมันหลายๆด้านเพื่อให้แน่ใจ แล้วมันก็ใช่จริงๆด้วย! ชั้นเลยรีบถามว่าเธอหยิบขนมจากถาดนั้นไปกี่ชิ้น เธอบอกว่า '3 ไม่สิที่กำลังกินอยู่ก็ 4 แล้ว มีคนเอาถาดนี่มาให้แล้วก็รีบไปอย่างไวเลยล่ะ' ชั้นยังถามไม่ทันว่าทำไมเธอหยิบชิ้นที่ 3 ได้ เธอก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า 'รีบไปกันเถอะ' แล้วก็จูงมือชั้นไปทั้งที่ชั้นยังงงอยู่"

"วันนั้นเธอไปดูพวกระดับ Self เป็นส่วนใหญ่ ระหว่างนั้นชั้นกับเธอก็คุยไปเรื่อยๆ เธอบอกว่าเธอชอบเดินทาง เคยไปเมืองดังๆมาแล้วทั่วโลกแล้วก็เล่าตอนที่เธอไปเมืองต่างๆให้ชั้นฟัง ส่วนชั้นก็เล่าเรื่องของตัวเองแต่ก็เผลอหลุดใส่แอคติ้งไปด้วย เธอหัวเราะแล้วก็บอกว่าชั้นตลกดี ไม่รู้สิชั้นรู้สึกแปลกใจที่เธอไม่ได้รับผลกระทบจากพวก SCP แถมยังดูสนใจพวกมันเป็นพิเศษยังกับพวกสาวๆเจอของแบรนแนมยังไงยังงั้น แต่อีกด้านหนึ่งชั้นรู้สึกว่าเธอเป็นคนมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากจนอยากขอแฟนแค่วันเดียวก็ยังดี ไม่ต้องทำอะไรมากกว่าแค่จับมือเดินด้วยกันก็พอแล้ว" โอลิเวอร์เล่าต่อด้วยใบหน้าที่เคลิบเคลิ้มในขณะที่คนอื่นกลับทำหน้าสงสัย

"แต่แล้วเซอร์ไพรส์ก็มาเยือนจนได้ ในตอนเย็นวันนั้นเธอเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ในห้องนั้นมีเด็กอยู่คนหนึ่งนั่งวาดรูปเล่นอยู่ ชั้นมองเธออยู่แว๊บนึงแล้วก็นึกออกว่าเธอคือหมายเลขอะไร ชั้นเห็นหน้าตัวเองในกระจกซีดเผือกเลยล่ะ ชั้นพยายามดึงเธอไม่ให้เข้าไปในห้องนั้น เธอบอกว่าไม่เป็นไรหรอกแค่เด็กตัวเล็กๆเอง ชั้นพยายามอธิบายให้เธอฟังว่ามันทำอะไรได้และมีคนตายไปกี่คนแล้วเพราะมัน แต่สงสัยชั้นจะกลัวและอยากจะออกไปจากที่นั้นจนพูดไม่เป็นภาษาละมั้ง เธอเลยไม่เข้าใจ แล้วชั้นก็เผลอปล่อยมือเธอ เธอก็เลยเข้าไปในห้องนั้นแล้วประตูก็ปิด ส่วนชั้นยืนนิ่งอยู่ข้างนอกซักพักถึงจะรู้ตัว ชั้นเลยรีบไปที่ห้องควบคุมบอกให้พวกนั้นรีบเปิดประตู แล้วรู้อะไรมั้ย?! เจ้าพวกนั้นทำเป็นว่าไม่ได้ยินทั้งๆที่ชั้นแทบจะตะโกนกรอกหูพวกมันอยู่แล้ว!" โอลิเวอร์เล่าพร้อมกับใส่อารมณ์เต็มที่แล้วก็ดื่มเบียร์กระป๋องที่ 2 จนหมด

"สรุปว่ายัยอะไรนั้นก็ไม่แคล้ว เป็นพวกที่มีพลังต่อต้านพวก SCP งั้นสินะ? พวกเบื้องบนคงอยากจะทดสอบเธอเลยยอมให้ยัยอะไรนั้นเข้าไปเจอกับ SCP อะไรก็ได้สินะ ให้ทายนะเธอออกมาจากห้องโดยที่ไม่เป็นอะไรเลยใช่มั้ย?" เดวิดถามโอลิเวอร์ คนอื่นที่ฟังก็ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่โอลิเวอร์ไปเจอมาและแสดงความเห็นว่าคงจะเป็นอย่างที่เดวิดว่าไว้

