ความคิดเห็นล่าสุด
จากหมวดหมู่:
page 1123...next »

ผ่านครับ


Sorry, My english isn't good.

ผ่านครับ


Sorry, My english isn't good.

ผ่านครับ


Sorry, My english isn't good.

Re: SCP-170 สุดยอดกาว โดย DrSSSDrSSS, 30 Sep 2024 03:56

ผ่านครับ


Sorry, My english isn't good.

ผ่านครับ


Sorry, My english isn't good.

[[module Rate]]

วัตถุ #: SCP-170

ระดับ: Safe

มาตรการกักกันพิเศษ: SCP-170 นั้นไม่เป็นอันตราย ดังนั้นจึงสามารถเก็บไว้ในตู้นิรภัยใดๆก็ได้ แต่เนื่องจากมีโอกาสที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิดและการที่มี SCP-170 เป็นจำนวนจำกัด จึงห้ามมิให้บุคลากรนำมันออกจากที่เก็บโดยมิได้รับอนญาตล่วงหน้าจากดร.███

รายละเอียด: SCP-170 ดูเหมือนจะเป็นกาวซูเปอร์กลูธรรมดาๆในหลอดสีเหลืองยาว 13 ซม. ไม่มีข้อมูลผู้ผลิตหรือข้อความอื่นใดอยู่ภายนอกบรรจุภัณฑ์ นอกจากคำว่า "SUPERGLUE" ที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรหนาที่ด้านหน้า

เมื่อใดก็ตามที่มีการนำสารดังกล่าวจำนวนหนึ่งมาทาลงบนวัสดุแข็ง และวัสดุนั้นได้สัมผัสเข้ากับพื้นผิวใดๆ ทั้งสองจะสูญเสียพันธะระหว่างโมเลกุลในบริเวณโดยรอบจุดสัมผัส ทำให้วัตถุหนึ่งสามารถที่จะแทรกผ่านอีกวัตถุหนึ่งไปได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบนี้ก็จะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะเท่านั้น และภายในช่วงเวลาหนึ่งในสามของวินาทีที่พื้นผิวทั้งสองได้สัมผัสกัน ความสามารถของแต่ละพื้นผิวในการผ่านอีกพื้นผิวหนึ่งก็จะถูกลบล้างออก ทำให้วัตถุทั้งสองถูกยึดติดกันอย่างถาวร

SCP-170 ถูกยึดมาในระหว่างการบุกค้นห้องทดลองผิดกฎหมายแห่งหนึ่งในเมือง████████ รัฐ███ ในปี 19██ คุณสมบัติที่ผิดปกติของ SCP-170 ยังไม่เป็นที่ทราบจนกระทั่งได้มีการทดสอบมาตรฐานกับวัสดุที่ถูกเก็บกู้มาได้ทั้งหมด ช่างเทคนิคของห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งได้ใช้ปิเปตต์สกัด SCP-170 ออกมาในปริมาณเล็กน้อยเพื่อทำการวิเคราะห์ ในขณะที่กำลังพยายามจ่ายสารลงบนสไลด์ ปิเปตต์ก็ทะลุผ่านสไลด์ที่อยู่บนฐานทันที จึงได้มีการทดสอบเพิ่มเติมกับปิเปตต์/สไลด์ และพบว่าทั้งสองถูกยึดติดกันในระดับโมเลกุล เมื่อทราบถึงเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ของสถาบัน SCP จึงถูกส่งไปยึดวัสดุที่ถูกเก็บกู้มาทั้งหมด


การทดลองที่โดดเด่น

การทดลอง 04:
วัสดุที่ใช้ทดลอง: โซ่สำหรับใช้งานหนัก 1 เส้น พร้อมน้ำหนักถ่วงในขนาดที่แตกต่างกันไป
ขั้นตอน: SCP-170 จำนวนเล็กน้อยถูกทาลงที่ข้อต่อสุดท้ายของโซ่ แล้วจึงนำไปติดกับเพดานเสริมแรงของพื้นที่กักกัน 17f จากนั้นจึงแขวนน้ำหนักถ่วงขนาดต่างๆไว้บนโซ่เพื่อระบุจุดล้มเหลวทางโครงสร้างของพันธะ
ผลลัพธ์: หลังจากที่แขวนน้ำหนักได้ประมาณ 9 เมตริกตัน โซ่ก็ขาดลงในที่สุด ซึ่งมันก็ไม่ได้ขาดลงที่จุดยึด แต่กลับขาดที่ข้อต่อที่ 9 จากด้านล่าง ข้อต่อทั้งหมดยกเว้นข้อที่ถูกฝังไว้บนในฝ้าเพดานได้รับการทดสอบและก็พวกมันพบว่ามีสัญญาณของการบิดและยืด และจุดยึดบนฝ้าเพดานนั้นก็กลับไม่มีสัญญาณของการอ่อนตัวหรือการแยกตัวกันของโซ่และฝ้าใดๆอยู่เลยเช่นกัน

การทดลอง 07:
วัสดุที่ใช้ทดลอง: ทองคำ 24 กะรัต 2 ก้อนที่เหมือนกันเกือบทุกประการ (ใกล้เคียงความบริสุทธิ์ 100% มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้)
ขั้นตอน: จะมีการใช้แขนหุ่นยนต์เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุทั้งสองจะถูกวางในแนวที่สมบูรณ์แบบ ลูกบาศก์ 1 (ลูกบาศก์ที่ได้รับการทา SCP-170 เอาไว้) จะถูกผลักผ่านลูกบาศก์ 2 ทั้งหมด จนเหลือเพียงแค่ลูกบาศก์ทองคำ 1 ลูกที่มีขนาดเท่ากับลูกบาศก์เดิม
ผลลัพธ์: ในระหว่างการตรวจสอบลูกบาศก์ที่เหลืออยู่เพียงแค่ลูกเดียวนั้น ก็ได้พบว่ามีมันความหนาแน่นอยู่ที่ 38.6 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ซึ่งเท่ากับความหนาแน่นสองเท่าของทองคำปกติ แม้กระทั่งการหลอมตัวอย่างลงก็ไม่ได้ทำให้ความหนาแน่นเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด เนื่องจากทองคำเหลวที่ได้ก็มีความหนาแน่นเท่าเทียมกัน นั่นหมายความว่าสารเหล่านี้จะไม่เคลื่อนตัวออกจากกัน รวมไปถึงอะตอมทุกอะตอม การวิเคราะห์อะตอมได้พิสูจน์แล้วว่าอะตอมเหล่านี้เป็นอะตอมทองคำธรรมดา ซึ่งก็หมายความว่าอะตอมเหล่านี้ไม่ได้สร้างปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันขึ้นเพื่อเพิ่มความหนาแน่น พวกมันเพียงแค่ถูกอัดแน่นอยู่ในพื้นที่ที่เล็กกว่าที่กฎฟิสิกส์จะอนุญาตให้

จากการทดลองนี้ ดร. ██████ ได้ขออนุญาตใช้ SCP-170 ในการ "ทาติด" ยูเรเนียมสองชิ้นเข้าด้วยกันเพื่อสร้างตัวอย่างที่มีความเป็นฟิสไซล์มากกว่า แต่เนื่องมาจากมีข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่เห็นได้ชัด คำขอนี้จึงถูกปฏิเสธไป

[[include component:image-block name=http://scp-wiki.wikidot.com/local--files/scp-170/xray.jpg|caption=ภาพเอกซเรย์ของนิ้วของผู้ทดลองที่ติดอยู่กับโต๊ะ (หลังการถูกตัดออก) กระดูกที่หักนั้นเกิดจากการที่ผู้ทดลองดิ้นรนเพื่อที่จะพยายามนำนิ้วของตนเองออกมา|link="http://scp-wiki.wikidot.com/local--files/scp-170/xray.jpg"]]

การทดลอง 12:
วัสดุที่ใช้ทดลอง: บุคลากรระดับ-D จำนวน 1 คน โต๊ะไม้ 1 ตัว
ขั้นตอน: เป็นการทดลองครั้งแรกโดยใช้สิ่งมีชีวิต บุคลากรระดับ-D จะทา SCP-170 ลงในปริมาณเล็กน้อยที่นิ้วชี้ขวา แล้วจึงจะได้รับคำสั่งให้ "จิ้มลงที่โต๊ะ"
ผลลัพธ์: นิ้วของผู้ทดลองจมลงไปในโต๊ะจนถึงข้อนิ้วแรก แม้ว่าจะตัวผู้ทดลองจะตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ไม่ได้รายงานถึงความรู้สึกเจ็บ ไม่สบาย หรือความรู้สึกอื่นใดเลยภายใต้จุดเชื่อม อย่างไรก็ตาม นิ้วของเขาได้เริ่มบวมขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายเป็นสีม่วง เนื่องจากระบบไหลเวียนโลหิตยังคงสูบฉีดเลือดไปยังบริเวณที่ไม่สามารถส่งเลือดกลับคืนได้อีก นิ้วของเขาจึงได้ถูกตัดออกระหว่างข้อนิ้วแรกและข้อนิ้วที่สอง

การทดลอง 19:
วัสดุที่ใช้ทดลอง: เครื่องยนต์เจ็ท Pratt & Whitney F100 จำนวน 1 เครื่อง เพดานเสริมแรงของพื้นที่กักกัน 19b
ขั้นตอน: SCP-170 จะถูกทาติดไว้ที่ส่วนยึดของเครื่องยนต์ไอพ่น ซึ่งจะถูกดันขึ้นไปอย่างรวดเร็ว 3.2 ซม. (ประมาณ 1.25 นิ้ว) บนเพดานห้อง หลังจากที่ได้เชื่อมต่อระบบจ่ายเชื้อเพลิงและระบบควบคุมที่เหมาะสมแล้ว เครื่องยนต์ไอพ่นก็จะถูกจุดให้ติด
ผลลัพธ์: เครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 40 นาที ในขณะที่กล้องเฝ้าสังเกตจุดเชื่อมต่อว่ามีสัญญาณของแรงเค้นหรือไม่ แม้ว่าจะมีรอยแตกร้าวเล็กๆ ปรากฏบนคอนกรีตรอบจุดเชื่อมต่อ แต่ก็ไม่มีข้อบ่งชี้ถึงความล้มเหลวของโครงสร้างหรือการแยกตัวของวัสดุทั้งสอง แม้จะอยู่ภายใต้แรง 120,000 นิวตันก็ตาม

[[include :scp-wiki:component:license-box]]

Filename: xray.jpg
Author: far2far2
License: CC BY-SA 3.0
Source Link: Link

[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]

SCP-170 สุดยอดกาว โดย Guy777Guy777, 29 Sep 2024 08:16

[[module Rate]]

วัตถุ #: SCP-164

ระดับ: Euclid

มาตรการกักกันพิเศษ: เชื้อของ SCP-164 นั้นควรถูกกักกันโดยใช้ขั้นตอนมาตรฐานสำหรับชีวอันตรายระดับ 3 และจัดเก็บไว้ในหน่วยกักเก็บสิ่งชีวภาพแบบแช่เย็นที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส โดยจะต้องทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเชื้อ SCP-164 จะสามารถก่อโรคได้ แต่ตัวเชื้อเองนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันง่ายนัก นักวิจัยที่ทำงานกับเชื้อดิบหรือผู้ติดเชื้อนั้นควรทำโดยใช้ความระมัดระวัง แต่โดยทั่วไปแล้ว ถุงมือลาเท็กซ์และหน้ากากอนามัยจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคเพียงพอ บุคลากรที่ติดเชื้อโดยไม่ได้ตั้งใจจะต้องได้รับเคมีบำบัดเป็นเวลา 6 เดือนเมื่อแสดงอาการครั้งแรก และจะต้องผ่าตัดตามความจำเป็น

การระบาดในหมู่พลเรือนควรได้รับการจัดการโดยใช้มาตรการปกปิด อาเลฟ-█ สำหรับวัสดุแพร่เชื้อ

รายละเอียด: SCP-164 เป็นเซลล์มะเร็งชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดเนื้องอกคล้ายของมะเร็งซาร์โคมาในร่างกายของโฮสต์ แม้ว่า DNA ของเซลล์จะดูเหมือนว่าจะมาจาก DNA ของมนุษย์เป็นหลัก แต่เซลล์เหล่านี้ก็จะมีอยู่ในรูปแบบปรสิตเซลล์เดียวที่สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ มีลักษณะเฉพาะอยู่หลายประการทำให้ SCP-164 โดดเด่น:

  • SCP-164 เป็นมะเร็งปรสิตเพียงชนิดเดียวที่สามารถแพร่เชื้อสู่คนได้ เชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการสัมผัสทางเลือด การมีเพศสัมพันธ์ การสัมผัสทางผิวหนัง และการสัมผัสทางอากาศ การให้เคมีบำบัดและการผ่าตัดมีประสิทธิผลในการรักษาโรคนี้ในเกือบทุกระยะ
  • เนื้องอกที่ถูกผลิตโดย SCP-164 ซึ่งเติบโตเกินขนาดที่กำหนดใน 75% ของกรณีนั้น จะเป็นไปตามพฤติกรรมปกติของมะเร็งซาร์โคมา อย่างไรก็ตาม ใน 25% ของกรณี วัสดุในร่างกายของโฮสต์จะถูกใช้เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ซึ่งไม่มีความข้องเกี่ยวกันภายในเนื้องอก ในกรณีที่มีเนื้องอกหลายก้อน เนื้องอกบางส่วนหรือทั้งหมดอาจเป็นไปตามพฤติกรรมนี้ สิ่งมีชีวิตดังกล่าวดูเหมือนจะเริ่มต้นเป็นไซโกต (ไข่ที่ได้รับการผสมพันธุ์) และขยายพันธุ์เหมือนกับทารกในครรภ์ เมื่อมองจากภายนอก ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะไม่ต่างจากการสร้างเนื้องอกตามปกติ และอาจไม่มีการสังเกตเห็นในระยะเริ่มต้น

