ผ่านครับ
Sorry, My english isn't good.
หมวดแปล
หมวดสาขาไทย
ชุมชน
ไซต์
สมาชิก
คู่มือ
สร้างหน้า
ผ่านครับ
Sorry, My english isn't good.
ผ่านครับ
Sorry, My english isn't good.
ผ่านครับ
Sorry, My english isn't good.
ผ่านครับ
Sorry, My english isn't good.
ผ่านครับ
Sorry, My english isn't good.
ผ่านครับ
Sorry, My english isn't good.
ผ่านครับ
Sorry, My english isn't good.
[[module Rate]]
วัตถุ #: SCP-170
ระดับ: Safe
มาตรการกักกันพิเศษ: SCP-170 นั้นไม่เป็นอันตราย ดังนั้นจึงสามารถเก็บไว้ในตู้นิรภัยใดๆก็ได้ แต่เนื่องจากมีโอกาสที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิดและการที่มี SCP-170 เป็นจำนวนจำกัด จึงห้ามมิให้บุคลากรนำมันออกจากที่เก็บโดยมิได้รับอนญาตล่วงหน้าจากดร.███
รายละเอียด: SCP-170 ดูเหมือนจะเป็นกาวซูเปอร์กลูธรรมดาๆในหลอดสีเหลืองยาว 13 ซม. ไม่มีข้อมูลผู้ผลิตหรือข้อความอื่นใดอยู่ภายนอกบรรจุภัณฑ์ นอกจากคำว่า "SUPERGLUE" ที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรหนาที่ด้านหน้า
เมื่อใดก็ตามที่มีการนำสารดังกล่าวจำนวนหนึ่งมาทาลงบนวัสดุแข็ง และวัสดุนั้นได้สัมผัสเข้ากับพื้นผิวใดๆ ทั้งสองจะสูญเสียพันธะระหว่างโมเลกุลในบริเวณโดยรอบจุดสัมผัส ทำให้วัตถุหนึ่งสามารถที่จะแทรกผ่านอีกวัตถุหนึ่งไปได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบนี้ก็จะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะเท่านั้น และภายในช่วงเวลาหนึ่งในสามของวินาทีที่พื้นผิวทั้งสองได้สัมผัสกัน ความสามารถของแต่ละพื้นผิวในการผ่านอีกพื้นผิวหนึ่งก็จะถูกลบล้างออก ทำให้วัตถุทั้งสองถูกยึดติดกันอย่างถาวร
SCP-170 ถูกยึดมาในระหว่างการบุกค้นห้องทดลองผิดกฎหมายแห่งหนึ่งในเมือง████████ รัฐ███ ในปี 19██ คุณสมบัติที่ผิดปกติของ SCP-170 ยังไม่เป็นที่ทราบจนกระทั่งได้มีการทดสอบมาตรฐานกับวัสดุที่ถูกเก็บกู้มาได้ทั้งหมด ช่างเทคนิคของห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งได้ใช้ปิเปตต์สกัด SCP-170 ออกมาในปริมาณเล็กน้อยเพื่อทำการวิเคราะห์ ในขณะที่กำลังพยายามจ่ายสารลงบนสไลด์ ปิเปตต์ก็ทะลุผ่านสไลด์ที่อยู่บนฐานทันที จึงได้มีการทดสอบเพิ่มเติมกับปิเปตต์/สไลด์ และพบว่าทั้งสองถูกยึดติดกันในระดับโมเลกุล เมื่อทราบถึงเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ของสถาบัน SCP จึงถูกส่งไปยึดวัสดุที่ถูกเก็บกู้มาทั้งหมด
การทดลอง 04:
วัสดุที่ใช้ทดลอง: โซ่สำหรับใช้งานหนัก 1 เส้น พร้อมน้ำหนักถ่วงในขนาดที่แตกต่างกันไป
ขั้นตอน: SCP-170 จำนวนเล็กน้อยถูกทาลงที่ข้อต่อสุดท้ายของโซ่ แล้วจึงนำไปติดกับเพดานเสริมแรงของพื้นที่กักกัน 17f จากนั้นจึงแขวนน้ำหนักถ่วงขนาดต่างๆไว้บนโซ่เพื่อระบุจุดล้มเหลวทางโครงสร้างของพันธะ
ผลลัพธ์: หลังจากที่แขวนน้ำหนักได้ประมาณ 9 เมตริกตัน โซ่ก็ขาดลงในที่สุด ซึ่งมันก็ไม่ได้ขาดลงที่จุดยึด แต่กลับขาดที่ข้อต่อที่ 9 จากด้านล่าง ข้อต่อทั้งหมดยกเว้นข้อที่ถูกฝังไว้บนในฝ้าเพดานได้รับการทดสอบและก็พวกมันพบว่ามีสัญญาณของการบิดและยืด และจุดยึดบนฝ้าเพดานนั้นก็กลับไม่มีสัญญาณของการอ่อนตัวหรือการแยกตัวกันของโซ่และฝ้าใดๆอยู่เลยเช่นกัน
การทดลอง 07:
วัสดุที่ใช้ทดลอง: ทองคำ 24 กะรัต 2 ก้อนที่เหมือนกันเกือบทุกประการ (ใกล้เคียงความบริสุทธิ์ 100% มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้)
ขั้นตอน: จะมีการใช้แขนหุ่นยนต์เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุทั้งสองจะถูกวางในแนวที่สมบูรณ์แบบ ลูกบาศก์ 1 (ลูกบาศก์ที่ได้รับการทา SCP-170 เอาไว้) จะถูกผลักผ่านลูกบาศก์ 2 ทั้งหมด จนเหลือเพียงแค่ลูกบาศก์ทองคำ 1 ลูกที่มีขนาดเท่ากับลูกบาศก์เดิม
ผลลัพธ์: ในระหว่างการตรวจสอบลูกบาศก์ที่เหลืออยู่เพียงแค่ลูกเดียวนั้น ก็ได้พบว่ามีมันความหนาแน่นอยู่ที่ 38.6 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ซึ่งเท่ากับความหนาแน่นสองเท่าของทองคำปกติ แม้กระทั่งการหลอมตัวอย่างลงก็ไม่ได้ทำให้ความหนาแน่นเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด เนื่องจากทองคำเหลวที่ได้ก็มีความหนาแน่นเท่าเทียมกัน นั่นหมายความว่าสารเหล่านี้จะไม่เคลื่อนตัวออกจากกัน รวมไปถึงอะตอมทุกอะตอม การวิเคราะห์อะตอมได้พิสูจน์แล้วว่าอะตอมเหล่านี้เป็นอะตอมทองคำธรรมดา ซึ่งก็หมายความว่าอะตอมเหล่านี้ไม่ได้สร้างปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันขึ้นเพื่อเพิ่มความหนาแน่น พวกมันเพียงแค่ถูกอัดแน่นอยู่ในพื้นที่ที่เล็กกว่าที่กฎฟิสิกส์จะอนุญาตให้
จากการทดลองนี้ ดร. ██████ ได้ขออนุญาตใช้ SCP-170 ในการ "ทาติด" ยูเรเนียมสองชิ้นเข้าด้วยกันเพื่อสร้างตัวอย่างที่มีความเป็นฟิสไซล์มากกว่า แต่เนื่องมาจากมีข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่เห็นได้ชัด คำขอนี้จึงถูกปฏิเสธไป