"เออว่ะ (เปิดเบียร์กระป๋องที่ 3) ตอนนั้นชั้นทำได้แต่ยืนดูเธอคนนั้นเล่นกับมันแล้วก็รอสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น แต่พอผ่านไป 30 นาที มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอเลย ตอนนั้นชั้นก็เริ่มคิดอย่างที่นายว่านั้นล่ะ เธอคนนี้คงจะมีพลังอะไรสักอย่างที่สามารถลบล้างพลังของพวก SCP ได้ ไม่งั้นเธอคงมือขาดไปตั้งแต่หยิบขนมชิ้นที่ 3 แล้ว เธอเล่นกับมันไปหนึ่งชั่วโมงประตูห้องก็เปิด เธอถูกขอให้ออกจากห้องซึ่งเธอก็ยอมออกมาง่ายๆ แต่ชั้นสังเกตเห็นว่าก่อนออกมาเธอแอบเอาอะไรบางอย่างใส่มือของมันด้วย หลังจากนั้นเธอแวะไปห้องของเด็กอีกคนที่ถูกทำให้โคม่า รู้สึกว่าเจ้านี่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ให้ดร.เคลฟโดนหักคอด้วย พอหมดวันชั้นรายงานเรื่องที่เธอให้บางอย่างกับ SCP ไป พวกนั้นบอกว่าเข้าไปตรวจสอบแล้วเป็นแค่ล็อกเก็ตรูปนกธรรมดาๆ เลยให้เก็บไว้ได้" โอลิเวอร์หยุดเล่าแล้วก็ดื่มไปหนึ่งอึก แล้วก็เล่าต่อ

"คืนนั้นชั้นดื่มไปพอสมควรเพื่อจะได้หลับๆไป ไม่ต้องมาคิดอะไรมากเรื่องเธออีก ในตอนนั้นจู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา ชั้นนึกว่าโทรผิดหรือโทรแกล้งแต่ก็รับๆไป (ดื่มไปอึกหนึ่ง) กลายเป็นว่าเธอโทรมาว่ะ"

"เฮ้ย! อะไรวะ!" คนที่ฟังพูดกันอย่างพร้อมเพรียง

"เดี๋ยวสิ! แล้วเธอรู้เบอร์แกได้ไงวะ!" เดวิดถามโอลิเวอร์ด้วยความแปลกใจ

"ชั้นนี่ตกใจจนอ้าปากค้า น้ำลายย้อยลงเบียร์เลยละ เธอคนนั้นบอกก่อนเลยว่าได้เบอร์ของชั้นมาจาก O5 ที่โทรมาหาชั้นตอนแรกนั้นล่ะ ก็นั้นละนะเล่นมีพลังที่ต้านความสามารถของ SCP ได้เธอก็คงจะได้สิทธิพิเศษแบบจะขออะไรก็ได้เลยละมั้ง ตอนนั้นชั้นคิดแบบนั้นนะ"

"แล้วไงละ? เธอโทรมาทำไมเหรอ? อย่าบอกนะว่านัดไปเจอตัวต่อตัว" เดวิดชิงถามก่อนคนอื่น

"เปล่าว่ะ เธอบอกว่าเธอรู้เรื่องที่ชั้นถูกส่งมาให้คอยตามแล้วก็บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการทดลองอย่างหนึ่ง แต่เธอบอกว่าไม่เป็นไรและยอมให้ทำต่อไป แล้วก็บอกว่าวันนั้นชั้นดูโทรมไปหน่อยเลยอยากให้ชั้นนอนเร็วๆจะได้พักผ่อนได้เต็มที่ สุดท้ายก็บอกว่าขอให้ฝันดีแล้วก็วางสายไป คืนนั้นชั้นฝันว่า-"

"ช่วยข้ามไปอีกวันเลยได้มั้ย! ชั้นไม่อยากฟังหรอกว่านายได้กับเธอไปกี่ยกกี่ท่าในฝันน่ะ!" เดวิดพูดแทรก

"เปล่า ชั้นไม่ได้ฝันแบบนั้น แต่ช่างเหอะ ชั้นตื่นขึ้นมาตอนเช้า รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกเลยว่ะ ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นมาตั้งแต่มาทำงานที่สถาบันเลยละมั้ง (นิ่งไปครู่หนึ่ง) ใครจะไปนึกละว่าเช้าที่สดใสแบบนั้นจะไปจบอย่างงั้นได้" โอลิเวอร์ดื่มไปอีกอึกหนึ่ง

