"ไงเอฟเวอเร็ตต" เคลฟตะโกนทักทายอย่างอารมณ์ดี หลังจากเดินก้าวยาวๆ เข้าประตูออฟฟิศ ดร.แมนน์ มา แต่ทันใดก็ต้องรีบนอนหมอบไปกับพื้นเมื่อห่ากระสุนพุ่งไปยังบริเวณที่เขาเพิ่งยืนอยู่ เคลฟค่อยๆ คลานไปยังโต๊ะ ดร.แมนน์ ที่กำลังยิงปืนอย่างบ้าระห่ำและตะโกนโหวกเหวกตลอดเวลา
"ฉันไม่สนใจว่า SCP-001 คืออะไร รวมทั้งเรื่องต้นกำเนิดองค์กรนั่นด้วย ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวด้ายม้ายยยย!!!!" ดร.แมนน์ ซึ่งกำลังประสาทเล็กน้อย เหนี่ยวไกยิงกระสุนปืนอย่างต่อเนื่องจนลูกกระสุนหมดแม๊กซ์ แต่ก็ยังคงเหนี่ยวไกต่อไป เผื่อว่าจะมีสักนัดที่ยังไม่ได้พุ่งออกจากปากกระบอก ทันใดนั้นเคลฟก็เข้าไปและแย่งปืนออกมาจาก ดร.แมนน์ อย่างปลอดภัย
"ไปเจอเรื่องปวดหัวมาเหรอด๊อกเตอร์?" เคลฟถามพร้อมสลับที่ปืนกับหลอดทดลอง เขาตรวจดูปืนก่อนจะโยนมันทิ้งไว้ที่มุมห้อง
แมนน์ กระดกของเหลวในหลอดทดลองลงคอ ไม่สนใจว่ามันจะแผดเผาลำคอเขาเท่าไหร่ หรือรสชาติของแอปเปิ้ลจะมลายหายไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์เท่าไร มันเป็นการดื่มเพื่อผ่อนคลายจากสภาวะกดดันทางจิตใจที่เขาแบกรับไว้ "พวกเขา.. พวกเขายังไม่ยอมเลิก พวกเขายังคงเข้ามา เข้ามาปรับทุกข์และผมไม่รู้ว่าจะทนเรื่องบ้าๆ นี้ได้แค่ไหน สิบสองชั่วโมงก่อนนี้ 05-13 เข้ามาเล่าเรื่องของเขา แล้วเพิ่งจะจบไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ผมไม่ไหวจะเคลียร์กับเขาจริงๆ"
"ใจเย็น เอฟเวอเร็ตต ใจเย็น คุณอยู่กับเพื่อนแล้ว เอาล่ะ มานี่ นั่งก่อน แล้วก็ดื่มอีกหน่อย.." เคลฟเดินไปปิดประตูและล๊อคมัน "ในเมื่อคุณก็ได้รู้ความลับแล้ว… เอาอีกสักเรื่องดีมั้ยล่ะ?" เคลฟพยักหน้าถามก่อนหยิบเก้าอี้มาตั้งไว้ในตำแหน่งที่เขาจะสามารถวางเท้าบนโต๊ของแมนน์ได้ "ในเมื่อคุณก็ได้ฟังมาเยอะแล้ว ไม่ลองฟังที่มาของผมบ้างล่ะ?"