สิ่งมีชีวิตที่โตเต็มวัยนั้นได้รับการระบุว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอยู่กับเนื้องอกเดิม โดยจะสอดคล้องกับสายพันธุ์ที่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนในอันดับ Teuthida (ปลาหมึก) การนำสิ่งมีชีวิตดังกล่าวออกมาแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถดำรงชีวิตได้ในสภาพทางทะเล และจะกระทำการตามปกติ เช่น การเคลื่อนที่ การหาอาหาร การป้องกันตัวขั้นพื้นฐาน การสืบพันธุ์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตดังกล่าวจะยังคงดำรงชีวิตได้ในเนื้องอกเดิม โดยแทบจะไม่ขยับหรือเปลี่ยนตำแหน่งเลย และจะเติบโตในอัตราที่สม่ำเสมอต่อไปจนกว่าโฮสต์จะเสียชีวิตลง การดำรงอยู่และลักษณะของสิ่งมีชีวิต (SCP-164-2) มักจะไม่ชัดเจนในกรณีของพลเรือน จนกว่าจะมีการตรวจชิ้นเนื้อหรือการผ่าตัดเผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่เจริญเติบโตแล้ว

สิ่งมีชีวิตและเนื้องอกของ SCP-164 สามารถที่จะโต้ตอบกับสรีรวิทยาของโฮสต์ในรูปแบบที่น่าสนใจได้ โดยกรณีต่อไปนี้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ:

  • หญิงระดับ-D อายุ 23 ปี: เนื้องอกของ SCP-164 เกิดขึ้นบนผนังมดลูก ร่างกายของโฮสต์ดูเหมือนจะระบุเนื้องอกนี้ว่าเป็นทารกในครรภ์ของมนุษย์ และหลังผ่านไป 9 เดือน ก็คลอดออกมาตามปกติโดยมีตัวอย่าง SCP-164-2 ที่มีชีวิตอยู่ภายใน
  • ชายระดับ-D อายุ 30 ปี: เนื้องอกเกิดขึ้นที่ไขสันหลัง ส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานผิดปกติ การเคลื่อนไหวของ SCP-164-2 จะทำให้แขนขาของตัวบุคคลเคลื่อนไหวไปมาเองเป็นครั้งคราว ซึ่งบ่งชี้ว่าระบบประสาทของสิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดมีการเชื่อมโยงกัน การตรวจชิ้นเนื้อสนับสนุนสมมติฐานนี้ 
  • ชายระดับ-D อายุ 25 ปี: เนื้องอกเกิดขึ้นใกล้หลอดอาหารและหลอดลมของผู้ป่วย ในตำแหน่งที่ปกติแล้วเนื้องอกจะปิดกั้นทางเดินดังกล่าวและฆ่าผู้ป่วยลงอย่างรวดเร็ว แต่เนื้องอกก็กลับเติบโตไปที่ด้านหลังคอ ทำให้ผู้ป่วยไม่เสียชีวิตลงตามจุดปกติ แพทย์ █████ ชี้ให้เห็นว่านี่อาจเป็นการกระทำโดยเจตนาของ SCP-164

[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=Sophia Light]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]

[[module Rate]]

วัตถุ #: SCP-163

ระดับ: Safe

มาตรการกักกันพิเศษ: พื้นที่กั้นล้อมของ SCP-163 จะประกอบด้วยห้องที่ตั้งอยู่ติดกันสี่ห้อง มีความสูงจากพื้นถึงเพดาน 3 เมตร โดยจะมีลักษณะดังต่อไปนี้:

  • ห้องรับของขนาด 5 x 5 เมตร หนึ่งห้อง พร้อมระบบปรับอากาศและที่นั่งที่เหมาะกับทั้ง SCP-163 และสรีระของมนุษย์
  • ห้องเก็บของขนาด 5 x 3 เมตร หนึ่งห้อง ซึ่งสามารถใช้เก็บชุดป้องกัน เครื่องมือ และเกมของ SCP-163 ได้
  • ห้องทำงานและพื้นที่รับประทานอาหารขนาด 20 x 15 เมตร หนึ่งห้อง ซึ่งเก็บเทคโนโลยีที่กอบกู้มาได้ทั้งหมดเอาไว้ รวมไปถึง SCP-163-1 ด้วย
  • พื้นที่นอนและห้องพักผ่อนขนาด 5 x 5 เมตร หนึ่งห้อง พร้อมที่นั่งและชุดเครื่องนอนที่เหมาะกับสรีระของ SCP-163

อากาศจะถูกกรองเข้าไปในพื้นที่และจะถูกตรวจสอบโดยอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลาโดยคอมพิวเตอร์และเจ้าหน้าที่วันละครั้งเพื่อตรวจสอบสิ่งปนเปื้อน จะต้องมีการเปลี่ยนตัวกรองทุกๆสัปดาห์หรือทุกครั้งที่พบสิ่งปนเปื้อนภายในอากาศ จะมีการใช้ระบบไฟส่องสว่างแยกกันสองระบบในกรง ระบบหนึ่งจะปล่อยรังสีในช่วง 400 นาโนเมตรถึง 700 นาโนเมตร และอีกระบบหนึ่งจะปล่อยรังสีในช่วง 150 นาโนเมตรถึง 300 นาโนเมตร ระบบไฟส่องสว่างหลักจะถูกต้องเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถสังเกตสิ่งต่างๆได้ง่าย ระบบไฟส่องสว่างรองสามารถจะถูกเปิดหรือปิดได้ตามดุลยพินิจของ SCP-163 ห้ามไม่ให้มีการใส่สารหรือสารเคมีใดๆเข้าไปในพื้นที่เกินกว่าปริมาณที่กำหนดไว้ในคู่มือ M-163-1 ในทุกกรณีๆ เจ้าหน้าที่และสิ่งของใดๆที่ถูกนำติดตัวมาด้วยจะได้รับตรวจสอบถึงร่องรอยของสารเคมีเหล่านี้ก่อนจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่

เจ้าหน้าที่จะต้องสวมชุดป้องกันตลอดเวลาที่ได้อยู่ในพื้นที่กั้นล้อมเพื่อป้องกันตนเองและ SCP-163 จากการปนเปื้อนข้ามกัน ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ต้องศึกษาคู่มือ M-163-2 และเข้ารับการสัมภาษณ์กับดร. ████████ บุคลากรที่ได้รับอนุญาตจะได้รับการอนุญาตให้โต้ตอบกับ SCP-163 ได้โดยการช่วยซ่อมอุปกรณ์และเล่นเกมกระดานกับมัน

SCP-163 สามารถออกจากพื้นที่กั้นล้อมได้ตลอดเวลา โดยต้องแสดงเจตนาที่จะออกจากกรงด้วยท่าทางที่ตกลงกันไว้ก่อน จากนั้นจึงเข้าสวมชุดป้องกัน ชุดดังกล่าวมีตัวกรองอากาศแบบเดียวกับที่ใช้ในการหมุนเวียนอากาศในกรง เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น SCP-163 สามารถที่จะพกไฟฉาย UV ที่สามารถปล่อยรังสีความยาวคลื่นไม่น้อยกว่า 280 นาโนเมตร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งผิวหนังขึ้นในหมู่บุคลากรให้น้อยที่สุด ในขณะที่ SCP-163 กำลังเดินชมพื้นที่กักกันอยู่นั้น จะต้องมีนักวิจัยรุ่นน้องคอยติดตาม และบันทึกการกระทำ ท่าทาง และการแสดงออกทั้งหมดด้วยกล้องวิดีโอ นอกจากนี้ ผู้คุ้มกันก็จะต้องห้ามไม่ให้ SCP-163 เข้าไปในพื้นที่ใดๆที่ถูกถือว่าเป็นอันตรายต่อมัน

ในทุกๆสาม (3) วัน บุคลากรจะต้องนำภาชนะขนาด 20 ลิตรที่มีองค์ประกอบทางเคมีตามสัดส่วนที่ระบุไว้ในคู่มือ M-163-1 ไปที่ห้องรับของ จากนั้น SCP-163 จะนำภาชนะนั้นไปเทสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในลงใน SCP-163-1 แล้วจึงนำภาชนะเปล่าไปวางไว้ในห้องแอร์ล็อคเพื่อนำออกมา

อุปกรณ์ต่างๆจะถูกนำออกจากพื้นที่กั้นล้อมได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในการเฝ้าดูของ SCP-163 เท่านั้น หาก SCP-163 ขัดขวางการถอดอุปกรณ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ให้วางอุปกรณ์ชิ้นนั้นกลับคืนในบริเวณที่นำอุปกรณ์ชิ้นนั้นมา ห้ามมิให้บุคลากรทำการถอดประกอบ ใช้งาน หรือถอด SCP-163-1 ไม่ว่าจะในกรณีใดๆก็ตาม หากมีบุคคลใดที่พยายามจะทำเช่นนั้น บุคคลนั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก

รายละเอียด: SCP-163 เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากนอกโลก เมื่อยืนขึ้นจะมีความสูง 2 เมตรและกว้าง 1.5 เมตร โดยส่วนหลักของร่างกายจะห้อยอยู่สูงจากพื้น 50 เซนติเมตร ลำตัวมีรูปทรงคล้ายทรงกระบอก มีปากทรงกลมอยู่ด้านล่าง และส่วนที่เทียบได้กับหัวอยู่ด้านบน มีขา 8 ข้างที่มีข้อต่อ 3 ข้อเรียงกันเป็นรัศมีรอบเส้นศูนย์สูตร SCP-163 นั้นยังมีแขนขาเฉพาะอีกหลายชุด ดังต่อไปนี้:

  • อวัยวะป้อนอาหารประเภทหยิบจับ 2 ข้าง อยู่บริเวณข้างปากทั้งสองข้าง
  • แขนสองข้างใกล้ส่วนบนของลำตัว ใช้สำหรับการจับต้องอย่างประณีต
  • แขนขนาดใหญ่สองข้างซึ่งอยู่ใกล้กับขา ใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายและยกของหนัก ซึ่งก็สามารถสร้างแรงคงที่ได้ที่ประมาณ 500 นิวตันและแรงกระแทกที่มากได้ถึง 2,000 นิวตัน
  • อวัยวะ 2 ชิ้นที่มีหน้าที่ไม่ชัดเจนอยู่ระหว่างขาและปาก ซึ่งถูกตัดออกไปก่อนจะมีการค้นพบ SCP-163

ในระยะ 30 ซม. จากส่วนบนของลำตัวนั้นมีตาข้างเดียวที่ทอดยาวเป็นวงแหวนโดยรอบ ทำให้มันสามารถมองเห็นได้ 360 องศา แต่ก็ยังมีจุดบอดที่ด้านหลังศีรษะเพื่อเว้นพื้นที่ไว้ให้กับอวัยวะที่ใช้ในการขับของเสียออกจากร่างกาย วงตานี้จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 88 หน่วย สมมติฐานที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ แต่ละหน่วยจะรับข้อมูลแนวตั้งเท่านั้น ในขณะที่สมองจะรับรู้ข้อมูลแนวนอนโดยการเปรียบเทียบข้อมูลจากหน่วยต่างๆ ตาไวต่อแสงที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 150 นาโนเมตรถึง 300 นาโนเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับรังสี UVC ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนบกส่วนใหญ่

SCP-163 มีโครงกระดูกภายในซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อที่มีองค์ประกอบทางเคมีและโครงสร้างคล้ายกับเซลลูโลส โครงกระดูกยื่นออกมาจากข้อต่อบนสุดของขาทั้งสองข้างและดูเหมือนว่าจะถูกทำให้ทื่อลงด้วยวิธีการทางกล เมื่อได้เก็บตัวอย่างจากส่วนที่ยื่นออกมานี้ ก็ไม่มีอาการปวดใดๆถูกแสดงออกมา ผิวหนังของมันจะโปร่งใสต่อความยาวคลื่นแสงที่มองเห็นได้ แต่ก็จะทึบต่อแสงอัลตราไวโอเลต ตัวอย่างเลือดที่ถูกเก็บมาแสดงให้เห็นถึงระบบขนส่งออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์โดยใช้พื้นฐานจากนิกเกิล แทนที่จะเป็นเหล็กหรือทองแดงที่สิ่งมีชีวิตบนบกใช้ และมันก็ยังเป็นสีเขียว การวิเคราะห์เลือดและเนื้อเยื่อแสดงให้เห็นว่าเซลล์ของ SCP-163 ใช้ DNA สำหรับคำสั่งโดยใช้เบส GCAT มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ใช้วิธีอื่นในการตีความคำสั่งดังกล่าว เบสสามชุดยังคงเข้ารหัสกรดอะมิโน แต่ไม่ใช่กรดอะมิโนที่เข้ารหัสในเซลล์บนบก นอกจากนี้ กรดอะมิโนบนบกบางชนิดไม่มีอยู่ในชีววิทยาของมัน ในขณะที่กรดอะมิโนบางชนิดที่มันใช้ไม่มีอยู่ในชีวมณฑลของโลก ทำให้โปรตีนเรียงตัวกันอย่างแตกต่างไปอย่างมาก

สภาพแวดล้อมที่บ้านเกิดของ SCP-163 นั้นน่าจะมีองค์ประกอบต่างๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับบนโลก ซึ่งจะเห็นได้จากความอ่อนไหวต่อองค์ประกอบทั่วไปบางชนิดและการต้านทานต่อองค์ประกอบทั่วไปอื่นๆ ที่น้อยกว่า [ข้อมูลถูกปกปิด] โลหะหนักที่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตบนบกซึ่งถูกใช้ในกระบวนการเผาผลาญของ SCP-163 และถึงแม้ว่า SCP-163 จะไม่ได้ใช้ธาตุเหล็กและแคลเซียมในกระบวนการใดๆ แต่สิ่งเหล่านี่ก็ไม่ได้ก่อผลเสียใดๆต่อมัน การสัมผัสเข้ากับ █████████████ ในรูปแบบสารเคมีใดๆ ก็ตามจะทำให้เนื้อเยื่อของมันเสียหาย ███████ และ ███████ เป็นอันตรายต่อ SCP-163 เช่นเดียวกับที่เป็นอันตรายต่อพวกเรา ตารางสารเคมีที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัยทั้งหมด รวมถึงข้อกำหนดด้านอาหารจะถูกบันทึกไว้ในคู่มือ M-163-1 นอกจากนี้ บรรยากาศที่นั่นก็น่าจะมีสัดส่วนของก๊าซที่แตกต่างกัน SCP-163 สามารถอยู่รอดในบรรยากาศของเราได้สักระยะหนึ่งโดยไม่ต้องใช้เครื่องจักรช่วย แต่จะเริ่มแสดงอาการป่วยหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง อากาศที่ได้รับการกรองเพื่อกำจัดองค์ประกอบทั่วไปบางชนิดนั้นสามารถจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้ การวิเคราะห์เทคโนโลยีของ SCP-163 นั้นรวมไปถึงการค้นหาห้องปิดสนิทซึ่งอาจมีหลักฐานของบรรยากาศที่เป็นบ้านของมันอยู่ด้วย