"อะไรวะ เกิดอะไรขึ้น?" เดวิดถามโอลิเวอร์ที่ตอนนี้มีสีหน้าเคร่งเครียด

"วันที่ 3 ชั้นไปที่อีกไซต์นึง ชั้นไปเจอเธออยู่ในห้องที่มีโทรศัพท์วางอยู่บนโต๊ะกับเจ้าบึ้กที่ชั้นเจอบนเครื่อง MV-22 นั้นล่ะ ตอนนั้นชั้นอยู่ในห้องที่ใช้ศึกษาและบันทึกข้อมูลของเจ้าโทรศัพท์นั้น เสียงที่มาจากอีกปลายสายกับเสียงของคนรับจะได้ยินแล้วก็บันทึกในห้องนี้แหล่ะ (ถอนหายใจ) แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เจ้าบึ้กนั้นบอกให้เธอรับสาย เธอทำท่าว่าไม่อยากรับมัน เจ้าบึ้กนั้นเลยทำเสียงดุใส่แล้วทำเหมือนจะชักมีดออกมา เธอก็เลยรับสายนั้นแบบไม่เต็มใจ ถึงชั้นจะรู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับคนที่รับสายจากเจ้าโทรศัพท์นั้นก็เถอะ แต่ตอนนั้นชั้นคิดว่าจากที่ผ่านมาเธอคงจะไม่เป็นไรหรอก พอเธอรับสายเสียงที่เธอพูดกับเสียงที่มาจากปลายสายก็เข้ามาในห้องที่ชั้นอยู่ทันที" โอลิเวอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง เดวิดจึงพูดขึ้นมา

"แล้วไงล่ะ เธอก็ไม่ได้หายไปใช่ไหมละ? เจ้าโทรศัพท์นั้นทำอะไรเธอไม่ได้-"

"เออสิ! เจ้าโทรศัพท์นั้นทำอะไรเธอไม่ได้ มันเลยไปเล่นคนที่อยู่ใกล้เธอแทนไงละ!" โอลิเวอร์ตะโกนออกมาเสียงดัง ทุกคนที่ฟังต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

"มะ หมายความว่าไงวะ ที่ว่า ไปเล่นคนที่ใกล้แทนน่ะ! เดวิดถามด้วยความตกใจ

"พอเธอรับสายนั้น เธอก็พูดฮัลโหล ส่วนทางนั้นเงียบไปแป๊บนึงแล้วก็มีเสียงผู้หญิงตะโกนขึ้นมาว่า 'ไม่นะ อย่ามานะ อย่ามาที่นี่นะ!' แล้วจู่ๆเจ้าบึ้กนั้นก็หายไปเฉยเลย! เธอตกใจเลยวางโทรศัพท์ พวกนักวิจัยคนอื่นแตกตื่นกันน่าดูเลยล่ะ ซักพักมันก็โทรมาอีก เธอรีบรับสาย คราวนี้มีเสียงเจ้าบึ้กนั้นร้องดังออกมาจากทางนั้นเหมือนโดนทรมานอยู่ แล้วก็มีเสียงผู้หญิงกรีดร้องไม่เป็นภาษา ชั้นกับพวกที่อยู่ในห้องโกลาหลกันสุดๆ มีคนนึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาใครสักคน แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆก็คว้างมันทิ้งซะงั้น สงสัยจะกลัวจนขี้ขึ้นหัวเลยละ ตอนนั้นเองจู่ๆเธอพูดกับทางนั้นว่า 'ปล่อยเขามาเดี๋ยวนี้นะไม่อย่างนั้น…' " โอลิเวอร์เล่าโดยใส่อารมณ์เต็มที่

"เท่านั้นแหละ เจ้าบึ้กนั้นก็กลับมา เลือดท่วมเลย เธอวางสายแล้วก็รีบเข้าไปกดแผลให้เจ้าบึ้กนั้นโดยใช้เสื้อคลุมของเธอ พวกนักวิจัยที่อยู่ในห้องร่วมถึงชั้นพอเห็นแบบนั้นเข้าก็ยืนแข็งทื่อเป็นเจ้า 173 ที่โดนจ้องอยู่เลยล่ะ ก็มันไม่เคยมีใครได้กลับมาซักคนเลยนี่หว่า แล้วทำไมแค่เธอขู่ยังไม่ทันจบมันก็รีบส่งเจ้าบึ้กนี่กลับมาเลยล่ะ แต่ตอนนั้นชั้นยังตกใจอยู่เลยไม่ได้สงสัยเรื่องนั้น ชั้นรีบไปที่ห้องนั้น เจอเธอเปื้อนเลือดของเจ้าบึ้กทั้งตัว ชั้นเลยเข้าไปช่วยกดแผลตอนนั้นเองชั้นได้ยินเธอพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า 'ขอโทษนะ ฉันขอโทษ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ฉันขอโทษ' แล้วก็ร้องไห้ไปด้วย" โอลิเวอร์หยุดเล่าแล้วก็นิ่งไป ตอนนี้ทุกคนที่ฟังต่างมองหน้ากันไปมา บางคนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเรื่องที่นายโอเวอร์คนนี้เล่า

"เฮ้ย! เรื่องใหญ่ขนาดนี้มันต้องมีหลุดมาเป็นเรื่องซุบซิบบ้างสิวะ! ทั้งหมดนี่แกแต่งเรื่องขึ้นมาเองใช่มั้ย!" เดวิดตะคอกใส่โอลิเวอร์