[[include component:image-block name=http://scp-wiki.wikidot.com/local--files/scp-170/xray.jpg|caption=ภาพเอกซเรย์ของนิ้วของผู้ทดลองที่ติดอยู่กับโต๊ะ (หลังการถูกตัดออก) กระดูกที่หักนั้นเกิดจากการที่ผู้ทดลองดิ้นรนเพื่อที่จะพยายามนำนิ้วของตนเองออกมา|link="http://scp-wiki.wikidot.com/local--files/scp-170/xray.jpg"]]
การทดลอง 12:
วัสดุที่ใช้ทดลอง: บุคลากรระดับ-D จำนวน 1 คน โต๊ะไม้ 1 ตัว
ขั้นตอน: เป็นการทดลองครั้งแรกโดยใช้สิ่งมีชีวิต บุคลากรระดับ-D จะทา SCP-170 ลงในปริมาณเล็กน้อยที่นิ้วชี้ขวา แล้วจึงจะได้รับคำสั่งให้ "จิ้มลงที่โต๊ะ"
ผลลัพธ์: นิ้วของผู้ทดลองจมลงไปในโต๊ะจนถึงข้อนิ้วแรก แม้ว่าจะตัวผู้ทดลองจะตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ไม่ได้รายงานถึงความรู้สึกเจ็บ ไม่สบาย หรือความรู้สึกอื่นใดเลยภายใต้จุดเชื่อม อย่างไรก็ตาม นิ้วของเขาได้เริ่มบวมขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายเป็นสีม่วง เนื่องจากระบบไหลเวียนโลหิตยังคงสูบฉีดเลือดไปยังบริเวณที่ไม่สามารถส่งเลือดกลับคืนได้อีก นิ้วของเขาจึงได้ถูกตัดออกระหว่างข้อนิ้วแรกและข้อนิ้วที่สอง
การทดลอง 19:
วัสดุที่ใช้ทดลอง: เครื่องยนต์เจ็ท Pratt & Whitney F100 จำนวน 1 เครื่อง เพดานเสริมแรงของพื้นที่กักกัน 19b
ขั้นตอน: SCP-170 จะถูกทาติดไว้ที่ส่วนยึดของเครื่องยนต์ไอพ่น ซึ่งจะถูกดันขึ้นไปอย่างรวดเร็ว 3.2 ซม. (ประมาณ 1.25 นิ้ว) บนเพดานห้อง หลังจากที่ได้เชื่อมต่อระบบจ่ายเชื้อเพลิงและระบบควบคุมที่เหมาะสมแล้ว เครื่องยนต์ไอพ่นก็จะถูกจุดให้ติด
ผลลัพธ์: เครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 40 นาที ในขณะที่กล้องเฝ้าสังเกตจุดเชื่อมต่อว่ามีสัญญาณของแรงเค้นหรือไม่ แม้ว่าจะมีรอยแตกร้าวเล็กๆ ปรากฏบนคอนกรีตรอบจุดเชื่อมต่อ แต่ก็ไม่มีข้อบ่งชี้ถึงความล้มเหลวของโครงสร้างหรือการแยกตัวของวัสดุทั้งสอง แม้จะอยู่ภายใต้แรง 120,000 นิวตันก็ตาม
[[include :scp-wiki:component:license-box]]
Filename: xray.jpg
Author: far2
License: CC BY-SA 3.0
Source Link: Link
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]
[[module Rate]]
วัตถุ #: SCP-164
ระดับ: Euclid
มาตรการกักกันพิเศษ: เชื้อของ SCP-164 นั้นควรถูกกักกันโดยใช้ขั้นตอนมาตรฐานสำหรับชีวอันตรายระดับ 3 และจัดเก็บไว้ในหน่วยกักเก็บสิ่งชีวภาพแบบแช่เย็นที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส โดยจะต้องทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเชื้อ SCP-164 จะสามารถก่อโรคได้ แต่ตัวเชื้อเองนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันง่ายนัก นักวิจัยที่ทำงานกับเชื้อดิบหรือผู้ติดเชื้อนั้นควรทำโดยใช้ความระมัดระวัง แต่โดยทั่วไปแล้ว ถุงมือลาเท็กซ์และหน้ากากอนามัยจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคเพียงพอ บุคลากรที่ติดเชื้อโดยไม่ได้ตั้งใจจะต้องได้รับเคมีบำบัดเป็นเวลา 6 เดือนเมื่อแสดงอาการครั้งแรก และจะต้องผ่าตัดตามความจำเป็น
การระบาดในหมู่พลเรือนควรได้รับการจัดการโดยใช้มาตรการปกปิด อาเลฟ-█ สำหรับวัสดุแพร่เชื้อ
รายละเอียด: SCP-164 เป็นเซลล์มะเร็งชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดเนื้องอกคล้ายของมะเร็งซาร์โคมาในร่างกายของโฮสต์ แม้ว่า DNA ของเซลล์จะดูเหมือนว่าจะมาจาก DNA ของมนุษย์เป็นหลัก แต่เซลล์เหล่านี้ก็จะมีอยู่ในรูปแบบปรสิตเซลล์เดียวที่สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ มีลักษณะเฉพาะอยู่หลายประการทำให้ SCP-164 โดดเด่น:
สิ่งมีชีวิตที่โตเต็มวัยนั้นได้รับการระบุว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอยู่กับเนื้องอกเดิม โดยจะสอดคล้องกับสายพันธุ์ที่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนในอันดับ Teuthida (ปลาหมึก) การนำสิ่งมีชีวิตดังกล่าวออกมาแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถดำรงชีวิตได้ในสภาพทางทะเล และจะกระทำการตามปกติ เช่น การเคลื่อนที่ การหาอาหาร การป้องกันตัวขั้นพื้นฐาน การสืบพันธุ์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตดังกล่าวจะยังคงดำรงชีวิตได้ในเนื้องอกเดิม โดยแทบจะไม่ขยับหรือเปลี่ยนตำแหน่งเลย และจะเติบโตในอัตราที่สม่ำเสมอต่อไปจนกว่าโฮสต์จะเสียชีวิตลง การดำรงอยู่และลักษณะของสิ่งมีชีวิต (SCP-164-2) มักจะไม่ชัดเจนในกรณีของพลเรือน จนกว่าจะมีการตรวจชิ้นเนื้อหรือการผ่าตัดเผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่เจริญเติบโตแล้ว
สิ่งมีชีวิตและเนื้องอกของ SCP-164 สามารถที่จะโต้ตอบกับสรีรวิทยาของโฮสต์ในรูปแบบที่น่าสนใจได้ โดยกรณีต่อไปนี้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ:
[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=Sophia Light]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]
[[module Rate]]