ขณะที่แมนน์คร่ำครวญให้หลอดทดลอง เคลฟก็เล่าต่อ
เมื่อนานมาแล้ว ผมก็จำไม่ค่อยได้น่ะนะ ผมไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนาม แต่เป็นนักวิจัยที่ดูแลเกี่ยวกับ SCP ประเภทกึ่งมนุษน์ มันเลวร้ายมาก เอฟเวอเร็ตต ในตอนแรกเราคนที่ดูแลพวกกึ่งมนุษย์เริ่มจะหมดแล้ว แล้วผมก็ลอบบี้บางคนเพื่อจะเปลี่ยน ก็แบบว่า พยายามจะช่วยคนบ้างสักหน่อยอะนะ ผมก็เลยโดนลดขั้นแล้วส่งให้ไปดูแลพวกผิดปกติ ที่เรายังไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แล้วผมก็ไปโผล่ที่นั่น พยายามระบุพวกมัน แล้วบังเอิญ ใครสักคนทำให้ 76 หลุด แล้วที่ผมรู้ต่อมาก็คือ เอเบิ้ลกำลังใช้มีดตัดเนื้อเฉือนร่างผม
ผมพลาดแล้ว ผมพลาดมากๆ ผมหลับตา หวังว่าจะหนีพ้นจากความเจ็บปวด แม้แต่ตอนนี้ ที่ผมจำได้มีเพียงแสงที่เปล่งออกมาจากดาบ… แล้วองค์กรก็คิดว่าผมตายแล้ว โยนผมลงหลุมแล้วก็ลืมทุกอย่าง
แต่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมคลานออกจากหลุมที่เต็มไปด้วยซากศพของคลาสD เต็มไปหมด ผมก็กระเสือกกระสนออกมาจนได้ ออกเดินไปตามถนน ฆ่าคนไปคนเพื่อเสื้อผ้ากับรถของมัน แต่ผมไม่ได้สนใจมันเลยในเวลานั้น คุณคงเข้าใจนะ
ผมพาตัวเองกลับไปที่ฐานทัพลับที่ผมกับพี่ชายสร้างขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ผมใช้เวลาเป็นเดือน รักษาบาดแผล ฟื้นฟูสภาพร่างกาย แล้วก็นึกขึ้นได้… ผมเป็นอิสระแล้ว ในหัวผมเต็มไปด้วยความลับขององค์กรโดยที่องค์กรเข้าใจว่าผมตายแล้ว
ที่แรกที่ผมนึกถึงคือ MC&D ผมสามารถขายสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมด แล้วก็กลายเป็นเศรษฐีแล้วก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก แต่… ผมอดนึกถึงพวก SCP กึ่งมนุษย์ในคุกขององค์กรและเอเบิ้ลไม่ได้ เราควรจะทำอะไรสักอย่างกับมัน หรือทำลายมัน แต่ไม่ใช่การกักกันมันแน่นอน… ผมเลยไปที่ GOC
พวกเขาไม่เชื่อ… แน่ละใครจะเชือง่ายๆ แต่เพื่อแลกกับศัลยกรรมพลาสติก สิ่งระบุตัวตนใหม่ทั้งหมด ผมจึงบอกพวกเขาทุกอย่าง พวกเขาแต่งตั้งผมเป็นเจ้าหน้าที่ และแน่นอนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง อูคูเลเล่ ผมเลยตั้งชื่อใหม่ให้ตัวเองว่า อัลโต เคลฟ
แต่เมื่อตอนที่ผมทำข้อตกลงกับผู้หญิงคนนึงที่เธอมีปัญหาเพียงอย่างเดียวคือเป็นครึ่งคนครึ่งแพะ ที่ทำให้พบว่าผมเป็นอมตะ ผู้ร่วมงานของผมต้องการให้เธอตาย ทั้งที่เธอออกจะอ่อนแอและไร้เดียงสา เราจึงทะเลาะกัน พวกเขายิงผม แล้วจึงยิงเธอต่อ แต่ผมไม่ตายจึงยิงเขากลับไป และกอดเธอไว้ในอกตอนที่เธอตาย เธอคนนั้น… อยู่กับผม เอเวอเร็ตต
ผมจึงออกนอกลู่นอกทาง GOC ไม่ใช่ที่สำหรับผม ผมจึงมุ่งเป้าไปที่องค์กร ถ้าผมทำลายมันไม่ได้ก็ขอบ่อนทำลายจากภายในละกัน ไม่มีใครเซอร์ไพรส์เท่าผมแล้ว เมื่อเขาส่งตัวผมมาเจรจากับผมเอง แต่ก็ทำให้ผมปกปิดตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เลยล่ะ ไม่มีใครสักคนสงสัยผม เส้นสายของผมแผ่ขยายไปทั่วองค์กร ผมสามารถล้มมันเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ
แค่คิดว่าคุณควรจะรู้…
เคลฟรับหลอดทดลองมาจากมือที่ไร้เรี่ยวแรงของแมนน์ ระหว่างที่เคลฟเล่าเรื่อง ด๊อกเตอร์พาตัวเองไปหลบอยู่ใต้โต๊ะ ตอนนี้เขานั่งนิ่งเป็นหิน พึมพำกับตัวเอง เคลฟยิ้มขณะเตรียมตัวออกจากห้อง แมนก็โผล่หน้าออกมาถาม
"อัลโต… ทำไม?"
เคลฟยังคงแสยะยิ้มอยู่ "เอฟเวอเร็ต ได้โปรดเถอะ.. เรารู้จักกันมานานแล้วนะ… เรียกผมว่าแจ๊คดีกว่า"