"แกอยากรู้มั้ยว่าเจ้าบึ้กนั้นชื่ออะไร ใครติดยศให้ ชั้นพาไปหาได้นะ เส้นเอ็นขาดขนาดนั้นกว่าจะเดินได้อย่างเก่งก็ครึ่งปีละมั้ง" โอลิเวอร์พูดด้วยเสียงเรียบๆ ทุกคนเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงนิ่งเงียบกันหมด

"หลังจากนั้น พวกหน่วยแพทย์ก็มา ฉีดมอร์ฟีนแล้วก็ใช้โปรตีนเหลวปิดแผลให้เจ้าบึ้กนั้นแล้วก็ยกเขาขึ้นเปลไปห้องฉุกเฉิน แต่ก่อนจะไปเขาจับแขนเธอไว้แล้วก็พูดอะไรบางอย่าง ชั้นไม่ได้ยินหรอกแต่เธอยิ้มนิดๆแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไร หลังจากนั้นชั้นเลยพาเธอไปห้องอาบน้ำของนักวิจัยแล้วก็ยืมเสื้อของพวกนักวิจัยหญิงมาให้เธอใส่ ชั้นเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน" โอลิเวอร์เล่าต่อ

"จากนั้นเรา 2 คนก็มานั่งคุยกัน ชั้นพยายามปลอบใจเธอ พอดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วชั้นเลยถามเธอไปว่าตอนนั้นเธอขู่จะทำอะไรเจ้าโทรศัพท์นั้นมันถึงรีบส่งเจ้าบึ้กนั้นกลับมา เธอไม่ตอบ ชั้นเลยถามเธอไปอีกว่าทำไมพวก SCP ถึงทำอะไรเธอไม่ได้แถมบางตัวเหมือนจะกลัวเธอด้วย เธอนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก็บอกว่า 'ในโลกนี้มีเรื่องบางเรื่องที่ไม่รู้แล้วจะใช้ชีวิตได้เป็นสุขมากกว่า เพราะหากรู้แล้ว ความสุขอาจพังทลายจนไม่อาจฟื้นคืนได้' แล้วเธอก็ไม่พูดอะไรอีก" โอลิเวอร์หยุดเล่าแล้วก็ดื่มเบียร์กระป๋องที่ 3 จนหมด

"ตอนนั้นชั้นไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงอะไร แต่ก็คิดว่าเธอคงมีบางอย่างที่ไม่อยากให้ใครรู้ อาจเป็นที่มาของความสามารถของเธอก็ได้ ชั้นก็เลยเล่าเรื่องแย่ๆหรือเรื่องที่ชั้นซวยไปเจอเข้าให้เธอฟัง เธอก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง ชั้นเลยพาเธอไปทานข้าวกลางวัน แต่พอไปถึงชั้นรู้สึกได้เลยว่ามันแปลกๆอยู่ นอกจากเรา 2 คนแล้วไม่มีใครอยู่เลย มีโต๊ะหนึ่งมีกล่องอาหารวางไว้ 2 กล่อง ชั้นเลยนั่งกินกับเธอแล้วก็คุยไปเรื่อยเปื่อย แต่ชั้นก็สงสัยอยู่ว่ามันเหมือนถูกจัดฉากยังกับรายการแกล้งกันยังไงยังงั้น" โอลิเวอร์เล่าต่อพร้อมกับสั่งเบียร์กระป๋องที่ 4

"ตอนนั้นเอง จู่ๆพวกหน่วยพิเศษก็แห่มาเป็นโขยงพร้อมกับเล็งอาวุธมาที่พวกชั้น แล้วจากนั้นเจ้าคนที่ดูเหมือนหัวหน้าก็เดินเข้ามาแล้วก็บอกให้ตามไปด้วยกัน ชั้นถามไปว่ามีเรื่องอะไรกัน เจ้านั้นไม่ตอบแล้วก็มองไปที่เธอแล้วก็พูดขึ้นมาว่า 'มีห้องกักกันห้องหนึ่งที่เธอต้องไป' แล้วก็จะเข้าไปกระชากแขนเธอ ชั้นเลยเข้าไปขวางไว้ หมอนั้นเลยสั่งลูกน้องเข้ามาจับชั้นแล้วก็ใช้ด้ามปืนทุบหัวชั้น ก่อนที่ชั้นจะสลบชั้นได้ยินหมอนั้นพูดกับเธอว่า 'แกควรจะเป็นคนที่อยู่บนเตียงนั้น ไม่ใช่ลูกน้องชั้น'" โอลิเวอร์เปิดผมให้ดูแผลที่หน้าผาก

"แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นวะ! มันจับเธอไปห้องเจ้า 682 งั้นหรือ!?" เดวิดถาม