ไม่ทราบว่า SCP-163 สื่อสารความคิดที่ซับซ้อนเช่นไร เสียงเดียวที่มันเปล่งออกมาคือคลื่นไซน์คงที่ประมาณ 15 เฮิรตซ์เมื่ออยู่ในสภาวะทางอารมณ์บางสภาวะ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในการเปล่งเสียงนี้ และมันก็อาจกินเวลาได้ตั้งแต่ 15 วินาทีไปถึง 10 นาที ขอแนะนำให้บุคลากรที่ได้ยินเสียงนี้เข้าหาที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอเพื่อป้องกันความรู้สึกหวาดระแวง อารมณ์จะแสดงออกเป็นหลักผ่านเนื้อเยื่อกรอบโค้งเหนือวงตา และสภาวะต่างๆนั้นก็จะสอดคล้องกับการบิดเบี้ยวของร่องผิวหนังโดยกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ ก็ยังสามารถสังเกตได้ถึงท่าทางปฏิเสธและยืนยัน ท่าทางยืนยันประกอบด้วยการตีอย่างรวดเร็วของอวัยวะจับต้องเบาของ SCP-163 ในขณะที่ท่าทางปฏิเสธเป็นท่าทางเดียวกันที่จะถูกกระทำโดยอวัยวะจับต้องหนัก ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับท่าทางและสภาวะทางอารมณ์มีอยู่ในคู่มือ M-163-2

SCP-163-1 ดูเหมือนว่าจะเป็นอุปกรณ์กู้ชีพอเนกประสงค์ ที่สามารถจะเปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีพื้นฐานให้เป็นอาหารสำหรับ SCP-163 ได้ นอกจากนี้ มันก็ยังสามารถก่อปรากฏการณ์ที่พบอยู่ในระหว่างการค้นพบ SCP-163 ได้อีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า SCP-163 จะมีสุขภาพที่ดีต่อไป จึงห้ามมิให้ทำการศึกษา SCP-163-1 จนกว่า SCP-163 จะเสียชีวิตไป การทำงานของอุปกรณ์อื่นๆนั้นยังคงไม่เป็นที่เข้าใจโดยสมบูรณ์ เทคโนโลยีนี้จำกัดอยู่แค่ทรานซิสเตอร์หยาบๆที่ประกอบกันเป็นคอมพิวเตอร์แอนะล็อกเฉพาะทางต่างๆ กระบวนการทางกายภาพหลายอย่างที่คอมพิวเตอร์เหล่านี้จำลองนั้นไม่สอดคล้องกับสิ่งที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่รู้จัก มีทฤษฎีว่า SCP-163-1 อาจต้องอาศัยกระบวนการเหล่านี้บางส่วนเพื่อให้ทำงานได้ 

SCP-163 ถูกค้นพบครั้งแรกโดยคนงานเหมืองในเทือกเขาแอนดีสเมื่อวันที่ ██-██-20██ ชั้นหินที่พบนั้นมีอายุประมาณ █████████ ปี แร่ธาตุที่ตกกระทบในบริเวณใกล้เคียงบ่งชี้ว่ายานอวกาศของมันได้ตกลงมา นักขุดรายงานว่าพวกเขาพบพื้นผิวกระจกที่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ ซึ่งก็หายไปอย่างกะทันหันหลังจากเอาหินออกไปมากพอแล้ว รายละเอียดได้บ่งชี้ว่านี่เป็นปรากฏการณ์เกิดจาก SCP-163-1 ในรัศมีที่ใหญ่กว่า แม้ว่าจะบรรจุอยู่ในหินมาแล้วเป็นเวลา █████████ ปี แต่สิ่งของภายในห้องนั้นไม่มีสัญญาณของความเก่าหรือการเสื่อมสภาพใดๆ เชื่อว่าน่าเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ดังกล่าว อุปกรณ์ประมาณ 30% ถูกปล้นไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงที่เกิดเหตุ แม้บางส่วนจะถูกกู้คืนกลับมาได้แล้ว แต่ก็ยังมีชิ้นส่วนอีกมากมายที่ยังคงสูญหายอยู่ เจ้าหน้าที่ยังคงได้รับมอบหมายให้ค้นหาภายในตลาดมืดต่อไป เพื่อค้นหาเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่อยู่ของเทคโนโลยีที่หายไป

ในช่วงที่เจ้าหน้าที่กำลังเข้าควบคุมสถานการณ์อยู่ SCP-163 นั้นได้ถูกห่อหุ้มด้วยทรงกลมสะท้อนแสงซึ่งผลิตขึ้นโดย SCP-163-1 เนื่องด้วยความที่อินเทอร์เฟซของ SCP-163-1 เข้าใจได้ง่าย เจ้าหน้าที่จึงสามารถปิดการใช้งานมันลงได้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้กำลังในการปราบปราม SCP-163 ซึ่งในขณะนั้นมีความก้าวร้าวเป็นอย่างมาก แต่นอกเหนือจากการพบเจอครั้งแรกนี้แล้ว SCP-163 ก็ให้ความร่วมมือกับสถาบันเป็นอย่างดีในระดับที่มันสามารถจะพอเข้าใจได้

ต่อจากนี้จะเป็นบันทึกการทดลองที่ถูกดำเนินการกับ SCP-163 ซึ่งถูกเลือกมาในบางส่วน รายชื่อการทดลองและผลลัพธ์ฉบับเต็มจะอยู่ในคู่มือ M-163-2

บันทึกการทดลอง 163-46: การแยกแยะใบหน้า

วันที่: ██-██-20██
ผู้ถูกทดลอง: SCP-163
ขั้นตอน: ดร. ████████ เข้าไปในพื้นที่กั้นล้อมของ SCP-163 พร้อมกับการ์ดขนาด 11x17 จำนวนสามสิบ (30) ใบที่มีรูปภาพพิมพ์ด้วยหมึกดูดซับแสงยูวี รูปภาพเหล่านี้เป็นตัวแทนของใบหน้ามนุษย์ที่มีความซับซ้อนแตกต่างกันไป SCP-163 ได้รับภาพเหล่านี้ตั้งแต่ที่ซับซ้อนน้อยที่สุด ซึ่งก็คือ "หน้ายิ้ม" ไปจนถึงที่ซับซ้อนที่สุด ซึ่งก็คือภาพถ่ายของดร. ████████
รายละเอียด: SCP-163 ไม่สามารถที่จะแยกแยะ "หน้ายิ้ม" ที่ทารกมนุษย์สามารถเลียนแบบได้ทันที จนกระทั่งถึงภาพที่สิบแปด SCP-163 จึงตอบสนองโดยหยิบการ์ดแล้ววางไว้ที่ด้านหน้าของแผ่นหน้าของดร. ████████ ภาพที่ 18 ซึ่งมีลักษณะใบหน้าที่เกินจริง ซึ่งรวมถึงจมูก ตา หู และปากที่เปิดออกเผยให้เห็นฟันเรียงกันตรง ภาพที่ 17 ซึ่งมีลักษณะเหมือนกันทุกประการแต่จะมีปากที่ปิดอยู่

บันทึกการทดลอง 163-47: การแยกแยะใบหน้า

วันที่: ██-██-20██
ผู้ถูกทดลอง: SCP-163
ขั้นตอน: ดร. ████████ เข้าไปในพื้นที่กั้นล้อมของ SCP-163 พร้อมกับการ์ดขนาด 11x17 จำนวน 20 ใบที่มีรูปภาพพิมพ์ด้วยหมึกดูดซับแสงยูวี รูปภาพเหล่านี้เป็นตัวแทนของส่วนบนของร่างกายของ SCP-163 ซึ่งมีตั้งแต่รูปสามเหลี่ยมด้านเท่าไปจนถึงรูปถ่ายของ SCP-163
รายละเอียด: SCP-163 ไม่นับไพ่ใบแรกว่าเป็นสายพันธุ์เดียวกับมัน ไพ่ใบที่สองซึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าที่มีเส้นแนวนอนพาดผ่านตรงกลางทำให้มีการตอบสนอง SCP-163 เอาไพ่ทั้งหมดจากดร.████████ แล้วดูไพ่แต่ละใบตามลำดับ จากนั้นจึงจัดไพ่เป็นสองกอง กองหนึ่งมีรูปภาพหกรูปรวมทั้งรูปที่ 1 และกองหนึ่งมีรูปภาพที่เหลือรวมทั้งรูปที่ 2 สันนิษฐานว่ากองแรกมีรูปภาพที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสายพันธุ์ของ SCP-163 ในขณะที่กองที่สองมีรูปภาพที่ระบุได้ การที่รูปถ่ายจริงนั้นถูกจัดไว้ในกองที่สองสนับสนุนสมมติฐานนี้ 

บันทึกการทดลอง 163-80: ทดสอบความมีน้ำใจ

วันที่: ██-██-20██
ผู้ถูกทดลอง: SCP-163
ขั้นตอน: ดร. ████████ เข้าไปในพื้นที่กั้นล้อมโดยถือบล็อกไม้สองอันและกล่องที่สามารถจุบล็อกดังกล่าวได้ทั้งสองอัน ดร. ████████ เปิดกล่องและย้ายบล็อกอันหนึ่งอันเข้าไปโดยแสร้งทำเป็นใช้ความพยายามอย่างหนัก หลังจากที่ได้ปิดกล่องลงแล้ว ดร. ████████ ก็จะย้ายบล็อกที่สองเข้าไปโดยแสร้งทำเป็นใช้ความพยายามอีกครั้งแล้วจึงรอการตอบสนองจาก SCP-163
รายละเอียด: SCP-163 เปิดกล่องให้กับดร.████████ หลังจากที่เขาพยายามใส่บล็อกลงไปในกล่องในขณะที่ฝากล่องกำลังปิดอยู่ได้เป็นเวลา 10 วินาที ผลลัพธ์สอดคล้องกับการทดลองแบบเดียวกันกับที่ทำกับเด็กมนุษย์ 

บันทึกการทดลอง 163-88: กระบวนการคิดขั้นสูง

วันที่: ██-██-20██
ผู้ถูกทดลอง: SCP-163
ขั้นตอน: ดร. ████████ เข้าไปในพื้นที่กั้นล้อมพร้อมกับรถเข็นที่มีขาตั้งภาพ ผ้าใบ 5 ผืน พู่กันหลากชนิด และสารสีสะท้อนคลื่นอัลตราไวโอเลตที่ต่างกันไประหว่าง 150 นาโนเมตรจนถึง 300 นาโนเมตร ดร. ████████ สาธิตการวาดภาพโดยใช้สารสี 3 ชนิดคร่าวๆ ก่อนจะส่งพู่กันให้กับ SCP-163
รายละเอียด: SCP-163 เริ่มวาดภาพด้วยสารสีที่เตรียมไว้ในทันที จากภาพ UV นั้น ภาพที่ได้คือภาพภูมิประเทศที่มีพืชและสัตว์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก SCP-163 ยืนนิ่งเป็นเวลาเจ็ดนาทีหลังจากวาดภาพเสร็จก่อนที่จะกระแทกมันออกจากขาตั้งและถอยไปที่มุมหนึ่งของห้องรับของ สันนูนบนกะโหลกศีรษะของมันบ่งบอกถึงความทุกข์ทรมาน ความพยายามเพิ่มเติมทั้งหมดในการโต้ตอบกับ SCP-163 ล้มเหลวจนกระทั่งดร. ████████ พยายามเอาอุปกรณ์วาดภาพออกจากพื้นที่กั้นล้อม เมื่อถึงจุดนั้น อวัยวะจับต้องหนักของ SCP-163 ก็ยื่นออกมาจากระหว่างขาของมันและแสดงถึงท่าทางเชิงลบ ในวันถัดมา ก็สังเกตุได้ว่า SCP-163 กำลังวาดภาพอยู่บนผืนผ้าใบใหม่

ภาคผนวก 163-88:
ณ วันที่นี้ ควรจะให้มีการจัดหาผ้าใบ สี และพู่กันใหม่ให้ SCP-163 ทุกครั้งที่เสบียงของมันใกล้จะหมด นี่เป็นการสื่อสารที่มีความหมายอย่างแท้จริงครั้งแรกที่เราสามารถเข้าใจได้ อย่างน้อยที่สุด เราก็อาจจะสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบนิเวศของโลกบ้านเกิดของมันได้ - ดร. ████████

ภาคผนวก 163-93:
โอกาสที่เราจะค้นพบ SCP-163 นั้นน้อยจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อพิจารณาจากขนาดของโลก ปัจจัยหลายประการจะต้องเข้ามามีบทบาท รวมถึงการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก การพัฒนาภูมิประเทศโดยมนุษย์ และโชคล้วนๆแล้ว ฉันกำลังยื่นคำแนะนำให้เจ้าหน้าที่ควรติดตามการขุดค้นชั้นดินที่มีอายุ █████████ ปีทั้งหมดเพื่อหาสมาชิกสายพันธุ์ของ SCP-163 เพิ่มเติม ฉันแทบไม่อยากเชื่อว่าเราบังเอิญมาพบยานอวกาศลำเดียวที่ลงจอดบนโลกเมื่อหลายล้านปีก่อนพอดี ในช่วงเวลาที่เราเพิ่งเริ่มพัฒนาศักยภาพในการรับรู้ถึงความสำคัญของการค้นพบนี้ มันจะต้องมียานอวกาศลำอื่นๆซ่อนอยู่ในที่ไหนสักแห่งใต้นั้นแน่ๆ - ดร. ████████

[[include :scp-wiki:component:license-box |author=Flah]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]

[[module Rate]]