วัตถุ #: SCP-163
ระดับ: Safe
มาตรการกักกันพิเศษ: พื้นที่กั้นล้อมของ SCP-163 จะประกอบด้วยห้องที่ตั้งอยู่ติดกันสี่ห้อง มีความสูงจากพื้นถึงเพดาน 3 เมตร โดยจะมีลักษณะดังต่อไปนี้:
อากาศจะถูกกรองเข้าไปในพื้นที่และจะถูกตรวจสอบโดยอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลาโดยคอมพิวเตอร์และเจ้าหน้าที่วันละครั้งเพื่อตรวจสอบสิ่งปนเปื้อน จะต้องมีการเปลี่ยนตัวกรองทุกๆสัปดาห์หรือทุกครั้งที่พบสิ่งปนเปื้อนภายในอากาศ จะมีการใช้ระบบไฟส่องสว่างแยกกันสองระบบในกรง ระบบหนึ่งจะปล่อยรังสีในช่วง 400 นาโนเมตรถึง 700 นาโนเมตร และอีกระบบหนึ่งจะปล่อยรังสีในช่วง 150 นาโนเมตรถึง 300 นาโนเมตร ระบบไฟส่องสว่างหลักจะถูกต้องเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถสังเกตสิ่งต่างๆได้ง่าย ระบบไฟส่องสว่างรองสามารถจะถูกเปิดหรือปิดได้ตามดุลยพินิจของ SCP-163 ห้ามไม่ให้มีการใส่สารหรือสารเคมีใดๆเข้าไปในพื้นที่เกินกว่าปริมาณที่กำหนดไว้ในคู่มือ M-163-1 ในทุกกรณีๆ เจ้าหน้าที่และสิ่งของใดๆที่ถูกนำติดตัวมาด้วยจะได้รับตรวจสอบถึงร่องรอยของสารเคมีเหล่านี้ก่อนจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่
เจ้าหน้าที่จะต้องสวมชุดป้องกันตลอดเวลาที่ได้อยู่ในพื้นที่กั้นล้อมเพื่อป้องกันตนเองและ SCP-163 จากการปนเปื้อนข้ามกัน ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ต้องศึกษาคู่มือ M-163-2 และเข้ารับการสัมภาษณ์กับดร. ████████ บุคลากรที่ได้รับอนุญาตจะได้รับการอนุญาตให้โต้ตอบกับ SCP-163 ได้โดยการช่วยซ่อมอุปกรณ์และเล่นเกมกระดานกับมัน
SCP-163 สามารถออกจากพื้นที่กั้นล้อมได้ตลอดเวลา โดยต้องแสดงเจตนาที่จะออกจากกรงด้วยท่าทางที่ตกลงกันไว้ก่อน จากนั้นจึงเข้าสวมชุดป้องกัน ชุดดังกล่าวมีตัวกรองอากาศแบบเดียวกับที่ใช้ในการหมุนเวียนอากาศในกรง เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น SCP-163 สามารถที่จะพกไฟฉาย UV ที่สามารถปล่อยรังสีความยาวคลื่นไม่น้อยกว่า 280 นาโนเมตร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งผิวหนังขึ้นในหมู่บุคลากรให้น้อยที่สุด ในขณะที่ SCP-163 กำลังเดินชมพื้นที่กักกันอยู่นั้น จะต้องมีนักวิจัยรุ่นน้องคอยติดตาม และบันทึกการกระทำ ท่าทาง และการแสดงออกทั้งหมดด้วยกล้องวิดีโอ นอกจากนี้ ผู้คุ้มกันก็จะต้องห้ามไม่ให้ SCP-163 เข้าไปในพื้นที่ใดๆที่ถูกถือว่าเป็นอันตรายต่อมัน
ในทุกๆสาม (3) วัน บุคลากรจะต้องนำภาชนะขนาด 20 ลิตรที่มีองค์ประกอบทางเคมีตามสัดส่วนที่ระบุไว้ในคู่มือ M-163-1 ไปที่ห้องรับของ จากนั้น SCP-163 จะนำภาชนะนั้นไปเทสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในลงใน SCP-163-1 แล้วจึงนำภาชนะเปล่าไปวางไว้ในห้องแอร์ล็อคเพื่อนำออกมา
อุปกรณ์ต่างๆจะถูกนำออกจากพื้นที่กั้นล้อมได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในการเฝ้าดูของ SCP-163 เท่านั้น หาก SCP-163 ขัดขวางการถอดอุปกรณ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ให้วางอุปกรณ์ชิ้นนั้นกลับคืนในบริเวณที่นำอุปกรณ์ชิ้นนั้นมา ห้ามมิให้บุคลากรทำการถอดประกอบ ใช้งาน หรือถอด SCP-163-1 ไม่ว่าจะในกรณีใดๆก็ตาม หากมีบุคคลใดที่พยายามจะทำเช่นนั้น บุคคลนั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก
รายละเอียด: SCP-163 เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากนอกโลก เมื่อยืนขึ้นจะมีความสูง 2 เมตรและกว้าง 1.5 เมตร โดยส่วนหลักของร่างกายจะห้อยอยู่สูงจากพื้น 50 เซนติเมตร ลำตัวมีรูปทรงคล้ายทรงกระบอก มีปากทรงกลมอยู่ด้านล่าง และส่วนที่เทียบได้กับหัวอยู่ด้านบน มีขา 8 ข้างที่มีข้อต่อ 3 ข้อเรียงกันเป็นรัศมีรอบเส้นศูนย์สูตร SCP-163 นั้นยังมีแขนขาเฉพาะอีกหลายชุด ดังต่อไปนี้:
ในระยะ 30 ซม. จากส่วนบนของลำตัวนั้นมีตาข้างเดียวที่ทอดยาวเป็นวงแหวนโดยรอบ ทำให้มันสามารถมองเห็นได้ 360 องศา แต่ก็ยังมีจุดบอดที่ด้านหลังศีรษะเพื่อเว้นพื้นที่ไว้ให้กับอวัยวะที่ใช้ในการขับของเสียออกจากร่างกาย วงตานี้จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 88 หน่วย สมมติฐานที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ แต่ละหน่วยจะรับข้อมูลแนวตั้งเท่านั้น ในขณะที่สมองจะรับรู้ข้อมูลแนวนอนโดยการเปรียบเทียบข้อมูลจากหน่วยต่างๆ ตาไวต่อแสงที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 150 นาโนเมตรถึง 300 นาโนเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับรังสี UVC ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนบกส่วนใหญ่
SCP-163 มีโครงกระดูกภายในซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อที่มีองค์ประกอบทางเคมีและโครงสร้างคล้ายกับเซลลูโลส โครงกระดูกยื่นออกมาจากข้อต่อบนสุดของขาทั้งสองข้างและดูเหมือนว่าจะถูกทำให้ทื่อลงด้วยวิธีการทางกล เมื่อได้เก็บตัวอย่างจากส่วนที่ยื่นออกมานี้ ก็ไม่มีอาการปวดใดๆถูกแสดงออกมา ผิวหนังของมันจะโปร่งใสต่อความยาวคลื่นแสงที่มองเห็นได้ แต่ก็จะทึบต่อแสงอัลตราไวโอเลต ตัวอย่างเลือดที่ถูกเก็บมาแสดงให้เห็นถึงระบบขนส่งออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์โดยใช้พื้นฐานจากนิกเกิล แทนที่จะเป็นเหล็กหรือทองแดงที่สิ่งมีชีวิตบนบกใช้ และมันก็ยังเป็นสีเขียว การวิเคราะห์เลือดและเนื้อเยื่อแสดงให้เห็นว่าเซลล์ของ SCP-163 ใช้ DNA สำหรับคำสั่งโดยใช้เบส GCAT มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ใช้วิธีอื่นในการตีความคำสั่งดังกล่าว เบสสามชุดยังคงเข้ารหัสกรดอะมิโน แต่ไม่ใช่กรดอะมิโนที่เข้ารหัสในเซลล์บนบก นอกจากนี้ กรดอะมิโนบนบกบางชนิดไม่มีอยู่ในชีววิทยาของมัน ในขณะที่กรดอะมิโนบางชนิดที่มันใช้ไม่มีอยู่ในชีวมณฑลของโลก ทำให้โปรตีนเรียงตัวกันอย่างแตกต่างไปอย่างมาก
สภาพแวดล้อมที่บ้านเกิดของ SCP-163 นั้นน่าจะมีองค์ประกอบต่างๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับบนโลก ซึ่งจะเห็นได้จากความอ่อนไหวต่อองค์ประกอบทั่วไปบางชนิดและการต้านทานต่อองค์ประกอบทั่วไปอื่นๆ ที่น้อยกว่า [ข้อมูลถูกปกปิด] โลหะหนักที่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตบนบกซึ่งถูกใช้ในกระบวนการเผาผลาญของ SCP-163 และถึงแม้ว่า SCP-163 จะไม่ได้ใช้ธาตุเหล็กและแคลเซียมในกระบวนการใดๆ แต่สิ่งเหล่านี่ก็ไม่ได้ก่อผลเสียใดๆต่อมัน การสัมผัสเข้ากับ █████████████ ในรูปแบบสารเคมีใดๆ ก็ตามจะทำให้เนื้อเยื่อของมันเสียหาย ███████ และ ███████ เป็นอันตรายต่อ SCP-163 เช่นเดียวกับที่เป็นอันตรายต่อพวกเรา ตารางสารเคมีที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัยทั้งหมด รวมถึงข้อกำหนดด้านอาหารจะถูกบันทึกไว้ในคู่มือ M-163-1 นอกจากนี้ บรรยากาศที่นั่นก็น่าจะมีสัดส่วนของก๊าซที่แตกต่างกัน SCP-163 สามารถอยู่รอดในบรรยากาศของเราได้สักระยะหนึ่งโดยไม่ต้องใช้เครื่องจักรช่วย แต่จะเริ่มแสดงอาการป่วยหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง อากาศที่ได้รับการกรองเพื่อกำจัดองค์ประกอบทั่วไปบางชนิดนั้นสามารถจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้ การวิเคราะห์เทคโนโลยีของ SCP-163 นั้นรวมไปถึงการค้นหาห้องปิดสนิทซึ่งอาจมีหลักฐานของบรรยากาศที่เป็นบ้านของมันอยู่ด้วย
ไม่ทราบว่า SCP-163 สื่อสารความคิดที่ซับซ้อนเช่นไร เสียงเดียวที่มันเปล่งออกมาคือคลื่นไซน์คงที่ประมาณ 15 เฮิรตซ์เมื่ออยู่ในสภาวะทางอารมณ์บางสภาวะ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในการเปล่งเสียงนี้ และมันก็อาจกินเวลาได้ตั้งแต่ 15 วินาทีไปถึง 10 นาที ขอแนะนำให้บุคลากรที่ได้ยินเสียงนี้เข้าหาที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอเพื่อป้องกันความรู้สึกหวาดระแวง อารมณ์จะแสดงออกเป็นหลักผ่านเนื้อเยื่อกรอบโค้งเหนือวงตา และสภาวะต่างๆนั้นก็จะสอดคล้องกับการบิดเบี้ยวของร่องผิวหนังโดยกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ ก็ยังสามารถสังเกตได้ถึงท่าทางปฏิเสธและยืนยัน ท่าทางยืนยันประกอบด้วยการตีอย่างรวดเร็วของอวัยวะจับต้องเบาของ SCP-163 ในขณะที่ท่าทางปฏิเสธเป็นท่าทางเดียวกันที่จะถูกกระทำโดยอวัยวะจับต้องหนัก ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับท่าทางและสภาวะทางอารมณ์มีอยู่ในคู่มือ M-163-2
SCP-163-1 ดูเหมือนว่าจะเป็นอุปกรณ์กู้ชีพอเนกประสงค์ ที่สามารถจะเปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีพื้นฐานให้เป็นอาหารสำหรับ SCP-163 ได้ นอกจากนี้ มันก็ยังสามารถก่อปรากฏการณ์ที่พบอยู่ในระหว่างการค้นพบ SCP-163 ได้อีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า SCP-163 จะมีสุขภาพที่ดีต่อไป จึงห้ามมิให้ทำการศึกษา SCP-163-1 จนกว่า SCP-163 จะเสียชีวิตไป การทำงานของอุปกรณ์อื่นๆนั้นยังคงไม่เป็นที่เข้าใจโดยสมบูรณ์ เทคโนโลยีนี้จำกัดอยู่แค่ทรานซิสเตอร์หยาบๆที่ประกอบกันเป็นคอมพิวเตอร์แอนะล็อกเฉพาะทางต่างๆ กระบวนการทางกายภาพหลายอย่างที่คอมพิวเตอร์เหล่านี้จำลองนั้นไม่สอดคล้องกับสิ่งที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่รู้จัก มีทฤษฎีว่า SCP-163-1 อาจต้องอาศัยกระบวนการเหล่านี้บางส่วนเพื่อให้ทำงานได้
SCP-163 ถูกค้นพบครั้งแรกโดยคนงานเหมืองในเทือกเขาแอนดีสเมื่อวันที่ ██-██-20██ ชั้นหินที่พบนั้นมีอายุประมาณ █████████ ปี แร่ธาตุที่ตกกระทบในบริเวณใกล้เคียงบ่งชี้ว่ายานอวกาศของมันได้ตกลงมา นักขุดรายงานว่าพวกเขาพบพื้นผิวกระจกที่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ ซึ่งก็หายไปอย่างกะทันหันหลังจากเอาหินออกไปมากพอแล้ว รายละเอียดได้บ่งชี้ว่านี่เป็นปรากฏการณ์เกิดจาก SCP-163-1 ในรัศมีที่ใหญ่กว่า แม้ว่าจะบรรจุอยู่ในหินมาแล้วเป็นเวลา █████████ ปี แต่สิ่งของภายในห้องนั้นไม่มีสัญญาณของความเก่าหรือการเสื่อมสภาพใดๆ เชื่อว่าน่าเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ดังกล่าว อุปกรณ์ประมาณ 30% ถูกปล้นไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงที่เกิดเหตุ แม้บางส่วนจะถูกกู้คืนกลับมาได้แล้ว แต่ก็ยังมีชิ้นส่วนอีกมากมายที่ยังคงสูญหายอยู่ เจ้าหน้าที่ยังคงได้รับมอบหมายให้ค้นหาภายในตลาดมืดต่อไป เพื่อค้นหาเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่อยู่ของเทคโนโลยีที่หายไป