"แย่กว่านั้น (เปิดกระป๋องเบียร์) 173 ว่ะ" เดวิดกับคนอื่นเมื่อได้ยินดังนั้นต่างก็หน้าซีดกันเป็นแถว ส่วนโอลิเวอร์ก็ดื่มเบียร์ที่เพิ่งเปิดไปอึกหนึ่ง

"พอชั้นตื่นขึ้นมา ชั้นก็เจอตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วก็ถูกใส่กุญแจมือไว้ข้างหลัง เลือดจากหน้าผากนี่ไหลอาบหน้าชั้นจนลืมตาซ้ายไม่ขึ้นเลยล่ะ แล้วชั้นก็เห็นเจ้าหมอนั้นยื่นดูมอนิเตอร์อยู่ ในนั้นเป็นภาพจากกล้องที่อยู่หน้าทางเข้าห้องของเจ้า 173 แล้ว…ชั้นเห็นเธอถูกพามาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง จากนั้น…พอประตูห้องเปิดได้หน่อย เจ้าพวกนั้นก็ผลักเธอเข้าไปแล้วก็ปิดประตู ตอนนั้นชั้นโวยขึ้นมาว่าอะไรมั่งชั้นก็จำไม่ได้เหมือนกัน เจ้านั้นก็หันมาแล้วก็บอกว่า 'ถ้ายัยนี้เป็นพวกพิเศษจริงๆ เจ้ารูปปั้นนั้นก็ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก'" โอลิเวอร์ดื่มเบียร์ไปอีกอึกก่อนจะเล่าต่อ

"ชั้นเลยตะโกนไปว่าเธอเป็นแขกของพวก O5 นะโว้ย! จะทำแบบนี้ไม่ได้ เจ้านั้นตอบกลับมาว่า 'พวก O5 ไม่รู้เรื่องนี้หรอกถ้าแกก็โดนเจ้านั้นหักคอไปอีกคน' ตอนนั้นชั้นคิดว่าหมอนี้คงบ้าไปแล้ว หรือไม่ก็โกรธที่ลูกน้องตัวเองโคม่าเลยอยากได้คนรับผิดชอบ ชั้นมองไปที่จอ แล้วก็เห็นเธอมองไปที่เจ้า 173 แล้วมันก็ขยับเข้ามาหาเธอ! เจ้าหมอนั้นเลยพูดขึ้นมาว่า 'จะเป็นพันธุ์พิเศษมาจากไหน เจ้า 173 ก็ไม่สนสินะ' แล้วก็แสยะยิ้ม ตอนนั้นชั้นวิตกว่ามันจะทำอะไรเธอได้รึเปล่า แต่ก็คิดอีกแง่ว่าขนาดเจ้าโทรศัพท์หรือเจ้าเด็กนั้นยังทำอะไรเธอไม่ได้เลย เจ้านี่ก็คงไม่…" โอลิเวอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง

"แต่แล้ว…มันก็ขยับเข้ามาอีก ทีนี้มันอยู่ห่างเธอแค่ 2 ฟุต ตอนนั้นชั้นกลัวมากๆว่ามันจะฆ่าเธอ ในขณะที่ชั้นเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตะโกนด่าเจ้าหมอนั้น มันเลยสั่งให้คนมามัดปากชั้นไว้ ตอนนั้นเองเธอก็พูดขึ้นมาว่า 'อ๋อ เข้าใจล่ะ เจ้านี่น่ะ…' แล้วก็หันมามองที่กล้อง…" โอลิเวอร์หยุดเล่าพร้อมกับดื่มเบียร์ไปอีกอึก แล้วก็ก้มหน้า

"มันหักคอเธอสินะ…เสียใจด้วยว่ะ นายคงชอบเธอสินะ ว่าแต่นายรอดมาได้-"

"เปล่า มันไม่ได้ฆ่าเธอ" โอลิเวอร์รีบตอบกลับเดวิดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา

"อ้าว! แล้วเกิดอะไรขึ้นวะ!?" เดวิดถามด้วยความแปลกใจ

"พอเธอหันมาที่กล้องเธอก็พูดต่อว่า 'จะขยับตอนที่…' ตึ้ง! เธอตกใจกับเสียงเลยหันกลับไป ตอนนั้นเจ้า 173 มันพุ่งออกจากเธอไปอยู่ที่มุมห้องในสภาพหันหน้าเข้าหาผนัง บนพื้นก็มีคราบสีแดงๆโผล่ขึ้นมาเป็นทางเลย ตอนนั้นเจ้าหมอนั้นตกใจจนอ้าปากค้างตาโตเป็นไข่ห่านเลยล่ะ! คนอื่นในห้องร่วมถึงชั้นก็ตกใจเหมือนกัน มันเป็นภาพที่เหลือเชื่อสุดๆยิ่งกว่าได้เห็นดร.เจอร์รัลขี่จักรยานไปชนโรงงานผลิตปุ๋ยจนทำให้มันระเบิดซะอีก!" โอลิเวอร์เล่าเสียงดังพร้อมกับทำท่าประกอบไปด้วย คนฟังเมื่อได้ยินแบบนั้นต่างก็ทำหน้าตกใจ แล้วก็คุยกันไปมา