วัตถุ #: SCP-156

ระดับ: Euclid

มาตรการกักกันพิเศษ: SCP-156 จะต้องถูกเก็บไว้ในห้องเก็บแช่เย็น 19c เมื่อถูกนำออกไปทำการทดลอง ผู้ที่ได้รับเชื้อ SCP-156 จะต้องถูกควบคุมและเฝ้าติดตามเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนถึง 21 มีนาคม ผู้ที่ได้รับเชื้อควรถูกกักกันเอาไว้ในห้องเก็บที่มั่นคง ยกเว้นแค่ในกรณีที่ขอบเขตของการทดลองระบุไว้ให้ทำเช่นอื่น สถานที่กักเก็บทั้งสองนั้นแห่งควรที่จะได้รับการเฝ้าติดตามผ่านกล้องวงจรปิด การกำจัดและชันสูตรพลิกศพบุคลากรระดับ D ที่ได้รับมอบหมายให้รับมือกับ SCP-156 ควรถูกเลื่อนออกไปเป็นเวลาหลังวันที่ 21 มีนาคม และห้ามมิให้บุคลากรใดๆรับประทาน SCP-156 นอกจากบุคลากรในระดับ D นอกจากจะได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ระดับ 3

รายละเอียด: SCP-156 เป็นกลุ่มของเมล็ดทับทิมจำนวน 181 เมล็ด จำนวนตัวอย่างของ SCP-156 นั้นจะอยู่คงที่ เมื่อมีเมล็ดหนึ่งถูกกินหรือทำลายทิ้ง มันจะถูกแทนที่ด้วยเมล็ดใหม่ซึ่งจะปรากฏขึ้นในกลุ่มตัวอย่างที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่สุดทันที ตัวอย่างสามารถถูกเคลื่อนย้ายไปมาได้อย่างอิสระ แต่หลังจากที่ได้หลุดออกจากกลุ่มแล้ว (กล่าวคือ หลังจากที่ตัวอย่างหนึ่งไม่สัมผัสกับตัวอย่างอื่นๆ) ตัวอย่างนั้นก็จะเน่าเปื่อยตามปกติ หลังจากนั้นจึงจะปรากฏขึ้นใหม่ เมื่อตัวอย่างทั้งหมดถูกทำลายพร้อมกัน ตัวอย่างทั้ง 181 เม็ดจะปรากฏขึ้นอีกครั้งแบบสุ่มในตำแหน่งของเมล็ดทับทิมเม็ดหนึ่งที่ถูกทำลายไป จนถึงขณะนี้ ความพยายามในการวัดระยะเวลาระหว่างการทำลายตัวอย่างทิ้งไปจนถึงการปรากฏขึ้นของตัวอย่างใหม่โดยใช้กล้องความเร็วสูงนั้นล้มเหลว

หาก SCP-156 ถูกรับประทานเข้าไประหว่างวันที่ 21 มีนาคมถึง 20 กันยายน ผู้รับประทานจะไม่แสดงอาการของการติดเชื้อจนกระทั่งเที่ยงของวันที่ 21 กันยายน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดที่มีความสำคัญต่อชีวิตจะหยุดลงอย่างกะทันหัน จะสามารถสังเกตเห็นผลที่คล้ายกันได้ทันทีเมื่อ SCP-156 ถูกรับประทานเข้าไปหลังจากวันที่ 21 กันยายน แม้ว่าในทางเทคนิคนั้นผู้ได้รับผลจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่การชันสูตรพลิกศพของผู้ได้รับผลก็ไม่สามารถตรวจค้นถึงสาเหตุของการเสียชีวิตได้ ผู้ได้รับผลดูเหมือนจะมีสุขภาพที่สมบูรณ์ดี มีอยู่เพียงแค่อาการเจ็บป่วยที่มีเกิดขึ้นในช่วงก่อนการ "เสียชีพ" ผู้ได้รับผลนั้นไม่แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการเน่าเปื่อยใดๆ แต่ร่างกายของผู้ได้รับผลหลายคนนั้นจะมีรอยฟกช้ำและเป็นแผลเป็นปรากฏขึ้นซึ่งสอดคล้องกับการถูกทรมาน ถึงแม้ว่าผู้ได้รับผลส่วนใหญ่จะได้รับรอยรับบาดเจ็บเหล่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับมัน และก็ยังไม่มีสูตรที่เชื่อถือได้ในการคาดการณ์ว่าผู้ได้รับผลคนใดจะได้รับผลกระทบดังกล่าว ผู้ได้รับผลที่ติดเชื้อจะอยู่ในสภาวะนิ่งเฉยจนถึงเที่ยงของวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งกระบวนการคืนชีพจะเริ่มต้นขึ้น ผู้ได้รับผลจะสามารถที่จะจดจำช่วงเวลาระหว่างนั้นได้เพียงเล็กน้อย และในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่นั้นจะไม่รับรู้ว่าเวลาผ่านไปในระหว่างช่วงที่พวกเขาเสียชีวิตไป แต่ก็มีบางคนที่อ้างว่าพวกเขาสามารถจดจำใบหน้าชายสีขาวซีดและต้นทับทิมที่เหี่ยวเฉาได้ 

ในทุกๆปี ผู้ได้รับผลจะเสียและฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ในวันที่ 21 กันยายนและ 21 มีนาคม ตามลำดับ จนกว่าพวกเขาจะเสียชีวิตจากสาเหตุอื่น การฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่จะเกิดขึ้นได้จากการเสียชีวิตที่เกิดจากการรับประทาน SCP-156 เท่านั้น

หลังจากที่ผ่านวัฏจักรการเสีย-ฟื้นชีพมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ผู้ได้รับผลจะเริ่มแสดงอาการทุกข์ใจและความหวาดระแวงในระดับสูงเมื่อเวลาใกล้จะถึงวันที่ 21 กันยายน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทราบถึงวัฏจักรการเสีย-ฟื้นชีพก็ตาม นอกจากนี้ ผู้ได้รับผลจะแสดงความพยายามเป็นอย่างสูงในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหรืออันตรายใดๆต่อร่างกายของตนเอง แม้ว่าพวกเขาจะมีพฤติกรรมชื่นชอบความเสี่ยงก่อนที่จะได้รับประทาน SCP-156 เข้าไปก็ตาม หลังจากที่ได้ผ่านวัฏจักรการเสีย-ฟื้นชีพนี้ไปหลายครั้งแล้ว อาการทางจิตใจเหล่านี้ก็จะแสดงความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน อาการทางกายในช่วงที่ร่างกายนิ่งเฉยก็จะรุนแรงขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลจากอาการเหล่านี้ และบาดแผลทางกายของผู้ได้รับผลก็จะเริ่มปรากฏขึ้นในลักษณะคล้ายแผลไฟไหม้และแผลทิ่มแทงในที่สุด ผู้ได้รับผลจำนวนมากจะเริ่มกลัวสุนัขและต้นไม้ตายหลังจากที่ได้ทำการฟื้นคืนชีพขึ้น 3-5 ครั้ง หลังจากที่ผู้ได้รับผลเสียชีวิตจาก SCP-156 ไปแล้วเป็นจำนวนหลายครั้ง เนื้อเยื่อตาของพวกเขาส่วนใหญ่ก็จะตายลง เนื้อเยื่อนี้จะไม่ฟื้นคืนชีพพร้อมกับส่วนอื่นๆของร่างกาย และหลังจากที่ได้มีการฟื้นคืนชีพสิบครั้งหรือมากกว่านั้น กระบวนการต่างๆในร่างกายจะฟื้นคืนกลับตามปกติ แต่ผู้ได้รับผลนั้นจะไม่สามารถฟื้นคืนสติได้ และเข้าสู่ภาวะโคม่า การเสียและฟื้นชีพจะยังคงดำเนินต่อไปทุกปี ถึงแม้ผู้ได้รับผลจะเข้าสู่ระยะนี้แล้วก็ตาม

สถาบันได้ทราบถึงการมีอยู่ของ SCP-156 หลังจากเหตุการณ์ในเมือง████████ ประเทศกรีซ หลังจากมีผู้เสียชีวิต ██ รายในวันที่ 21 กันยายน 19██ โดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน สถาบันได้เข้ามาเกี่ยวข้องหลังจากที่คนในท้องถิ่นรายงานการกลับมาของผู้เสียชีวิตหลายคนที่ถูกฝังไว้ในห้องใต้ดินในฤดูใบไม้ผลิปีถัดมา หลังจากซักถามบุคคลเหล่านี้แล้ว มีรายงานว่าทุกคนไปงานปาร์ตี้ที่บ้านของ อ█████ ก█████ ซึ่งถูกฝังและพบในสภาพขาดอากาศหายใจในโลงศพ พบ SCP-156 ในบ้านซึ่งยังสดอยู่ แม้ว่าจะผ่านมาหกเดือนแล้วนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ได้มีการทดสอบเริ่มขึ้นกับบุคลากรระดับ-D ในวันที่ ██ สิงหาคม 19██ D-E15624 ซึ่งเป็นผู้ทดสอบคนแรก เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2█ กันยายน ปี19██ และถูกชันสูตรพลิกศพ ไม่พบสาเหตุของการเสียชีวิต บุคคลดังกล่าวถูกทิ้งไว้ภายใต้การเฝ้าติดตามในห้องกักเก็บ ในวันที่ 2█ มีนาคม ปี19██ ผู้ทดสอบเริ่มแสดงอาการของสมองและหัวใจที่เริ่มกลับมาทำงานแม้ว่าร่างกายจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงระหว่างการชันสูตรพลิกศพก็ตาม D-E15624 เสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่นานโดยไม่ได้รู้สึกตัว และเมล็ดทับทิมก็ได้รับสถานะ SCP และได้มีคำสั่งให้มีการทดสอบในระยะยาวขึ้น

[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=Oresthin]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]

[[module Rate]]

วัตถุ #: SCP-154

ระดับ: Euclid

มาตรการกักกันพิเศษ: SCP-154 จะต้องถูกเก็บไว้ในตู้เก็บอาวุธหมายเลข 8 ในศูนย์วิจัยอาวุธ 47 บุคลากรที่ต้องการวิจัยหรือใช้วัตถุจะต้องส่งแบบฟอร์มคำขอที่จำเป็น ผู้ใดที่พยายามจะนำวัตถุออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือนำไปนอกพื้นที่อาคารนั้นจะต้องถูกกำจัดทันทีที่พบเห็น

รายละเอียด: SCP-154 เป็นกำไลข้อมือสัมฤทธิ์เรียบๆ 2 เส้น ทั้งสองม้วนขดเป็นวงกลมทั้งเส้นและมีขนาดใหญ่พอที่จะคล้องกับแขนของคนส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย จากการวิเคราะห์ด้วยสเปกโตรกราฟได้พบว่าสร้อยข้อมือนี้ประกอบด้วยทองแดงล้วน (85%) ดีบุก (11%) สารหนู (3%) และสารเจือปนเล็กน้อยอื่นๆ (<1%)

เมื่อกำไลทั้งสองข้างถูกสวมลงบนแขนข้างเดียวกัน และผู้สวมได้เพ่งสมาธิไปที่กำไลทั้งสองข้างโดยเหยียดแขนออกไปในท่า "ดึงสายธนู" ตามจารีตประเพณี (โดยให้แขนที่ถือกำไลเหยียดตรงไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ และแขนที่อยู่ตรงข้ามเหยียดขึ้นไปถึงข้อศอกของแขนที่เหยียดออกสุด) คันธนูขนาดใหญ่ที่ไม่มีรูปร่างชัดเจนก็จะก่อตัวขึ้นในมือที่ถูกเหยียดออกไป และกำไลทั้งสองข้างจะเรืองแสงออกมาอ่อนๆ

จากจุดนั้นเป็นต้นไป SCP-154 จะสามารถถูกนำใช้เป็นคันธนูได้ จนกว่าท่าทางหรือสมาธิจะขาดหายไป ซึ่งจะส่งผลให้กำไลกลับคืนสู่สภาพปกติ แม้สายธนูจริงๆนั้นจะไม่มีอยู่ แต่การเคลื่อนไหวคล้ายการดึงสายธนูให้สมบูรณ์ก็จะให้ผลเช่นเดียวกัน

เมื่อ "สายธนูถูกดึงและปล่อย" กระดูกภายในแขนข้างที่ถูกเหยียดออกเต็มที่จะถูกขับออกไปด้วยความเร็วมากกว่าสามร้อย (300) เมตรต่อวินาที จากนั้นกระดูกที่หายไปพร้อมบาดแผลซึ่งเกิดการยิงกระดูกดังกล่าวจึงจะฟื้นฟูตนเอง และอาวุธนี้ก็จะสามารถกลับมา "ยิง" ได้อีกครั้งภายในไม่กี่นาที การทดสอบโดยใช้ผู้ทดสอบที่มีหลายแขนขา อย่างเช่น SCP-1884-B1 ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการยิง SCP-154 ได้หลายครั้ง โดยมีการใช้กระดูกของแขนแต่ละข้างในการยิงแต่ละครั้ง

การฟื้นฟูจากวัตถุนี้ก็มีขีดจำกัด โดยมันจะส่งผลต่อความเสียหายที่เกิดจากอาวุธดังกล่าวเท่านั้น การฟื้นฟูนี้ดูเหมือนจะเป็นการกระทำอัตโนมัติและจะดำเนินต่อไปในเกือบทุกสถานการณ์ ทั้งการยิงอาวุธและการฟื้นฟูจะส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นเป็นอย่างมาก และผู้ที่ได้ใช้วัตถุนี้ครั้งหนึ่งมักจะไม่อยากที่จะใช้งานมันซ้ำ

อย่างไรก็ตาม พบว่ามีความผิดปกติบางประการเกี่ยวกับการฟื้นฟู ซึ่งส่วนใหญ่มักจะแสดงออกมาในรูปของการกลายพันธุ์เล็กน้อยของงออร์แกเนลล์ดั้งเดิม เช่น การเปลี่ยนแปลงในขนาด เม็ดสี และโครงสร้างของออร์แกเนลล์เดิม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการใช้อาวุธทุกครั้ง แต่โดยทั่วไปมักจะเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานซ้ำๆ

มีความผิดปกติที่รุนแรงกว่านี้อีก แม้ว่าจะพบได้น้อยกว่ามาก และเกิดขึ้นพร้อมกันกับการใช้งานบ่อยครั้ง การกลายพันธุ์เหล่านี้อาจเป็นได้ตั้งแต่ข้อต่อและนิ้วที่งอกเกินมาในแขนที่ได้รับผลกระทบ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีหรือทางกายภาพของแขนขาอย่างสมบูรณ์