ในช่วงที่เจ้าหน้าที่กำลังเข้าควบคุมสถานการณ์อยู่ SCP-163 นั้นได้ถูกห่อหุ้มด้วยทรงกลมสะท้อนแสงซึ่งผลิตขึ้นโดย SCP-163-1 เนื่องด้วยความที่อินเทอร์เฟซของ SCP-163-1 เข้าใจได้ง่าย เจ้าหน้าที่จึงสามารถปิดการใช้งานมันลงได้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้กำลังในการปราบปราม SCP-163 ซึ่งในขณะนั้นมีความก้าวร้าวเป็นอย่างมาก แต่นอกเหนือจากการพบเจอครั้งแรกนี้แล้ว SCP-163 ก็ให้ความร่วมมือกับสถาบันเป็นอย่างดีในระดับที่มันสามารถจะพอเข้าใจได้
ต่อจากนี้จะเป็นบันทึกการทดลองที่ถูกดำเนินการกับ SCP-163 ซึ่งถูกเลือกมาในบางส่วน รายชื่อการทดลองและผลลัพธ์ฉบับเต็มจะอยู่ในคู่มือ M-163-2
บันทึกการทดลอง 163-46: การแยกแยะใบหน้า
วันที่: ██-██-20██
ผู้ถูกทดลอง: SCP-163
ขั้นตอน: ดร. ████████ เข้าไปในพื้นที่กั้นล้อมของ SCP-163 พร้อมกับการ์ดขนาด 11x17 จำนวนสามสิบ (30) ใบที่มีรูปภาพพิมพ์ด้วยหมึกดูดซับแสงยูวี รูปภาพเหล่านี้เป็นตัวแทนของใบหน้ามนุษย์ที่มีความซับซ้อนแตกต่างกันไป SCP-163 ได้รับภาพเหล่านี้ตั้งแต่ที่ซับซ้อนน้อยที่สุด ซึ่งก็คือ "หน้ายิ้ม" ไปจนถึงที่ซับซ้อนที่สุด ซึ่งก็คือภาพถ่ายของดร. ████████
รายละเอียด: SCP-163 ไม่สามารถที่จะแยกแยะ "หน้ายิ้ม" ที่ทารกมนุษย์สามารถเลียนแบบได้ทันที จนกระทั่งถึงภาพที่สิบแปด SCP-163 จึงตอบสนองโดยหยิบการ์ดแล้ววางไว้ที่ด้านหน้าของแผ่นหน้าของดร. ████████ ภาพที่ 18 ซึ่งมีลักษณะใบหน้าที่เกินจริง ซึ่งรวมถึงจมูก ตา หู และปากที่เปิดออกเผยให้เห็นฟันเรียงกันตรง ภาพที่ 17 ซึ่งมีลักษณะเหมือนกันทุกประการแต่จะมีปากที่ปิดอยู่
บันทึกการทดลอง 163-47: การแยกแยะใบหน้า
วันที่: ██-██-20██
ผู้ถูกทดลอง: SCP-163
ขั้นตอน: ดร. ████████ เข้าไปในพื้นที่กั้นล้อมของ SCP-163 พร้อมกับการ์ดขนาด 11x17 จำนวน 20 ใบที่มีรูปภาพพิมพ์ด้วยหมึกดูดซับแสงยูวี รูปภาพเหล่านี้เป็นตัวแทนของส่วนบนของร่างกายของ SCP-163 ซึ่งมีตั้งแต่รูปสามเหลี่ยมด้านเท่าไปจนถึงรูปถ่ายของ SCP-163
รายละเอียด: SCP-163 ไม่นับไพ่ใบแรกว่าเป็นสายพันธุ์เดียวกับมัน ไพ่ใบที่สองซึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าที่มีเส้นแนวนอนพาดผ่านตรงกลางทำให้มีการตอบสนอง SCP-163 เอาไพ่ทั้งหมดจากดร.████████ แล้วดูไพ่แต่ละใบตามลำดับ จากนั้นจึงจัดไพ่เป็นสองกอง กองหนึ่งมีรูปภาพหกรูปรวมทั้งรูปที่ 1 และกองหนึ่งมีรูปภาพที่เหลือรวมทั้งรูปที่ 2 สันนิษฐานว่ากองแรกมีรูปภาพที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสายพันธุ์ของ SCP-163 ในขณะที่กองที่สองมีรูปภาพที่ระบุได้ การที่รูปถ่ายจริงนั้นถูกจัดไว้ในกองที่สองสนับสนุนสมมติฐานนี้
บันทึกการทดลอง 163-80: ทดสอบความมีน้ำใจ
วันที่: ██-██-20██
ผู้ถูกทดลอง: SCP-163
ขั้นตอน: ดร. ████████ เข้าไปในพื้นที่กั้นล้อมโดยถือบล็อกไม้สองอันและกล่องที่สามารถจุบล็อกดังกล่าวได้ทั้งสองอัน ดร. ████████ เปิดกล่องและย้ายบล็อกอันหนึ่งอันเข้าไปโดยแสร้งทำเป็นใช้ความพยายามอย่างหนัก หลังจากที่ได้ปิดกล่องลงแล้ว ดร. ████████ ก็จะย้ายบล็อกที่สองเข้าไปโดยแสร้งทำเป็นใช้ความพยายามอีกครั้งแล้วจึงรอการตอบสนองจาก SCP-163
รายละเอียด: SCP-163 เปิดกล่องให้กับดร.████████ หลังจากที่เขาพยายามใส่บล็อกลงไปในกล่องในขณะที่ฝากล่องกำลังปิดอยู่ได้เป็นเวลา 10 วินาที ผลลัพธ์สอดคล้องกับการทดลองแบบเดียวกันกับที่ทำกับเด็กมนุษย์
บันทึกการทดลอง 163-88: กระบวนการคิดขั้นสูง
วันที่: ██-██-20██
ผู้ถูกทดลอง: SCP-163
ขั้นตอน: ดร. ████████ เข้าไปในพื้นที่กั้นล้อมพร้อมกับรถเข็นที่มีขาตั้งภาพ ผ้าใบ 5 ผืน พู่กันหลากชนิด และสารสีสะท้อนคลื่นอัลตราไวโอเลตที่ต่างกันไประหว่าง 150 นาโนเมตรจนถึง 300 นาโนเมตร ดร. ████████ สาธิตการวาดภาพโดยใช้สารสี 3 ชนิดคร่าวๆ ก่อนจะส่งพู่กันให้กับ SCP-163
รายละเอียด: SCP-163 เริ่มวาดภาพด้วยสารสีที่เตรียมไว้ในทันที จากภาพ UV นั้น ภาพที่ได้คือภาพภูมิประเทศที่มีพืชและสัตว์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก SCP-163 ยืนนิ่งเป็นเวลาเจ็ดนาทีหลังจากวาดภาพเสร็จก่อนที่จะกระแทกมันออกจากขาตั้งและถอยไปที่มุมหนึ่งของห้องรับของ สันนูนบนกะโหลกศีรษะของมันบ่งบอกถึงความทุกข์ทรมาน ความพยายามเพิ่มเติมทั้งหมดในการโต้ตอบกับ SCP-163 ล้มเหลวจนกระทั่งดร. ████████ พยายามเอาอุปกรณ์วาดภาพออกจากพื้นที่กั้นล้อม เมื่อถึงจุดนั้น อวัยวะจับต้องหนักของ SCP-163 ก็ยื่นออกมาจากระหว่างขาของมันและแสดงถึงท่าทางเชิงลบ ในวันถัดมา ก็สังเกตุได้ว่า SCP-163 กำลังวาดภาพอยู่บนผืนผ้าใบใหม่