"แล้วประตูห้องควบคุมก็เปิด ดร.เคลฟพร้อมกับหน่วยพิเศษกรูกันเข้ามาในห้อง ดร.เคลฟตรงเข้าไปต่อยหน้าเจ้าหมอนั้นจนฟันหักกระเด็นแล้วก็ลงไปกองกับพื้น จากนั้นเขาก็ก้มลงไปกระซิบอะไรบางอย่างกับหมอนั้นซึ่งชั้นว่ามันคงสลบไปแล้ว จากนั้นเขาก็สั่งให้พวกที่เข้ามาด้วยมาช่วยชั้น ส่วนเขาไปที่แผงควบคุมเพื่อเปิดประตูห้องที่เธอถูกขังไว้กับเจ้า 173 ตอนที่พวกนั้นกำลังช่วยชั้นอยู่ ชั้นเห็นดร.คอนดรากี้พร้อมกับหน่วยพิเศษไปรอรับเธออยู่ที่หน้าห้องนั้น พอเธอออกมาพ้นประตูดร.เคลฟก็ปิดประตูทันที จากนั้นชั้นถูกพาไปห้องพยาบาลแล้วชั้นไม่เจอเธออีก…" โอลิเวอร์หยุดเล่าพร้อมกับดื่มเบียร์ไปอึกหนึ่ง

"พอชั้นฟื้นขึ้นมา ชั้นก็เจอ O5-1 นั่งอยู่ข้างๆกำลังอ่านบันทึกของชั้นอยู่ เขาทักทายชั้น ชั้นเลยถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วเธอเป็นยังไงบ้าง เขาบอกว่า 'เธอไปแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวก็กลับมา ส่วนพวกบุคลากรที่มีส่วนร่วมในการจับตัวเธอกับนายเมื่อวาน ถูกลบความจำแล้วก็ส่งไปไซต์อื่น เจ้าหัวโจกโดนลดขั้นเหลือระดับ 1 พร้อมกับถูกลงโทษให้ไปขัดพื้นห้อง 173 เป็นเวลา 3 เดือนทั้งๆที่ฟันหักอยู่นั้นล่ะ' เขาวางบันทึกแล้วก็หันมาคุยกับชั้น 'เธอ…เคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้ง บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับเธอต้องถูกลบความทรงจำทันทีที่เธอไป นั้นรวมถึงคนที่คอยตามสังเกตเธอด้วย… อ้อ! ยกเว้นเจ้า 2 คนนั้นนะ' ตอนนั้นชั้นรู้ตัวแล้วว่าชั้นจะโดนลบความจำแน่ๆ ชั้นเลยถามเขาว่าจะเริ่มเมื่อไหร เขาตอบกลับมาว่า 'เธอ…ขอผมไว้…ว่าให้เว้นคุณไว้คนนึง ผมไม่รู้หรอกนะว่าเธอถูกใจคุณตรงไหน แต่ในเมื่อเธอขอมา ผมก็ปฏิเศษไม่ได้' พอได้ฟังแบบนั้นชั้นก็เลยแปลกใจสุดๆ O5-1 คนนี้เนี้ยนะ! ปฏิเศษคำขอของผู้หญิงคนเดียวไม่ได้" เขาเล่าพร้อมกับใส่อารมณ์เล็กน้อย