ผู้เข้ารับการทดสอบรายหนึ่งได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กระดูกภายในแขนของเขาถูกเปลี่ยนให้เป็นสารระเบิดที่ไม่เสถียร ซึ่งก็ได้ทราบในภายหลังจากที่มันระเบิดขึ้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย อีกรายหนึ่งนั้นกระดูกและโครงสร้างกล้ามเนื้อทั้งหมดได้เปลี่ยนสภาพเป็นสรีระของงูที่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ 

[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=Kain Pathos Crow]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]

[[module Rate]]

[[include component:image-block
name=http://scp-wiki.wikidot.com/local--files/scp-150/isopod.jpg|
caption=ตัวอย่าง SCP-150 ที่ถูกนำแยกออกมาจากสมองของ D-13732 ขยาย 20 เท่า]]

วัตถุ #: SCP-150

ระดับ: Keter

มาตรการกักกันพิเศษ: ผู้ติดเชื้อ SCP-150 ที่ถูกเก็บไว้เพื่อการศึกษาควรถูกกักกันไว้ในห้องกักกันชีวอันตรายระดับ-3 โดยจะต้องไม่มีตัวอย่างเกินหนึ่งบุคคลต่อห้อง อาณานิคมของ SCP-150 จะถูกบรรจุไว้ในขวดแก้วปิดผนึกสูญญากาศในห้องปฏิบัติการวัสดุติดเชื้อของไซต์-42 ควรจะมีการปฏิบัติตามขั้นตอนการจัดการเชื้อโรคมาตรฐานอยู่ตลอดเวลา หากมีการพบ SCP-150 นอกบริเวณกักกัน ตัวอย่างดังกล่าวนั้นจะต้องถูกเผาทำลายทิ้ง

รายละเอียด: SCP-150 เป็นปรสิตแท้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเหากินลิ้น (Cymothoa exigua) ซึ่งได้ทำการปรับตัวให้สามารถทำการสร้างภาวะอิงอาศัยแบบประสานกับมนุษย์ได้ตลอดช่วงชีวิต เมื่อได้สัมผัสเข้ากับมนุษย์ SCP-150 จะฝังตัวลึกเข้าไปในเนื้อของโฮสต์ดังกล่าว และในช่วงเวลาประมาณเจ็ดวัน ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาหลายอย่างต่อตัวโฮสต์

การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของแขนขาที่อยู่ใกล้บริเวณที่ติดเชื้อให้กลายเป็นรยางค์ไคติน เมื่อ SCP-150 กินเนื้อของโฮสต์ มันจะขับเนื้อเยื่อออกมาเพื่อทดแทนและเพิ่มการทำงานของแขนขาของโฮสต์โดยไม่ทำให้เกิดภาวะการปฏิเสธขึ้น คาดว่า SCP-150 สามารถหลั่งสารระงับความรู้สึกและกดภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของโฮสต์ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว นอกจากนี้ เนื้อเยื่อประสาทที่ SCP-150 ขับออกมายังสามารถเชื่อมต่อกับระบบประสาทของโฮสต์ได้อีกด้วย เมื่อกระบวนการนี้เสร็จสิ้น โฮสต์จะสามารถควบคุมแขนขาที่ได้รับผลกระทบได้โดยไม่สูญเสียการเคลื่อนไหว และมักจะมีความแข็งแรง ปฏิกิริยาตอบสนอง และความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น

SCP-150 จะสืบพันธุ์เป็นเวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์โดยการกินสารอาหารจากหลอดเลือดและฝากไข่1 ไว้ภายในหลอดเลือดที่ถูกประสานจนเรียบร้อยแล้ว ไข่จะถูกฝังไปทั่วร่างกายมนุษย์ผ่านกระแสเลือด แม้ว่าส่วนใหญ่จะตายไป แต่ก็จะมีไข่เพียงพอที่จะเริ่มสร้างอาณานิคมและเปลี่ยนแปลงส่วนอื่นๆของร่างกายได้ แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะรายงานว่าพวกเขารู้สึกไม่สบายและสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวเป็นครั้งคราวในระหว่างกระบวนการนี้ แต่บ่อยครั้งพวกเขาก็จะไม่รู้ถึงสาเหตุของความรู้สึกไม่สบายดังกล่าว ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทำไมลูกหลานของพวกมันจึงไม่แข่งขันกันเพื่อพื้นที่หรือทรัพยากร หรือเหตุใดกระบวนการประสานจึงไม่ทำให้กลไกการส่งสัญญาณของเซลล์และกระบวนการของร่างกายได้รับผลกระทบไปด้วย SCP-150 สืบพันธุ์ในระหว่างกระบวนการประสานนี้ เมื่อปอดถูกประสาน ไข่จะถูกผลิตและแพร่กระจายมากยิ่งขึ้นผ่านการไอของผู้ติดเชื้อ แม้ว่าจะสามารถผลิตไข่ได้มากถึง 10,000 ฟองในช่วงเวลานี้ แต่คาดว่ามีเพียง 1% เท่านั้นที่สามารถหาทางไปสู่โฮสต์อื่นได้ โดยจะมี 1% ในจำนวนนี้ที่จะสามารถรอดชีวิตจากการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของโฮสต์และฝังตัวได้สำเร็จ

ถึงแม้ว่า SCP-150 จะส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางซึ่งรวมถึงไขสันหลังและสมองถูกประสานและเปลี่ยนแปลงไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าจิตสำนึกและพฤติกรรมของโฮสต์จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ การสัมภาษณ์ผู้ที่ติดเชื้อ SCP-150 ให้ข้อมูลมาเพียงเล็กน้อย เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อที่ไม่รู้ตัวว่าตน SCP-150 มีอยู่นั้นจะอ้างว่าตนไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาในประสาทสัมผัสหรือความสามารถใดๆ และในขณะที่ผู้ที่รับรู้ถึงการติดเชื้อจะสามารถระบุถึงแหล่งที่มาของการเปลี่ยนแปลงได้ แต่พวกเขาก็แทบจะไม่แสดงความรู้สึกเชิงลบใดๆและมักจะแสดงความรู้สึกเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นๆอยู่บ่อยครั้ง

ภาคผนวก 150-E: บทบันทึกการทดลองตัดเส้นประสาทบริเวณสมองกลีบหน้าเชิงสำรวจและการเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อประสาท

ผู้ทดสอบ D-Class สองคน คือ D-13732 และ D-016002 ได้รับเชื้อ SCP-150 และได้รับอนุญาตให้ผ่านอยู่พ้นระยะการติดเชื้อทั้งหมด เพื่อตรวจสอบผลกระทบอย่างเต็มที่จากการติดเชื้อ ผู้ทดสอบทั้งสองรายได้รับการผ่าตัดประสาทเชิงสำรวจ D-13732 ถูกทำการุณยฆาต พบว่าเนื้อเยื่อประสาทของเขาถูกแทนที่ด้วย SCP-150 ขนาดเล็กกว่าทั้งหมด เนื้อเยื่อที่ประกอบเป็นเนื้อสมองของเขาถูกแยกออกมาและเก็บไว้เพื่อทำการทดลองกับ D-016002

การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะเพื่อลดความดันภายในและการตัดเส้นประสาทบริเวณสมองกลีบหน้าต่อไปนี้ถูกดำเนินการโดย ดร.ฮาร์แลน ซัน ดร.เวนดี้ โรบิน และ ดร.อเล็กซ์ ฮาร์โลว์  บน D-016002 ต่อไปนี้คือบทถอดความฉบับเต็ม

<เริ่มการบันทึก 21:43>

(D-016002 ถูกวางยาสลบบางส่วนเพื่อให้เกิดการชาขึ้นในช่วงเริ่มต้นการเจาะกระโหลกศีรษะ ไม่มีเหตุการณ์สำคัญใดๆเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการนี้ แม้ว่าฮาร์โลว์จะรายงานว่าคาดว่ากะโหลกศีรษะจะมีแรงต้านน้อยลงในขณะที่กำลังเจาะและตัดแผ่นกระดูกออก เมื่อแผ่นกระดูกถูกนำออกและได้มีการเปิดเยื่อหุ้มสมองชั้นนอกออก ก็พบว่ามี SCP-150 ขนาดเล็กจำนวนมากกำลังนอนอยู่ในโพรงกะโหลกศีรษะซึ่งควรจะมีสมองอยู่ ฮาร์โลว์รายงานเรื่องนี้ให้โรบินทราบ ซึ่งโรบินได้แจ้งซันให้เริ่มกระบวนการสัมภาษณ์ในขณะที่เธอทำเครื่องหมายบริเวณสมองของ D-016002 บนแผนที่ที่ถูกฉายทับรอยเปิดอยู่)

ดร.ซัน: คุณชื่ออะไร?

D-016002: มาโกะ [ข้อมูลถูกปกปิด]

ดร.ซัน: พูดชื่อสิ่งของที่ใช้นั่งได้

D-016002: เก้าอี้

ดร.ซัน: หญ้ามีสีอะไร?

D-016002: เขียว

ดร.ซัน: หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไหร่?

(D-016002 หยุดไปชั่วขณะ)

D-016002: สอง

ดร.โรบิน: เราทำเครื่องหมายตำแหน่งโดยประมาณของบริเวณเวอร์นิเกไว้แล้ว2.

ดร.ฮาร์โลว์ : ขอบคุณมาก ซัน ตอนนี้ผมจะเริ่มเก็บตัวอย่างจากบริเวณนี้แล้ว

(ดร. ฮาร์โลว์ทำการกรีดเยื่อหุ้มสมองชั้นนอกออกอย่างระมัดระวัง แล้วใช้คีมคีบตัวอย่างบางส่วนออกจากบริเวณนั้น เขาใส่ตัวอย่างแต่ละตัวอย่างลงในขวดแก้ว ปิดฝาขวด แล้ววางไว้บนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ตัวอย่างแต่ละตัวอย่างดูเหมือนจะเคลื่อนไหวและเริ่มดิ้นเมื่อถูกดึงออกมาเท่านั้น กระบวนการนี้กินเวลาไปประมาณสิบนาที ในช่วงเวลาดังกล่าว ซันจะถามคำถามเดิมซ้ำๆ กับ D-016002 เมื่อฮาร์โลว์ดึงตัวอย่างออกมาได้ประมาณ 100 ตัวอย่างแล้ว เขาก็ได้ส่งสัญญาณให้ซันดำเนินการต่อ)

ดร.ซัน: พูดชื่อสิ่งของที่ใช้นั่งได้

D-016002: เอิ่อ… อืม ที่นั่ง

ดร.ซัน: หญ้ามีสีอะไร?

D-016002: เขียว.. มั้งนะ?

ดร.ซัน: หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไหร่?

D-016002: …สอง

ดร.ซัน: จดหมายเหตุสำหรับการบันทึกไว้ว่าการตอบสนองของ D-016002 ช้าลงเล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่าตัวอย่างต่างๆภายในโพรงกะโหลกศีรษะของเธอทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเซลล์ประสาท แม้จะไม่ชัดเจนว่าแต่ละตัวอย่างเทียบได้เท่ากับเซลล์ประสาทกี่เซลล์ก็ตาม

ดร.ฮาร์โลว์: ตอนนี้ผมกำลังวางตัวอย่างเนื้อเยื่อประสาทที่ได้รับจาก D-13732 ลงใน D-016002 ตัวอย่างจาก D-13732 ได้รับการทำเครื่องหมายไว้ด้วยสีย้อมเรืองแสงกัมมันตภาพรังสีเพื่อแยกแยะพวกมันสำหรับการนำเก็บในภายหลัง

ดร.ซัน: พูดชื่อสิ่งของที่ใช้นั่งได้

D-016002: โซฟา

ดร.ซัน: หญ้ามีสีอะไร?

D-016002: ฟ้า

ดร.ซัน: หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไหร่?

D-016002: สอง

ดร.ซัน: สิบคูณสิบเอ็ดได้เท่าไหร่?

D-016002: หนึ่งร้อยสิบเอ็ด

ดร.ซัน: การตอบสนองของ D-016002 กลับมาเป็นปกติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถสลับเนื้อเยื่อประสาท 150 ชิ้นระหว่างโฮสต์แต่ละรายได้อย่างอิสระโดยไม่เกิดภาวะปฏิเสธ ตอนนี้เราจะเริ่มขั้นตอนสุดท้าย D-016002 คุณจะได้รับยาสลบแบบทั่วไปเต็มปริมาณ

(D-016002 ได้รับยาสลบทั่วไปซึ่งใช้เวลาหลายวินาทีจึงจะเริ่มออกฤทธิ์)

ดร.ซัน: ขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาสลบอย่างสมบูรณ์ ดร. ฮาร์โลว์ คุณสามารถเริ่มขั้นตอนการสกัดเนื้อเยื่อได้เลย สำหรับขั้นตอนสุดท้ายนี้ เราจะพยายามแทนที่เนื้อเยื่อสมองของ D-016002 ด้วยเนื้อเยื่อสมองของ D-13732 ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ ในระหว่างการสำรวจโพรงกะโหลกศีรษะของ D-13732 ดร. ฮาร์โลว์และผมสังเกตเห็นว่าเนื้อเยื่อสมองที่เชื่อมเนื้อสมองของเขากับไขสันหลังไม่ได้ถูกยึดไว้อย่างแน่นหนา และก็ดูเหมือนว่าเนื้อเยื่อสมองทำการจะสลับตำแหน่งกับเนื้อเยื่อสมองอื่นๆ เราจะมาดูกันว่าความเข้ากันได้นี้จะขยายไปได้มากแค่ไหน

(ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่ดร.ฮาร์โลว์ ซัน และโรบิน กำลังถอดส่วนบนของกะโหลกศีรษะของ D-016002 ออก และเริ่มนำส่วนสมองของเธอออกมาใส่ในภาชนะแก้วขนาดใหญ่)

ดร.ซัน: การนำออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนสมองของ D-016002 ได้ถูกนำแยกออกมาอย่างสำเร็จ ขณะนี้ ดร.ฮาร์โลว์กำลังใส่เนื้อสมองของ D-13732 เข้าไปในโพรงกะโหลกศีรษะที่ถูกเปิดออกของ D-016002

(มีความเงียบต่อมาเป็นเวลาหลายนาที)

ดร.โรบิน: หัวใจเต้นสม่ำเสมอ ยังหายใจและมีชีพจรอยู่ ขออีกนาที… โอเค ฉันจะปลุกเธอขึ้นแล้ว

(มีการหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะในขณะที่ดร.โรบินกำลังลดยาสลบและ D-016002 ตื่นขึ้น)

ดร.ซัน: คุณชื่ออะไร?