ภาคผนวก 163-88:
ณ วันที่นี้ ควรจะให้มีการจัดหาผ้าใบ สี และพู่กันใหม่ให้ SCP-163 ทุกครั้งที่เสบียงของมันใกล้จะหมด นี่เป็นการสื่อสารที่มีความหมายอย่างแท้จริงครั้งแรกที่เราสามารถเข้าใจได้ อย่างน้อยที่สุด เราก็อาจจะสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบนิเวศของโลกบ้านเกิดของมันได้ - ดร. ████████
ภาคผนวก 163-93:
โอกาสที่เราจะค้นพบ SCP-163 นั้นน้อยจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อพิจารณาจากขนาดของโลก ปัจจัยหลายประการจะต้องเข้ามามีบทบาท รวมถึงการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก การพัฒนาภูมิประเทศโดยมนุษย์ และโชคล้วนๆแล้ว ฉันกำลังยื่นคำแนะนำให้เจ้าหน้าที่ควรติดตามการขุดค้นชั้นดินที่มีอายุ █████████ ปีทั้งหมดเพื่อหาสมาชิกสายพันธุ์ของ SCP-163 เพิ่มเติม ฉันแทบไม่อยากเชื่อว่าเราบังเอิญมาพบยานอวกาศลำเดียวที่ลงจอดบนโลกเมื่อหลายล้านปีก่อนพอดี ในช่วงเวลาที่เราเพิ่งเริ่มพัฒนาศักยภาพในการรับรู้ถึงความสำคัญของการค้นพบนี้ มันจะต้องมียานอวกาศลำอื่นๆซ่อนอยู่ในที่ไหนสักแห่งใต้นั้นแน่ๆ - ดร. ████████
[[include :scp-wiki:component:license-box |author=Flah]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]
[[module Rate]]
วัตถุ #: SCP-156
ระดับ: Euclid
มาตรการกักกันพิเศษ: SCP-156 จะต้องถูกเก็บไว้ในห้องเก็บแช่เย็น 19c เมื่อถูกนำออกไปทำการทดลอง ผู้ที่ได้รับเชื้อ SCP-156 จะต้องถูกควบคุมและเฝ้าติดตามเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนถึง 21 มีนาคม ผู้ที่ได้รับเชื้อควรถูกกักกันเอาไว้ในห้องเก็บที่มั่นคง ยกเว้นแค่ในกรณีที่ขอบเขตของการทดลองระบุไว้ให้ทำเช่นอื่น สถานที่กักเก็บทั้งสองนั้นแห่งควรที่จะได้รับการเฝ้าติดตามผ่านกล้องวงจรปิด การกำจัดและชันสูตรพลิกศพบุคลากรระดับ D ที่ได้รับมอบหมายให้รับมือกับ SCP-156 ควรถูกเลื่อนออกไปเป็นเวลาหลังวันที่ 21 มีนาคม และห้ามมิให้บุคลากรใดๆรับประทาน SCP-156 นอกจากบุคลากรในระดับ D นอกจากจะได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ระดับ 3
รายละเอียด: SCP-156 เป็นกลุ่มของเมล็ดทับทิมจำนวน 181 เมล็ด จำนวนตัวอย่างของ SCP-156 นั้นจะอยู่คงที่ เมื่อมีเมล็ดหนึ่งถูกกินหรือทำลายทิ้ง มันจะถูกแทนที่ด้วยเมล็ดใหม่ซึ่งจะปรากฏขึ้นในกลุ่มตัวอย่างที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่สุดทันที ตัวอย่างสามารถถูกเคลื่อนย้ายไปมาได้อย่างอิสระ แต่หลังจากที่ได้หลุดออกจากกลุ่มแล้ว (กล่าวคือ หลังจากที่ตัวอย่างหนึ่งไม่สัมผัสกับตัวอย่างอื่นๆ) ตัวอย่างนั้นก็จะเน่าเปื่อยตามปกติ หลังจากนั้นจึงจะปรากฏขึ้นใหม่ เมื่อตัวอย่างทั้งหมดถูกทำลายพร้อมกัน ตัวอย่างทั้ง 181 เม็ดจะปรากฏขึ้นอีกครั้งแบบสุ่มในตำแหน่งของเมล็ดทับทิมเม็ดหนึ่งที่ถูกทำลายไป จนถึงขณะนี้ ความพยายามในการวัดระยะเวลาระหว่างการทำลายตัวอย่างทิ้งไปจนถึงการปรากฏขึ้นของตัวอย่างใหม่โดยใช้กล้องความเร็วสูงนั้นล้มเหลว
หาก SCP-156 ถูกรับประทานเข้าไประหว่างวันที่ 21 มีนาคมถึง 20 กันยายน ผู้รับประทานจะไม่แสดงอาการของการติดเชื้อจนกระทั่งเที่ยงของวันที่ 21 กันยายน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดที่มีความสำคัญต่อชีวิตจะหยุดลงอย่างกะทันหัน จะสามารถสังเกตเห็นผลที่คล้ายกันได้ทันทีเมื่อ SCP-156 ถูกรับประทานเข้าไปหลังจากวันที่ 21 กันยายน แม้ว่าในทางเทคนิคนั้นผู้ได้รับผลจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่การชันสูตรพลิกศพของผู้ได้รับผลก็ไม่สามารถตรวจค้นถึงสาเหตุของการเสียชีวิตได้ ผู้ได้รับผลดูเหมือนจะมีสุขภาพที่สมบูรณ์ดี มีอยู่เพียงแค่อาการเจ็บป่วยที่มีเกิดขึ้นในช่วงก่อนการ "เสียชีพ" ผู้ได้รับผลนั้นไม่แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการเน่าเปื่อยใดๆ แต่ร่างกายของผู้ได้รับผลหลายคนนั้นจะมีรอยฟกช้ำและเป็นแผลเป็นปรากฏขึ้นซึ่งสอดคล้องกับการถูกทรมาน ถึงแม้ว่าผู้ได้รับผลส่วนใหญ่จะได้รับรอยรับบาดเจ็บเหล่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับมัน และก็ยังไม่มีสูตรที่เชื่อถือได้ในการคาดการณ์ว่าผู้ได้รับผลคนใดจะได้รับผลกระทบดังกล่าว ผู้ได้รับผลที่ติดเชื้อจะอยู่ในสภาวะนิ่งเฉยจนถึงเที่ยงของวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งกระบวนการคืนชีพจะเริ่มต้นขึ้น ผู้ได้รับผลจะสามารถที่จะจดจำช่วงเวลาระหว่างนั้นได้เพียงเล็กน้อย และในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่นั้นจะไม่รับรู้ว่าเวลาผ่านไปในระหว่างช่วงที่พวกเขาเสียชีวิตไป แต่ก็มีบางคนที่อ้างว่าพวกเขาสามารถจดจำใบหน้าชายสีขาวซีดและต้นทับทิมที่เหี่ยวเฉาได้