"ชั้นนิ่งไปพักนึกแล้วก็รวบรวมความกล้าถามเขาไปว่าเธอเป็นใครกันแน่ เขาก็นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก็ตอบว่า 'เธอ…เป็นไพ่ใบสุดท้าย ที่จะช่วยไม่ให้ XK เกิดขึ้น หรือต่อให้มันเกิด เธอก็สามารถจัดการมันได้ในพริบตา… เธอเดินทางมาจากอีกโลกหนึ่ง คุณพอจะเคยได้ยินไหม? เรื่องทฤษฏีจักรวาลคู่ขนานน่ะ ว่ากันว่ามีโลกอีกมากกว่าแสนล้านหรือล้านล้านดวงซึ่งต่างไปจากโลกที่เราอยู่ บางโลกเราอาจเกิดมาเป็นเพศตรงข้ามกับที่เราเป็นในตอนนี้ บางโลกไดโนเสาร์ยังอยู่แต่วิวัฒนาการจนสร้างอารยธรรมได้ เธอมาจากหนึ่งในนั้น ที่โลกของเธอ สิ่งที่เราเรียกว่า SCP น่ะมีอยู่ทั่วไปปะปนไปกับมนุษย์ในสังคม แต่พวกมันไม่ได้ดุร้ายเหมือนของพวกเราหรอก ส่วนเธอ…อยู่เหนือกว่าพวกมันทั้งหมดจนเทียบกันไม่ติด แต่ว่าเธอชอบที่จะทำตัวเหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ทั้งที่จริงเธอน่ะ…อยากจะทำอะไรก็ได้…อยากจะไปที่ไหนหรือโลกไหนก็ได้…อยากพลิกโฉมจักรวาลให้เป็นแบบไหนก็ได้ ถ้าเธอไม่ต้องการให้ XK เกิด มันก็ไม่ทางเกิดตราบใดที่เธอยังอยู่ เราจึงต้องยื้อเธอไว้ให้อยู่ในโลกนี้ให้นานที่สุด ไม่ก็ขอเธอกลับมาอีกถ้าเธอไป …เราเคยพยายามบังคับให้เธออยู่โดยใช้กำลังกับเธอ ผลก็คือ… พวก SCP ในไซต์หรือในแอเรียนั้น พร้อมใจกันอาละวาด แหกห้องขังจนเกิดเหตุการณ์ PB-10912 กับ PB-12113 มาแล้ว คุณรู้ใช่ไหมว่า 2 เหตุการณ์นั้นมีคนตายไปกี่คน ตอน PB-12113 เราเกือบจะต้องใช้นิวเคลียร์แล้ว ถ้าเธอไม่ออกตัวห้ามพวกมันไว้… เราทำได้แค่ปิดเรื่องที่เธอเป็นชนวนเหตุเท่านั้นเอง'" เขาเล่าต่อ

"ตอนนั้นชั้นเข้าใจทุกอย่างแล้ว เหตุผลที่พวก SCP ทำอะไรเธอไม่ได้ พวกที่อันตรายก็กลัวเธอจนหัวหด ชั้นมารู้ตอนหลังว่าเจ้า 173 มันไม่ได้แค่ถ่อยห่างจากเธออย่างเดียวหรอก มันพยายามจะขุดผนังห้องเพื่อหนีเธอเลยล่ะ! คิดดูสิ! มันกลัวเธอจนอึราดเลยนะเว้ย! " โอลิเวอร์เล่าโดยใส่อารมณ์อีกครั้ง

"O5-1 บอกกับชั้นก่อนจะไปว่าหลังจากนี้ไป ห้ามนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังนอกจากสถานการณ์ที่เหมาะสม ห้ามบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นลงในอะไรก็ตาม และชั้นจะถูกจับตามองเพื่อป้องกันเรื่องนี้ด้วย" เมื่อโอลิเวอร์พูดจบ ทุกคนที่ฟังต่างหน้าซีดกันหมด

"เฮ้ยๆ สมมุติว่าที่เล่ามาทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริง ที่นายมาเล่าให้พวกเราฟังแบบนี้มันไม่เป็นอะไรหรือวะ!?" เดวิดถามโอลิเวอร์

"ชั้นบอกแล้วไง นอกจากสถานการณ์ที่เหมาะสม ชั้นว่าหลังจากนี้พวกนายจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเจอชั้นที่นี่" โอลิเวอร์พูดพร้อมกับดื่มเบียร์ไปอีกอึก

"หมะ…หมายความว่าไงวะที่ว่า สถานการณ์ที่เหมาะสมน่ะ!?" เดวิดถามด้วยเสียงที่สั่น

" 2 วันต่อมาเธอโทรมาหาชั้น ชั้นถามว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า เธอบอกว่าไม่เป็นอะไรขอบคุณที่เป็นหวง เธอถามกลับว่า 'เป็นอะไรมากหรือเปล่า แผลหายดีหรือยัง ได้นอนพักผ่อนพอหรือเปล่า วันนั้นหลับไป 10 ชม.แน่ะ' ชั้นเลยรู้ว่าวันนั้นเธอมานั่งเฝ้าชั้นอยู่ตลอดจน O5-1 มา ชั้นนี่ซึ้งจนน้ำตาไหลเลยล่ะ ชั้นพูดกับเธอว่า ชั้นไม่สนหรอกว่าเธอจะเป็นใครหรืออะไร เธอเป็น'คน'ที่ดีที่สุดที่ชั้นเคยเจอมาในชีวิตและอาจจะตลอดไป เธอหัวเราะแล้วก็บอกขอบคุณแล้วก็พูดอีกว่า 'ยังไงคนที่ดีกว่าฉันยังมีอีกเยอะ เธอลองค้นหาดูเถอะ ฉันไม่ใช่คนอย่างที่เธอคิดหรอกนะ อย่าสนิทกับฉันมากไปกว่านี้จะดีกว่า เพื่อตัวเธอเอง' แล้วเธอก็บอกว่า 'ขอบคุณนะที่เดินคุยเป็นเพื่อนมาตลอด 3 วัน' ไม่รู้สิตอนนั้นชั้นรู้สึกตื้นตันแปลกๆ ชั้นเลยพูดได้แต่ เช่นกัน"