D-016002: ไมเคิล [ข้อมูลถูกปกปิด]3

ดร.ฮาร์โลว์: พระเจ้า (เป็นเสียงแว่วๆในพื้นหลัง)

ดร.ซัน: พูดชื่อสิ่งของที่ใช้นั่งได้

D-016002: บีนแบ็ก

ดร.ซัน: หญ้ามีสีอะไร?

D-016002: เขียว

ดร.ซัน: หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไหร่?

(ไมโครโฟนสามารถตรวจจับเสียงเฉอะแฉะได้เบาๆ)

ดร.โรบิน: เฮ้ เอ่อ ซัน —

D-016002: สอง

ดร.โรบิน: ซัน ดูสิ

(ดูเหมือนว่าสมองของ D-016002 จะเคลื่อนไหวด้วยตนเอง ขยับไปมาอย่างละเอียดอ่อน)

ดร.ฮาร์โลว์: อืม… เพิ่งจะมีงั้นครั้งแรก

ดร.ซัน: คุณรู้สึกเจ็บปวดตรงไหนบนร่างกายบ้างไหม?

D-016002: ผมรู้สึกหนักหน้าอกนิดหน่อย แต่นอกจากนั้นก็รู้สึกเหมือนเดิม

ดร.ซัน: งั้นก็เยื่ยม แล้วตอนนี้มี —

D-016002: คือปกติแล้วผมจะรู้สึกกระตือรือร้น ตอนก่อนผ่าตัดก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมค่อนข้างเหนื่อยเลย ช่วงนี้ผมชอบออกกำลังกายก่อนเข้านอน แต่ผมคงทำที่นี่ไม่ได้ งั้นผมขอนอนพักสักหน่อยได้หรือเปล่า?

ดร.ซัน: นอนพักหรอ?

D-016002: แบบสักสามถึงห้านาทีน่ะ จะให้ผมนอนตรงนี้เลยก็ได้ (สมองส่วนบนของ D-016002 บางส่วนแยกออกก่อนจะส่งเสียงครางหงิงๆ หลังจากส่วนนั้นปิดลง สมองของ D-016002 ก็หดกลับไปหาตัวเองอย่างรวดเร็ว ดวงตาของ D-016002 ปิดลง)

ดร.ซัน: นั่นดูไม่ดีเลย (ดร.โรบินก้าวถอยห่างจากห้องผ่าตัด พร้อมส่งเสียงใกล้อาเจียนในขณะที่กำลังออกจากห้อง)

Dr. Harlow: D-016 - อ่า D-13732 คุณสบายดีหรือเปล่า?

D-016002: ใช่ (หาว) ผมสบายดี ถามทำไมหรอ?

[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=The Raven, A Random Day, and Decibelles]]

Filename: isopod.jpg
Name: Isopod, Glyptonotus antarcticus.jpg
Author: Zureks
License: CC BY-SA 3.0
Source Link: Wikimedia

[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]

[[module Rate]]

วัตถุ #: SCP-146

ระดับ: Euclid

มาตรการกักกันพิเศษ: มาตรการกักกันได้รับการแก้ไขหลังจากที่ได้พบว่าผลกระทบของ SCP-146 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายภายใต้การกักกันครั้งก่อน (ถังเก็บของนิรภัยมาตรฐานขนาดครึ่งลูกบาศก์ (0.5) เมตร) ถังนี้ไม่ควรถูกนำมาใช้ แต่หากมีผู้วิจัยคนใดต้องการที่จะทดสอบ SCP-146 ในระดับความเข้มข้นสูง บุคลากรคนนั้นๆจะต้องมีระดับการเข้าถึงเกินระดับ 3 เท่านั้นจึงจะได้รับอนุญาติให้ทำการปิดล้อมหรือคลุม SCP-146 นานเกินสองวัน

ในระหว่างการจัดเก็บตามปกติ SCP-146 จะต้องถูกวางไว้บนแท่นหินอ่อนในห้องเก็บของของมัน ซึ่งอยู่ที่ [ข้อมูลถูกปกปิด] ห้องเก็บมาตรฐานของ SCP-146 จะต้องมีขนาดไม่น้อยกว่ายี่สิบ (20) ตารางเมตร โดยจะมีผนังปูนฉาบและเพดานซึ่งถูกทาสีให้ดูเหมือนท้องฟ้าแจ่มใสในตอนกลางวัน ห้องจะต้องมีแสงที่สว่างเพียงพอ (เทียบเท่าแสงแดดที่จ้าอย่างเต็มที่) อยู่ตลอดเวลา ประดับด้วยกระถางต้นไม้หลากหลายชนิด (ซึ่งต้องมีการดูแลในทุกๆวัน) และถูกตกแต่งในลักษณะของช่วงสาธารณรัฐตอนปลายของกรุงโรม (ประมาณ 120-80 ปีก่อนคริสตกาล) การทดลองกับลักษณะการตกแต่งภายในที่แตกต่างกันแสดงให้เห็นว่า SCP-146 ดูเหมือนจะชอบการจัดวางแบบนี้ และมีรสนิยมด้านสุนทรียศาสตร์ที่สอดคล้องกับชนชั้นสูงของกรุงโรมในยุคนั้น แม้ว่าการมาตรการนี้จะถูกถือเป็นมาตรฐาน แต่ผู้วิจัยที่มีระดับการเข้าถึง 2 ขึ้นไปอาจทดลองกับรูปแบบการกักกันที่แตกต่างกันได้เพื่อปรับเปลี่ยนผลกระทบของ SCP-146

แม้ว่าตัว SCP-146 เองนั้นจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และไม่จำเป็นต้องมีการรักษาความปลอดภัยมากมาย แต่บุคลากรที่จะต้องเข้าไปในพื้นที่กักกันหรือจับต้องมันด้วยวิธีใดๆ จะต้องไม่ทำการสบตากับ SCP-146 ความพยายามในการปิดบัง SCP-146 เพื่อป้องกันการสบตาใดๆนั้นถูกสั่งห้าม เนื่องจากที่การกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้ SCP-146 ส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่สามารถคาดเดาได้ โดยทั่วไปแล้ว การปิดบังหรือกักเก็บเป็นเวลาหนึ่ง (1) วันจะทำให้ SCP-146 ข้ามช่วงเริ่มต้นของผลกระทบและเริ่มต้นด้วยความทรงจำที่เลวร้ายที่สุด หลังจากสาม (3) วัน SCP-146 ได้แสดงให้เห็นว่ามันสามารถแสดงผลกระทบได้โดยไม่ต้องสบตากับมันโดยตรงก่อน หลังจากเจ็ด (7) วันนั้น ผลกระทบของ SCP-146 จะรุนแรงขึ้นมากและไม่จำกัดอยู่แค่ผู้ได้รับผลซึ่งอยู่ในขอบเขตการมองเห็นของ SCP-146 อีกต่อไป นักวิจัยในห้องใกล้เคียงเคยได้รับผลกระทบและหนึ่งในนั้นก็ถูก [ข้อมูลถูกปกปิด] อย่างถาวร ไม่อนุญาตให้มีการทดลองใดๆเกินเจ็ด (7) วันตามคำสั่งของ O5-█ ผ้าปิดตาและฉากกั้นตกแต่งจะถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับบุคลากรที่จำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่กักกันของ SCP-146 เพื่อทำการบำรุงรักษา

รายละเอียด: SCP-146 เป็นศีรษะสัมฤทธิ์กลวง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของรูปปั้นหรือรูปสลักครึ่งตัวที่สมบูรณ์ มีลักษณะเป็นรูปหญิงสาวหรือชายหนุ่มที่มีรูปหน้าคล้ายกับผู้หญิงสวมมงกุฎ วัตถุจะมีรอยสนิมเขียวเข้มปกคลุมพื้นผิวส่วนใหญ่เอาไว้ มงกุฎของ SCP-146 นั้นจะถูกประดับด้วยเครื่องประดับเงิน และลูกตาของมัน (ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของผลกระทบของ SCP-146) ก็ถูกทำขึ้นจากเงินและขัดเงาจนสามารถสะท้อนแสงได้เล็กน้อย จนถึงขณะนี้ SCP-146 ก็ยังไม่แสดงสัญญาณของการเคลื่อนไหวใดๆ แต่ปฏิกิริยาของมันต่อเครื่องประดับบางอย่างในพื้นที่กักกันก็ได้บ่งชี้ว่ามันอาจมีความสามารถในการรับรู้ในระดับหนึ่ง และอาจมีความสามารถในการรู้สึกนึกคิด หาก SCP-146 สามารถสื่อสารได้ มันก็ยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถดังกล่าว

SCP-146 มีความสามารถในการเข้าถึงและทำให้ความทรงจำบางประการผุดกลับเข้ามาในหัวของผู้ที่เริ่มสบตากับมันได้ โดยความทรงจำเหล่านี้ก็มักจะมีความเชื่อมโยงกับความรู้สึกผิดหรืออับอายในตัวบุคคลนั้นๆ หลังจากสบตาครั้งแรกแล้ว บุคคลดังกล่าวเพียงแค่จะต้องอยู่ในระยะการมองเห็นของ SCP-146 สักระยะหนึ่งเพื่อให้ความทรงจำและความรู้สึกที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การสบตาอย่างต่อเนื่องก็สามารถจะเพิ่มความรวดเร็วให้กับกระบวนการนี้ได้เช่นกัน

เมื่อได้ทำการสบตาเข้ากับ SCP-146 เป็นครั้งแรก ความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นก็จะเริ่มปรากฏขึ้นในหัวของผู้ได้รับผล ตัวอย่างเช่น ผู้ได้รับผลที่เพิกเฉยต่อเพื่อนที่อยู่ในห้องเดียวกันหรือขับรถเร็วเกินกำหนดจะนึกถึงเหตุการณ์เหล่านี้และเริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย ไม่ว่าโดยปกติแล้วพวกเขาจะสนใจเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม เมื่อได้รับผลจากสายตาของ SCP-146 ติดต่อกันเป็นเวลานาน ความทรงจำที่เก่าและชัดเจนขึ้นมากกว่าก็จะเริ่มผุดขึ้นในความคิดของผู้ได้รับผล พร้อมกันกับความรู้สึกละอายใจที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยทั่วไป หลังจากได้ถูกจ้องมองเป็นเวลาสามสิบ (30) นาที ความทรงจำที่ชัดเจนนั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นอาการประสาทหลอนอย่างรุนแรง โดยผู้ได้รับผลจะไม่สามารถแยกแยะอดีตจากปัจจุบัน หรือสิ่งที่จินตนาการขึ้นจากความเป็นจริงได้ และจากการสังเกตก็ได้พบว่าผู้ได้รับผลยังจะประสบกับภาวะบุคลิกภาพถดถอยอีกด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่มีการนึกขึ้นถึงความทรงจำเกี่ยวกับบาดแผลในวัยเด็ก ผู้ที่ได้รับผลจาก SCP-146 นานมากกว่าสามสิบ (30) นาทีควรถูกจับขังแยกไว้ทั้งเพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น ส่วนผู้ที่ได้รับผลจาก SCP-146 เป็นเวลาหกสิบ (60) นาทีนั้นจะถดถอยกลับไปสู่อาการหลอนอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดที่ฟื้นคืนสติมาจากสภาวะเหม่อลอยนี้ได้ ผู้ได้รับผลคนดังกล่าวจะต้องได้รับอาหารผ่านทางเส้นเลือด และพวกเขาก็จะไม่แสดงการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกใดๆ เว้นเพียงแค่ส่งเสียงพึมพำที่สอดคล้องกับอาการถดถอยเป็นครั้งคราว

นอกจากนี้ ก็ยังสังเกตได้ว่าเมื่อผู้ได้รับผลนั้นนึกถึงเหตุการณ์น่าอับอาย พวกเขาจะรู้สึกจำเป็นที่จะต้องแก้ไขการกระทำของตนเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วไม่ใช่ปัญหาในกรณีของความผิดเล็กๆน้อยๆ และในบางกรณีก็ได้ทำให้บุคคลากรมีความสามัคคีกันมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ได้รับผลไม่สามารถที่จะแก้ไขความผิดได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่สามารถที่จะติดต่อฝ่ายที่ถูกกระทำผิดได้ หรือเพราะความผิดนั้นไม่สามารถที่จะถูกแก้ไขได้ ในบางครั้ง ผู้ได้รับผลจะพยายามทำความดีอย่างต่อเนื่องเพื่อ "ชดเชย" ความรู้สึกผิดของตน อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้ได้รับผลจะตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงและ/หรือหันไปลงโทษตนเองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น การทำร้ายตนเองและการฆ่าตัวตาย โปรดดูบันทึกการทดลองที่แนบมาเพื่อดูกรณีต่างๆอย่างละเอียด

SCP-146 ได้ถูกเก็บกู้มาจากนาย ████ ███████ จากเมืองเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร นาย ███████ ได้ซื้อ SCP-146 มาในระหว่างที่ขายทรัพย์ขายทอดตลาดของนักการกุศลที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งมีนามว่า ███████ █████████ ลอร์ดแห่ง ████████████ มันได้ถูกซื้อไปพร้อมกับของโบราณอื่นๆอีกหลายชิ้นในราคา █████ เมื่อนาย ███████ เริ่มมีอาการของ SCP-146 เขาก็เริ่มไปพบจิตแพทย์ ซึ่งเป็นเอเย่นต์ UA33-56G ที่กำลังแฝงตัวอยู่ นาย ███████ ได้ถูกส่งให้ไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ และ SCP-146 นั้นก็ถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของสถาบัน บันทึกของ UA33-56G เกี่ยวกับสภาวะจิตใจของนาย ███████ ได้ถูกจัดเก็บไว้ และสามารถให้นักวิจัยระดับ 2 ขึ้นไปเข้าศึกษาได้ โดยมันจะถูกจัดเก็บไว้เป็นเอกสาร SCP-146-A