ในทุกๆปี ผู้ได้รับผลจะเสียและฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ในวันที่ 21 กันยายนและ 21 มีนาคม ตามลำดับ จนกว่าพวกเขาจะเสียชีวิตจากสาเหตุอื่น การฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่จะเกิดขึ้นได้จากการเสียชีวิตที่เกิดจากการรับประทาน SCP-156 เท่านั้น
หลังจากที่ผ่านวัฏจักรการเสีย-ฟื้นชีพมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ผู้ได้รับผลจะเริ่มแสดงอาการทุกข์ใจและความหวาดระแวงในระดับสูงเมื่อเวลาใกล้จะถึงวันที่ 21 กันยายน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทราบถึงวัฏจักรการเสีย-ฟื้นชีพก็ตาม นอกจากนี้ ผู้ได้รับผลจะแสดงความพยายามเป็นอย่างสูงในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหรืออันตรายใดๆต่อร่างกายของตนเอง แม้ว่าพวกเขาจะมีพฤติกรรมชื่นชอบความเสี่ยงก่อนที่จะได้รับประทาน SCP-156 เข้าไปก็ตาม หลังจากที่ได้ผ่านวัฏจักรการเสีย-ฟื้นชีพนี้ไปหลายครั้งแล้ว อาการทางจิตใจเหล่านี้ก็จะแสดงความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน อาการทางกายในช่วงที่ร่างกายนิ่งเฉยก็จะรุนแรงขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลจากอาการเหล่านี้ และบาดแผลทางกายของผู้ได้รับผลก็จะเริ่มปรากฏขึ้นในลักษณะคล้ายแผลไฟไหม้และแผลทิ่มแทงในที่สุด ผู้ได้รับผลจำนวนมากจะเริ่มกลัวสุนัขและต้นไม้ตายหลังจากที่ได้ทำการฟื้นคืนชีพขึ้น 3-5 ครั้ง หลังจากที่ผู้ได้รับผลเสียชีวิตจาก SCP-156 ไปแล้วเป็นจำนวนหลายครั้ง เนื้อเยื่อตาของพวกเขาส่วนใหญ่ก็จะตายลง เนื้อเยื่อนี้จะไม่ฟื้นคืนชีพพร้อมกับส่วนอื่นๆของร่างกาย และหลังจากที่ได้มีการฟื้นคืนชีพสิบครั้งหรือมากกว่านั้น กระบวนการต่างๆในร่างกายจะฟื้นคืนกลับตามปกติ แต่ผู้ได้รับผลนั้นจะไม่สามารถฟื้นคืนสติได้ และเข้าสู่ภาวะโคม่า การเสียและฟื้นชีพจะยังคงดำเนินต่อไปทุกปี ถึงแม้ผู้ได้รับผลจะเข้าสู่ระยะนี้แล้วก็ตาม
สถาบันได้ทราบถึงการมีอยู่ของ SCP-156 หลังจากเหตุการณ์ในเมือง████████ ประเทศกรีซ หลังจากมีผู้เสียชีวิต ██ รายในวันที่ 21 กันยายน 19██ โดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน สถาบันได้เข้ามาเกี่ยวข้องหลังจากที่คนในท้องถิ่นรายงานการกลับมาของผู้เสียชีวิตหลายคนที่ถูกฝังไว้ในห้องใต้ดินในฤดูใบไม้ผลิปีถัดมา หลังจากซักถามบุคคลเหล่านี้แล้ว มีรายงานว่าทุกคนไปงานปาร์ตี้ที่บ้านของ อ█████ ก█████ ซึ่งถูกฝังและพบในสภาพขาดอากาศหายใจในโลงศพ พบ SCP-156 ในบ้านซึ่งยังสดอยู่ แม้ว่าจะผ่านมาหกเดือนแล้วนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ได้มีการทดสอบเริ่มขึ้นกับบุคลากรระดับ-D ในวันที่ ██ สิงหาคม 19██ D-E15624 ซึ่งเป็นผู้ทดสอบคนแรก เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2█ กันยายน ปี19██ และถูกชันสูตรพลิกศพ ไม่พบสาเหตุของการเสียชีวิต บุคคลดังกล่าวถูกทิ้งไว้ภายใต้การเฝ้าติดตามในห้องกักเก็บ ในวันที่ 2█ มีนาคม ปี19██ ผู้ทดสอบเริ่มแสดงอาการของสมองและหัวใจที่เริ่มกลับมาทำงานแม้ว่าร่างกายจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงระหว่างการชันสูตรพลิกศพก็ตาม D-E15624 เสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่นานโดยไม่ได้รู้สึกตัว และเมล็ดทับทิมก็ได้รับสถานะ SCP และได้มีคำสั่งให้มีการทดสอบในระยะยาวขึ้น
[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=Oresthin]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]
[[module Rate]]
วัตถุ #: SCP-154
ระดับ: Euclid
มาตรการกักกันพิเศษ: SCP-154 จะต้องถูกเก็บไว้ในตู้เก็บอาวุธหมายเลข 8 ในศูนย์วิจัยอาวุธ 47 บุคลากรที่ต้องการวิจัยหรือใช้วัตถุจะต้องส่งแบบฟอร์มคำขอที่จำเป็น ผู้ใดที่พยายามจะนำวัตถุออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือนำไปนอกพื้นที่อาคารนั้นจะต้องถูกกำจัดทันทีที่พบเห็น
รายละเอียด: SCP-154 เป็นกำไลข้อมือสัมฤทธิ์เรียบๆ 2 เส้น ทั้งสองม้วนขดเป็นวงกลมทั้งเส้นและมีขนาดใหญ่พอที่จะคล้องกับแขนของคนส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย จากการวิเคราะห์ด้วยสเปกโตรกราฟได้พบว่าสร้อยข้อมือนี้ประกอบด้วยทองแดงล้วน (85%) ดีบุก (11%) สารหนู (3%) และสารเจือปนเล็กน้อยอื่นๆ (<1%)
เมื่อกำไลทั้งสองข้างถูกสวมลงบนแขนข้างเดียวกัน และผู้สวมได้เพ่งสมาธิไปที่กำไลทั้งสองข้างโดยเหยียดแขนออกไปในท่า "ดึงสายธนู" ตามจารีตประเพณี (โดยให้แขนที่ถือกำไลเหยียดตรงไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ และแขนที่อยู่ตรงข้ามเหยียดขึ้นไปถึงข้อศอกของแขนที่เหยียดออกสุด) คันธนูขนาดใหญ่ที่ไม่มีรูปร่างชัดเจนก็จะก่อตัวขึ้นในมือที่ถูกเหยียดออกไป และกำไลทั้งสองข้างจะเรืองแสงออกมาอ่อนๆ
จากจุดนั้นเป็นต้นไป SCP-154 จะสามารถถูกนำใช้เป็นคันธนูได้ จนกว่าท่าทางหรือสมาธิจะขาดหายไป ซึ่งจะส่งผลให้กำไลกลับคืนสู่สภาพปกติ แม้สายธนูจริงๆนั้นจะไม่มีอยู่ แต่การเคลื่อนไหวคล้ายการดึงสายธนูให้สมบูรณ์ก็จะให้ผลเช่นเดียวกัน