"แล้วชั้นก็ถามเธอไปว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เธอบอกว่า 'ฉันกำลังนั่งเครื่องบินไปเกาหลีใต้ ไม่ต้องเป็นหวงหรอก ฉันมีคนที่อยากไปเจอตัวต่อตัวจะได้คุยกันนานหน่อย แต่ก็นั้นล่ะ มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของอีกฝ่ายล่ะนะ' ชั้นถามไปว่าเป็นคนของสถาบันงั้นเหรอ เธอบอกว่าไม่ใช่ แล้วก็ไม่ใช่คนด้วย เป็นจิ้งจอก-"

"เข้าเรื่องซะทีซิโว้ย! ทำไมนายถึงบอกว่าหลังจากนี้พวกชั้นจะจำไม่ได้ว่าเจอนายที่นี่ละว่ะ!?" เดวิดตะคอกใส่โอลิเวอร์ด้วยความตื่นตระหนกไม่ต่างอะไรกับคนอื่นที่เริ่มอยู่ไม่สุข

" 3 วันก่อนมีพัสดุส่งมาถึงชั้น ข้างในมีหนังสือเล่มหนึ่ง มีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า 'A Hero is Born' ข้างในมีจดหมายแนบมาด้วย เธอเป็นคนส่งมา ชั้นเปิดอ่านดูข้างในเขียนว่า 'ฉันกลับมาจากเกาหลีใต้แล้ว เธอคนนั้นหงุดหงิดสุดๆเลยล่ะ ฉันเลยต้องยอมคุยกันไปดื่มกันไปด้วยน่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรมาบอกก่อน ชั้นขอยืมหนังสือเล่มนี้มาจากห้องสมุดของสถาบัน อยากให้เธอได้อ่านจะได้ฝันดี ฉันคุยกับผู้ดูแลแล้ว เขาบอกว่าให้เธอเอามาคืนใน 3 วันหลังจากที่ได้รับ หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกในเร็วๆนี้ ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี อย่าดื่มมากเกินไปแล้วก็นอนพักผ่อนให้เพียงพอด้วยล่ะ ปล. วันศุกร์ที่จะถึงนี้ฉันว่าจะไปหาคาอินกับเอเบลสักหน่อยน่ะ เราอาจจะได้เจอกันก็ได้นะ'" โอลิเวอร์เล่าถึงจดหมายพร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา จากนั้นเขาก็หันไปมองที่เดวิด

"นั้นแหล่ะ คำตอบของคำถามของนาย" โอลิเวอร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ

"วะ-วันศุกร์ มะ-มันก็วันนี้นี่หว่า!" ภารโรงคนที่ให้เบียร์กระป๋องที่ 2 กับโอลิเวอร์อุทานออกมา

"คาอิน…เอเบล…อะ-ไอ้ 2 ตัวนั้นมันอยู่ที่นี่นิเฮ้ย!! " เจ้าหน้าที่คนหนึ่งอุทานออกมา ส่วนคนที่เหลือต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความตื่นตระหนก

"ดะ-เดี๋ยวก่อนนะ! หยะ-อย่าบอกนะว่า ตอนนี้เธอ…" เดวิดพูดด้วยเสียงสั่น

สิ้นเสียงของเดวิด เสียงฝีเท้าที่ไม่คุ้นหูก็ดังขึ้นมาจากทางเดิน ทุกคนในห้องต่างเงียบกันหมด ที่เป็นอย่างนั้นเพราะที่สถาบันนี้ บุคลากรทุกคนต้องตื่นตัวเพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รูปแบบการเดินจึงมีอยู่ไม่กี่แบบคือ แบบเร่งรีบ แบบหนักแน่น หรือไม่ก็แบบเชื่องช้าเพราะความหวาดระแวง แต่เสียงฝีเท้าที่ได้ยินในตอนนี้เป็นแบบเรียบง่าย สบายๆ ซึ่งไม่มีบุคลากรคนไหนโดยเฉพาะในไซต์นี้เดินแบบนี้แน่นอน

เสียงฝีเท้านั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คนในห้องต่างมาหน้ากันไปมา เดวิดที่เหงื่อออกทั้งตัวหันมามองที่โอลิเวอร์ ซึ่งเขากำลังยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมด เขาถอนหายใจออกมาแล้วก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงเรียบ

"ใช่ เธออยู่ที่นี่แล้ว"

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License