บันทึกการทดสอบ #146-01

เพื่อที่จะวัดระดับเส้นฐานของผลกระทบจาก SCP-146 นั้น จึงได้มีการจัดเตรียมห้องสอบสวนมาตรฐานขนาดสี่ (4) x สี่ (4) เมตร แบ่งครึ่งโดยผ้าม่านทึบแสง SCP-146 ได้ถูกวางไว้บนโต๊ะภายในกล่องกระจกอะครีลิกนิรภัยในครึ่งหนึ่งของห้อง ที่อีกด้านหนึ่งของม่าน ผู้ทดลอง D-044323 ได้ถูกผูกยึดเอาไว้เพื่อให้เขามองตรงไปยังตำแหน่งของ SCP-146 นักวิจัยรักษาการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับผู้ทดลองผ่านอินเตอร์คอมตลอดกระบวนการทดสอบ

ม่านถูกดึงลง ทำให้ผู้ทดลองมองตรงไปที่ดวงตาของ SCP-146 ผู้ทดลองได้กล่าวถึงความรู้สึกอึดอัดในทันทีและหลับตาลงพร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มสูงขึ้น 15 BPM ผู้ทดลองเล่าถึงความทรงจำที่เขากำลังนึกถึง โดยเริ่มจากการละเมิดระเบียบการเล็กน้อย จากนั้น ผู้ต้องขังก็เล่าถึงการทะเลาะวิวาทหลายครั้งกับนักโทษคนอื่นๆ ก่อนที่สถาบันจะนำตัวเขาไป รวมถึงคำอธิบายที่ชัดเจนเป็นพิเศษของ [ข้อมูลถูกปกปิด] นักวิจัยสังเกตว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ต้องขังให้ความร่วมมือมากขึ้นและรูปแบบการพูดของเขาเปลี่ยนไป คล้ายกับผู้ที่กำลังเข้ารับการสะกดจิตเพื่อการบำบัด

หลังจากที่ผ่านไปสิบห้า (15) นาที คำพูดของผู้ทดลองก็เริ่มชัดเจนน้อยลง และรูปแบบ EEG ของเขานั้นก็มีความคล้ายคลึงกับผู้ที่มีความฝันชัดเจน ผู้ทดลองได้เข้าสู่บทสนทนาครึ่งทางซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อเขาพยายามจะทำลายเครื่องพันธนาการทิ้ง หลังจากที่ผ่านไปหลายนาที ผู้ทดลองก็หยุดดิ้นลงและเริ่มร้องไห้ ผู้ทดลองได้เริ่มอ้อนวอนต่อใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากอาการประสาทหลอนของเขา "หยุดเถอะ เอามันกลับไปที อย่าเลย ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมขอโทษ ผมไม่อยากจะทำต่อแล้ว หยุดที… ได้โปรด…" พฤติกรรมดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งหลังจากได้รับผลจาก SCP-146 เป็นเวลาห้าสิบสี่ (54) นาที เสียงพูดของผู้ทดลองนั้นก็หยุดลง และ EEG ของเขาแสดงอาการที่สอดคล้องกับอาการโคม่า หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไม่พบผลข้างเคียงใดๆ เพิ่มเติม ผู้ทดลองจึงถูกนำตัวออกไปและทำการุณยฆาต จากการชันสูตรพลิกศพได้พบว่าในสมองมีระดับ █████████ และ █████-███████ ที่ผิดปกติ ซึ่งนักพยาธิวิทยาระบบประสาท ดร. █████████ ระบุว่าเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึง [ข้อมูลถูกปกปิด]

(หมายเหตุ: ในขณะนี้ SCP-146 ได้ถูกเก็บรักษาไว้พร้อมกับวัตถุโบราณอื่นๆที่ได้ถูกซื้อมาจากการประมูล เนื่องจากยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าผลกระทบนั้นจำกัดอยู่แค่กับ SCP-146 เท่านั้น ผมคิดว่าการกักกันครั้งนี้เป็นการกักกันที่ "เหมาะสม" และด้วยเหตุนี้จึงจะทำให้ผลกระทบของ SCP-146 อยู่ที่ระดับพื้นฐาน - ศาสตราจารย์สกาลี █████████)

บันทึกการทดสอบ #146-04
การทดลองครั้งแรกซึ่งถูกดำเนินการหลังจากที่ระบุได้ว่า SCP-146 นั้นประกอบขึ้นจากศีรษะสัมฤทธิ์แค่เพียงชิ้นเดียว เกิดขึ้นหลังจากที่ SCP-146 ถูกย้ายไปยังถังเก็บของขนาดครึ่งลูกบาศก์เมตรมาตรฐาน ซึ่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสอง (2) วัน ผู้ทดลอง D-044784 และ SCP-146 ได้ถูกวางไว้คนละด้านของม่านในห้องสอบสวนมาตรฐาน เช่นเดียวกับการทดลองครั้งก่อน ผู้ทดลองได้ถูกผูกยึดเอาไว้ เมื่อม่านถูกดึงลง ผู้ทดลองรายงานถึงอาการปวดหัวทันทีและเริ่มร้องไห้ อัตราการเต้นของหัวใจของผู้ทดลองเพิ่มขึ้นเป็น 180 BPM แต่จากนั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 40 BPM และผู้ทดลองก็ได้หมดสติลง เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เข้าไปในห้องและเริ่มตรวจผู้ทดลอง จากนั้นผู้ทดลองก็รู้สึกตัวอีกครั้ง โดยอัตราการเต้นของหัวใจของเธอเพิ่มขึ้นเป็น 175 BPM ผู้ทดลองดิ้นรนอย่างรุนแรงเพื่อจะได้หลุดเครื่องพันธนาการ และในไม่ช้าก็สามารถทำลายเครื่องพันธนาการที่แขนขวาของเธอได้สำเร็จ ทำให้แขนและมือของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่พยาบาลฉุกเฉิน พ. █████████ ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากที่ผู้ทดสอบใช้มือทุบเขาเพื่อที่จะเข้าถึงชุดปฐมพยาบาล ผู้ทดสอบได้คว้ามีดผ่าตัดขนาดเล็กและแทงเข้าที่คอของตนเองก่อนเจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าควบคุมตัวเธอได้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์นั้นพยายามที่จะทำการปฐมพยาบาล แต่ผู้ทดสอบก็เสียชีวิตลงระหว่างการผ่าตัดฉุกเฉินเนื่องจากภาวะการเสียเลือดมาก

(หมายเหตุ: หลังจากเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันหลายครั้ง จึงได้พบว่าความสามารถของ SCP-146 นั้นได้รับผลมาจากการกักกัน ใครก็ตามที่ต้องการทำการวิจัยเพิ่มเติมจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากความบังเอิญแม้จะในเพียงช่วงสั้นๆ ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ - ศาสตราจารย์สกาลี █████████)

[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=Skali Sharpnose]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]

– ร่างบทความ –

อะไรกันนะ…??

ความอบอุ่นนี้…??

ตู้มมมมมม……!!!!!!?!!~
(ได้เกิดเสียงที่ดังมากๆ ซึ่งสำหรับเด็กเล็กๆ แล้ว มันราวกับว่า ท้องฟ้าทั้งใบได้พังถล่มลงมา หรือ โลกนี้ได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว)
เสียงอะไรเนี่ย…หนวกหูจัง

เจ็บจังเลย…

“อ้าว!?..ตื่นแล้วเหรอ…..เจ้าหนูน้อย..??”

“พ่อ…กับ..แม่เหรอ??…..”


"เซเฟียรอสส์…ฉันเตือนนายแล้ว..!!!”


"นั่นมันอะไร!!?!….น่ากลัว!!!…เอามันไปไกลๆนะ!!!”
(เสียงกรีดร้อง)
….
เจ็บเหลือเกิน…
ปวดเหลือเกิน…

"ขอร้องล่ะ!!!..พอเถอะ!!…พอได้แล้ว!มันสุดแสนจะปวดร้าว..จนชั้นจะทนไม่ไหวแล้ว..!!!……."

หยาดโลหิต…กับคราบน้ำตา..

แห้งเหือดซึมระเหย…จนไม่เหลือร่องรอยใดๆ อีก…
จนกระทั่งความรู้สึกได้มืดดับลง…
กลับสลาย..หายลับไป



"ดีจ้ะ….นี่คือ Sigurrós…ส่วนนี่ก็คือ"
"เธอคือ….??.."
"…..เด็กคนนี้คือ…Longey Guybau.."


"ไม่!!!..ไม่….!!!!!!!!! ไม่นะ..! เอามันออกไป!!! มันน่ากลัว!!!….มันแหลม!!!! หนูเจ็บ!!! ม่าาา_..(เสียงกรีดร้อง)

"อ้าว…ตื่นแล้วนี่.?..เจ้าหนู…"
"อะไรกัน…ฝันหรอกเหรอ..??"
.. .
"ไม่นะ!!! อีกแล้ว!!!! ฝันแบบนี้อีกแล้ว!!?!…"
มันถูกใส่เข้ามาในตัวชั้นอีกแล้ว..!!!

"นับจากนี้..จะขอสาปแช่งโลกใบนี้ทั้งใบ!!! อยู่ร่ำไป..ชั่วกาล…!!."

"เจ็บ
เจ็บจริงๆ"

วัตถุ# SCP-XXX-TH

ระดับ: Keter

มาตรการกักกันพิเศษ: ขณะนี้ SCP-XXX-TH ยังไม่ถูกกักกันเนื่องจากมีขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปและพลังอันมหาศาล ความพยายามของสถาบันมุ่งเน้นไปที่การติดตามและการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจธรรมชาติและป้องกันเหตุการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น

รายละเอียด: SCP-XXX-TH หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Shumah-Gorath หรือ ชูมาห์-โกราธ" เป็นสิ่งมีชีวิตทางน้ำขนาดมหึมาที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของอ่าวไทย รูปลักษณ์ขอมันที่แปลกประหลาดและแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตบนโลก โดยมีความคล้ายคลึงอย่างน่าทึ่งกับอุตรเทพแห่งตำนานสยองขวัญแห่งจักรวาล ชูมะห์-โกราธ มีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร และมีความสามารถในการทำลายล้างอันมหาศาล

รูปร่างทางกายภาพของชูมาห์-โกราธ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและไม่มีรูปร่าง, เเละผลกระทบทางจิตใจด้วยพลังจากนอกโลก ร่างกายหลักของมันคือกลุ่มหนวด ดวงตา และอวัยวะที่บิดเบี้ยวซึ่งท้าทายความเข้าใจ สีของมันมีตั้งแต่สีเขียวป่วยไปจนถึงสีม่วงเหลือบรุ้ง ซึ่งเปล่งแสงเรืองแสงจากสิ่งมีชีวิตที่น่าขนลุกซึ่งสามารถสังเกตได้จากพื้นผิว

ตัวตนนี้มีอยู่บนโลกเป็นระยะเวลาไม่แน่นอน โดยมีบันทึกย้อนหลังไปหลายศตวรรษบันทึกการเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ตรงกับคำอธิบายในนิทานพื้นบ้านและเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินเรือ เชื่อกันว่า "ชูมาห์-โกราธ" มีมาก่อนอารยธรรมของมนุษย์ ซึ่งนำไปสู่การคาดเดาว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตในจักรวาลโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ความลึกของมหาสมุทรมานานนับพันปี

การปรากฏตัวของชูมะห์-โกราธในอ่าวไทยทำให้เกิดความกังวลอย่างมากในหมู่นักวิจัยของสถาบัน ความสามารถของมันไม่ได้จำกัดอยู่ที่ขนาดอันใหญ่โตของมัน มันมีความสามารถในการควบคุมกระแสน้ำในมหาสมุทร ทำให้เกิดรูปแบบสภาพอากาศและกระแสน้ำที่ไม่สามารถคาดเดาได้ในภูมิภาค การจัดการเหล่านี้ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและความผิดปกติทางทะเลหลายครั้ง ซึ่งมักนำไปสู่การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน

นอกจากนี้ ชูมะห์-โกราธยังส่งอิทธิพลทางจิตและมีมที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตใกล้เคียง นำไปสู่ภาพหลอน ความบ้าคลั่ง และความศรัทธาทางศาสนาในหมู่ผู้ที่สัมผัสกับมันหรือการแสดงอาการของมัน ผลกระทบเหล่านี้สามารถแพร่กระจายไปในระยะไกล ทำให้การกักกันและความพยายามในการวิจัยมีความท้าทายอย่างยิ่ง

ธรรมชาติและต้นกำเนิดที่แท้จริงของชูมาห์-โกราธ ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับ นักวิจัยบางคนคาดการณ์ว่านี่อาจเป็นการแสดงออกถึงความกลัวและความวิตกกังวลโดยรวมของมนุษยชาติ ในขณะที่คนอื่นๆ เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นการถ่ายทอดพลังแห่งจักรวาลที่เกินกว่าความเข้าใจของมนุษย์

ความพยายามในการกักกันชูมาห์-โกราธยังคงดำเนินต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกการวิจัยใต้น้ำขั้นสูงเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจกับสิ่งลึกลับนี้ นอกจากนี้ สถาบันกำลังค้นคว้าแนวทางที่เป็นไปได้เพื่อลดอิทธิพลการทำลายล้างต่ออ่าวไทยและพื้นที่โดยรอบ

ภาคผนวก XXX-TH-A: การเผชิญหน้าที่โดดเด่น

การเผชิญหน้าในศตวรรษที่ 14 การสำรวจศตวรรษที่ 19 การสังเกตการณ์สมัยใหม่
บันทึกทางประวัติศาสตร์จากศตวรรษที่ 14 ระบุว่าชูมะห์-โกราธได้รับการกล่าวถึงในต้นฉบับไทยโบราณ และมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ภัยพิบัติ รวมถึงสึนามิและพายุในอ่าวไทย เรื่องราวเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการมีอยู่ของชูมาห์-โกราธ เป็นที่รู้จักมานานหลายศตวรรษ ซึ่งมักเชื่อมโยงกับภัยพิบัติทางธรรมชาติในภูมิภาค ในปี พ.ศ. 2410 การสำรวจที่นำโดยนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ดร.อาเธอร์ เพนโรส พบกับ SCP-XXX-TH ในระหว่างการสำรวจอ่าวไทย ดร. เพนโรสบันทึกประสบการณ์ของเขาในบันทึกประจำวัน โดยบรรยายถึงรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดของสิ่งมีชีวิตตัวนี้และอิทธิพลทางจิตที่ไม่มั่นคงของมันที่มีต่อทีมงานของเขา สมาชิกคณะสำรวจหลายคนต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลทางจิตใจในระยะยาวอันเป็นผลจากการเผชิญหน้ากัน ในทศวรรษที่ผ่านมา นักวิจัยของสถาบันได้ใช้อุปกรณ์ดำน้ำใต้ทะเลลึกขั้นสูงและอุปกรณ์ติดตามเพื่อสังเกตชูมาห์-โกราธ การสังเกตเหล่านี้ได้เปิดเผยว่ารูปแบบของเอนทิตีไม่คงที่ แต่มีการเปลี่ยนแปลงและแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อมโยงกับสิ่งแปลกประหลาดและธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของความน่าสะพรึงกลัวของจักรวาล

ภาคผนวก XXX-TH-B: ผลการวิจัย

1. สมมติฐานเกี่ยวกับต้นกำเนิดจักรวาล: นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ของสถาบันได้เสนอ "สมมติฐานเกี่ยวกับต้นกำเนิดจักรวาล" ซึ่งตั้งสมมติฐานว่าชูมาห์-โกราธอาจเป็นสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่มายังโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน สมมติฐานนี้มีพื้นฐานอยู่บนการวิเคราะห์รูปแบบการแผ่รังสีคอสมิกที่ผิดปกติและการจัดเรียงของท้องฟ้าซึ่งสอดคล้องกับการปรากฏที่สำคัญของ SCP-XXX-TH ตลอดประวัติศาสตร์

2. ปรากฏการณ์มีมเพล็กซ์1: ชูมาห์-โกราธ ได้เผยให้เห็นการมีอยู่ของ "มีมเพล็กซ์" ที่เกี่ยวข้องกับเอนทิตีนี้ มีมเพล็กซ์นี้มีสัญลักษณ์ซ้ำๆ บทสวด และประสบการณ์ประสาทหลอนที่รายงานโดยบุคคลที่สัมผัสกับพลังจิตที่เล็ดลอดออกมา การศึกษามีมเพล็กซ์นี้กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้าใจถึงผลกระทบและมาตรการรับมือที่อาจเกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น

3. การทดลองด้วยคลื่นสะท้อนทางจิต: สถาบันได้ทำการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการฉายภาพเสียงสะท้อนทางจิตที่ควบคุมไปยังชูมะห์-โกราธ การค้นพบเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าเอนทิตีอาจตอบสนองต่อความถี่จิตบางอย่าง ซึ่งนำไปสู่สมมติฐานที่ว่าการสื่อสารหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับชูมะห์-โกราธอาจเกิดขึ้นได้ผ่านการควบคุมพลังจิตอย่างระมัดระวัง

ภาคผนวก XXX-TH-C: ความพยายามในการกักกัน

1. ศูนย์วิจัยใต้น้ำ: สถาบันอยู่ระหว่างการสร้างศูนย์วิจัยใต้น้ำขั้นสูงในอ่าวไทย เพื่อสร้างการปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องและติดตามชูมาห์-โกราธ สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นฐานในการศึกษาพฤติกรรมของเเผนก อิทธิพลของมีม และจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้น

2. การปราบปรามมีมเพล็กซ์: ทีมวิจัยกำลังทำงานอย่างแข็งขันในการพัฒนามาตรการตอบโต้แบบมีม เพื่อลดผลกระทบของอิทธิพลแบบมีมของชูมาห์-โกราธ การทดลองเบื้องต้นเกี่ยวข้องกับการสร้างการฉีดวัคซีนมีมและสัญลักษณ์ป้องกันเพื่อปกป้องบุคคลจากการรบกวนทางจิต

3. การสื่อสารด้วยคลื่นสะท้อนทางจิต: นักวิจัยกำลังสำรวจความเป็นไปได้ในการสร้างการสื่อสารที่มีการควบคุมกับชูมาห์-โกราธ ผ่านการทดลองด้วยคลื่นสะท้อนทางจิต แนวทางนี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูง เมื่อพิจารณาถึงผลที่ตามมาที่ไม่คาดฝัน แต่ก็ถูกมองว่าเป็นช่องทางที่เป็นไปได้ในการทำความเข้าใจแรงจูงใจและต้นกำเนิดของกิจการ

SCP-TH

[[module Rate]]

วัตถุ #: SCP-668

ระดับ: Euclid

มาตรการกักกันพิเศษ: [ถูกแก้ไข] ณ วันที่ [ข้อมูลถูกปกปิด] ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการการกักกันพิเศษใดๆ นอกเหนือไปจากการรักษาความปลอดภัยระดับมาตรฐาน SCP-668 จะถูกย้ายไปยังกล่องนิรภัยที่ถูกล็อกไว้ภายในอาคารจัดเก็บสิ่งของมีค่าของไซต์-19 โดยจะต้องมีระบบป้องกันมาตรฐานต่อการบุกรุก (วัตถุระเบิด สารเคมี ชีวภาพ และมีม) อยู่ตลอดเวลา ตามขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน

มีแค่บุคลากรที่มีระดับการรับรู้ระดับ 2 ขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถนำ SCP-668 ออกมาจากตู้เซฟได้ บุคคลที่ต้องการใช้ SCP-668 นอกไซต์-19 จะต้องยื่นแบบฟอร์ม-668 คำขอแนวทางปฏิบัติไปยัง O5-11 ก่อน และจะต้องสวมปลอกคอสวิตช์ฆ่าแบบระเบิดที่ตั้งเวลาไว้ 24 ชั่วโมงก่อนจะนำ SCP-668 ลงสนาม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่มีระดับการรับรู้ระดับ 4 ขึ้นไปจะต้องยืนยันก่อนว่าได้นำ SCP-668 กลับคืนสู่ตู้เซฟแล้วจึงจะปิดการใช้งานปลอกคอได้

รายละเอียด: SCP-668 เป็นมีดทำครัวขนาด 33 ซม. (13 นิ้ว) ที่มีด้ามจับทำมาจากไม้ประดู่และด้ามมีดแบบเต็มความยาว ประดิษฐ์ขึ้นในช่วงปลายทศวรรษปี 1930 ถึงต้นทศวรรษปี 1940 ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามได้ซื้อ SCP-668 เป็นครั้งแรกนั้น พบว่าตัววัตถุมีสนิมเกาะเป็นส่วนใหญ่ โดยจะมีรอยบุ๋มขนาดใหญ่จากคราบเลือดและของเหลวในร่างกายอื่นๆที่ติดอยู่ในรอยแยกเล็กๆบนใบมีด หลังจากวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ความผิดปกติเหล่านี้ก็ถูกกำจัดออกเพื่อจุดประสงค์ด้านความสวยงาม ซึ่งก็มีผลกระทบเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อคุณสมบัติพิเศษของ SCP-668

การปรากฏตัวครั้งแรกของ SCP-668 ที่ถูกบันทึกไว้เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 ระหว่างคดี [ข้อมูลถูกปกปิด] ที่โด่งดัง [ข้อมูลถูกปกปิด] หญิงชาวนิวยอร์กที่อาศัยอยู่คนเดียว ถูกข่มขืนและฆ่าโดยผู้ต้องสงสัย [ข้อมูลถูกปกปิด] แม้ว่าจะมีพยาน 38 คนรายงานว่าได้ยินการโจมตี แต่ไม่มีใครพยายามช่วยเหลือหญิงสาวคนดังกล่าวนานกว่า 6 ชั่วโมง จนกระทั่งเธอเสียชีวิตในที่สุด ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าวัตถุดังกล่าวได้รับคุณสมบัติมาเนื่องจากเหตุการณ์นี้ หรือได้รับคุณสมบัตินั้นมาก่อนอยู่แล้ว (ดูบทความของดร. [ข้อมูลถูกปกปิด] เกี่ยวกับผลกระทบจากผู้พบเห็นเหตุการณ์ เทียบกับทฤษฎีของดร. [ข้อมูลถูกปกปิด] เกี่ยวกับการประทับจิต)

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชัดเจนคือคุณสมบัติในปัจจุบันของมัน เมื่อถูกถือโดยมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายคล้ายมนุษย์ที่มีเจตนารุนแรงต่อมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายคล้ายมนุษย์คนอื่นๆ SCP-668 จะส่งสัญญาณพลังจิตที่ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกทั้งหมดที่มีดัชนีความต้านทานพลังจิต 97 หรือต่ำกว่าไม่สามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ บุคคลที่ได้รับผลกระทบจะรายงานถึงความรู้สึกเฉยเมยอย่างกะทันหันในขณะที่กำลังอยู่ภายใต้อิทธิพลของ SCP-668 ประสาทสัมผัสทางด้านการรับรู้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และบุคคลที่ได้รับผลกระทบจะรายงานถึงความรู้สึกขยะแขยงและหวาดกลัว แต่ไม่สามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ แม้แต่ทางอ้อม และในขณะเดียวกัน ก็จะทำให้เหยื่อไม่สามารถป้องกันตัวเองจากผู้โจมตีได้

จากการทดสอบโดยใช้บุคลากรคลาส D ไม่พบขีดจำกัดสูงสุดของจำนวนสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากการสั่นพ้องทางจิตนี้ ในการทดสอบครั้งหนึ่ง บุคลากรคลาส D จำนวน 12 คนที่ต้องถูกกำจัดในวันที่ 1 ของเดือน ถูกจัดให้อยู่ในห้องข้างนักวิจัยที่ได้รับคำสั่งให้เลือกผู้ทดสอบหนึ่งคนแบบสุ่มเพื่อนำมาฆ่า นักวิจัยได้ฆ่าผู้ทดสอบทั้งหมดทีละคน แม้ว่าเขาจะอ้างว่าตนเองจะหวาดกลัวเป็นอย่างมากก็ตาม เหตุการณ์ก่อนหน้านี้บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการเสียชีวิตหลายร้อยหรือหลายพันคนเนื่องมาจากคุณสมบัติพิเศษของ SCP-668 (ดู รายงานเหตุการณ์ 668 A เรื่อง:การสังหารหมู่ในห้างสรรพสินค้า [ข้อมูลถูกปกปิด] และปฏิบัติการปิดบังข้อมูลในเวลาต่อมา)

การกู้คืน SCP-668 ในสถานการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นปัญหาเนื่องจากคุณสมบัติทางจิตของวัตถุดังกล่าว เอเย่นต์ที่พยายามจับกุมบุคคลในระหว่างเหตุการณ์การกักกันล้มเหลวมักจะได้รับผลกระทบจากสิ่งที่ถูกเรียกว่า "สนามความเฉยเมย" ของ SCP-668 เอง ส่งผลให้มีการเสียชีวิตของบุคลากรภายในสถาบัน หลังจากเหตุการณ์ 668-A มาตรการกู้คืนมาตรฐานซึ่งรวมไปถึงการใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงระยะไกล การปกปิดข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย และเอเย่นต์สามคนจะทำงานร่วมกันผ่านการกระทำที่ถูกประสานกันอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้คนใดคนหนึ่งรู้ตัวว่ากำลังต่อต้านบุคคลนั้นๆอยู่

เนื่องจากมีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนในการเกิดหายนะ จึงได้มีการเสนอแนะให้มีการจัดประเภท SCP-668 เป็นภัยคุกคามระดับ Keter และทำการกักกันมันเอาไว้ในสถานที่กักกันระดับสูง

ภาคผนวก 668-a: หลังจากการทดสอบเพิ่มเติม พบว่าผู้ทดสอบที่ใช้ SCP-668 สามารถถูกกำจัดได้โดยการตอบสนองที่เป็นกลาง ตราบเท่าที่มีการใส่ตัวกำจัดก่อนที่ผู้ทดสอบจะได้ครอบครอง SCP-668 ได้มีการอนุมัติให้ใช้มาตรการรันนิ่งแมน (ดูภาคผนวก 668-B: ตัวกำจัดที่ได้รับการอนุมัติ) กับ SCP-668 วัตถุดังกล่าวจึงได้รับการจัดประเภทใหม่เป็นวัตถุประเภท Euclid

ภาคผนวก 668-b: ห้ามใช้บุคลากรโอเมก้า-7 เพื่อนำ SCP-668 กลับมาในกรณีที่เกิดเหตุการณ์การกักกันล้มเหลวในอนาคต เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ SCP-076-2 จะสัมผัสกับวัตถุดังกล่าว ภาคผนวก 668-b ถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ [ข้อมูลถูกปกปิด] เนื่องจาก SCP-076-2 ไม่ชอบใช้วัตถุที่ ตามคำพูดของมันเอง "ทำให้ความสนุกหายไป" กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ SCP-076-2 ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์การกักกันล้มเหลวในอนาคต เนื่องจากที่โครงการโอเมก้า-7 สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะไม่มีความพยายามใดๆที่จะนำ SCP-076-2 หรือ SCP-668 มาใช้เป็นอาวุธอีกต่อไป

ภาคผนวก 668-c: ห้ามไม่ให้ SCP-668 สัมผัสกับ SCP-682 ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม โปรดทราบว่าแม้ว่ามนุษย์ทั่วไปจะมีดัชนีความต้านทานพลังจิตอยู่ที่ 24 แต่ SCP-682 ได้รับการทดสอบ โดยมันมีค่า PsiRI อยู่ที่ [ข้อมูลถูกปกปิด] ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ผลกระทบของ SCP-668 ความอันตรายที่เป็นไปได้จากการที่สิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นศัตรูกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆทั้งหมดจะได้เข้าครอบครองวัตถุเช่นนี้ควรจะชัดเจนอยู่แล้ว เนื่องจากที่โครงการโอเมก้า-7 สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะไม่มีความพยายามใดๆที่จะนำ SCP-682 หรือ SCP-668 มาใช้เป็นอาวุธอีกต่อไป

ภาคผนวก 668-d: คำขอที่จะให้มีการจัดประเภท SCP-668 ใหม่ ตามประเภทเดิมซึ่งเป็นระดับ Keter กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา

ภาคผนวก 668-e: คำขอที่จะให้มีการจัดประเภท SCP-668 ใหม่ ตามประเภทเดิมซึ่งเป็นระดับ Keter ถูกปฏิเสธ SCP-668 จะยังคงอยู่ในระดับ Euclid ต่อไป

page 1123...next »
Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License