เมื่อ "สายธนูถูกดึงและปล่อย" กระดูกภายในแขนข้างที่ถูกเหยียดออกเต็มที่จะถูกขับออกไปด้วยความเร็วมากกว่าสามร้อย (300) เมตรต่อวินาที จากนั้นกระดูกที่หายไปพร้อมบาดแผลซึ่งเกิดการยิงกระดูกดังกล่าวจึงจะฟื้นฟูตนเอง และอาวุธนี้ก็จะสามารถกลับมา "ยิง" ได้อีกครั้งภายในไม่กี่นาที การทดสอบโดยใช้ผู้ทดสอบที่มีหลายแขนขา อย่างเช่น SCP-1884-B1 ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการยิง SCP-154 ได้หลายครั้ง โดยมีการใช้กระดูกของแขนแต่ละข้างในการยิงแต่ละครั้ง
การฟื้นฟูจากวัตถุนี้ก็มีขีดจำกัด โดยมันจะส่งผลต่อความเสียหายที่เกิดจากอาวุธดังกล่าวเท่านั้น การฟื้นฟูนี้ดูเหมือนจะเป็นการกระทำอัตโนมัติและจะดำเนินต่อไปในเกือบทุกสถานการณ์ ทั้งการยิงอาวุธและการฟื้นฟูจะส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นเป็นอย่างมาก และผู้ที่ได้ใช้วัตถุนี้ครั้งหนึ่งมักจะไม่อยากที่จะใช้งานมันซ้ำ
อย่างไรก็ตาม พบว่ามีความผิดปกติบางประการเกี่ยวกับการฟื้นฟู ซึ่งส่วนใหญ่มักจะแสดงออกมาในรูปของการกลายพันธุ์เล็กน้อยของงออร์แกเนลล์ดั้งเดิม เช่น การเปลี่ยนแปลงในขนาด เม็ดสี และโครงสร้างของออร์แกเนลล์เดิม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการใช้อาวุธทุกครั้ง แต่โดยทั่วไปมักจะเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานซ้ำๆ
มีความผิดปกติที่รุนแรงกว่านี้อีก แม้ว่าจะพบได้น้อยกว่ามาก และเกิดขึ้นพร้อมกันกับการใช้งานบ่อยครั้ง การกลายพันธุ์เหล่านี้อาจเป็นได้ตั้งแต่ข้อต่อและนิ้วที่งอกเกินมาในแขนที่ได้รับผลกระทบ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีหรือทางกายภาพของแขนขาอย่างสมบูรณ์
ผู้เข้ารับการทดสอบรายหนึ่งได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กระดูกภายในแขนของเขาถูกเปลี่ยนให้เป็นสารระเบิดที่ไม่เสถียร ซึ่งก็ได้ทราบในภายหลังจากที่มันระเบิดขึ้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย อีกรายหนึ่งนั้นกระดูกและโครงสร้างกล้ามเนื้อทั้งหมดได้เปลี่ยนสภาพเป็นสรีระของงูที่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์
[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=Kain Pathos Crow]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]
[[module Rate]]
[[include component:image-block
name=http://scp-wiki.wikidot.com/local--files/scp-150/isopod.jpg|
caption=ตัวอย่าง SCP-150 ที่ถูกนำแยกออกมาจากสมองของ D-13732 ขยาย 20 เท่า]]
วัตถุ #: SCP-150
ระดับ: Keter
มาตรการกักกันพิเศษ: ผู้ติดเชื้อ SCP-150 ที่ถูกเก็บไว้เพื่อการศึกษาควรถูกกักกันไว้ในห้องกักกันชีวอันตรายระดับ-3 โดยจะต้องไม่มีตัวอย่างเกินหนึ่งบุคคลต่อห้อง อาณานิคมของ SCP-150 จะถูกบรรจุไว้ในขวดแก้วปิดผนึกสูญญากาศในห้องปฏิบัติการวัสดุติดเชื้อของไซต์-42 ควรจะมีการปฏิบัติตามขั้นตอนการจัดการเชื้อโรคมาตรฐานอยู่ตลอดเวลา หากมีการพบ SCP-150 นอกบริเวณกักกัน ตัวอย่างดังกล่าวนั้นจะต้องถูกเผาทำลายทิ้ง
รายละเอียด: SCP-150 เป็นปรสิตแท้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเหากินลิ้น (Cymothoa exigua) ซึ่งได้ทำการปรับตัวให้สามารถทำการสร้างภาวะอิงอาศัยแบบประสานกับมนุษย์ได้ตลอดช่วงชีวิต เมื่อได้สัมผัสเข้ากับมนุษย์ SCP-150 จะฝังตัวลึกเข้าไปในเนื้อของโฮสต์ดังกล่าว และในช่วงเวลาประมาณเจ็ดวัน ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาหลายอย่างต่อตัวโฮสต์
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของแขนขาที่อยู่ใกล้บริเวณที่ติดเชื้อให้กลายเป็นรยางค์ไคติน เมื่อ SCP-150 กินเนื้อของโฮสต์ มันจะขับเนื้อเยื่อออกมาเพื่อทดแทนและเพิ่มการทำงานของแขนขาของโฮสต์โดยไม่ทำให้เกิดภาวะการปฏิเสธขึ้น คาดว่า SCP-150 สามารถหลั่งสารระงับความรู้สึกและกดภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของโฮสต์ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว นอกจากนี้ เนื้อเยื่อประสาทที่ SCP-150 ขับออกมายังสามารถเชื่อมต่อกับระบบประสาทของโฮสต์ได้อีกด้วย เมื่อกระบวนการนี้เสร็จสิ้น โฮสต์จะสามารถควบคุมแขนขาที่ได้รับผลกระทบได้โดยไม่สูญเสียการเคลื่อนไหว และมักจะมีความแข็งแรง ปฏิกิริยาตอบสนอง และความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น
SCP-150 จะสืบพันธุ์เป็นเวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์โดยการกินสารอาหารจากหลอดเลือดและฝากไข่1 ไว้ภายในหลอดเลือดที่ถูกประสานจนเรียบร้อยแล้ว ไข่จะถูกฝังไปทั่วร่างกายมนุษย์ผ่านกระแสเลือด แม้ว่าส่วนใหญ่จะตายไป แต่ก็จะมีไข่เพียงพอที่จะเริ่มสร้างอาณานิคมและเปลี่ยนแปลงส่วนอื่นๆของร่างกายได้ แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะรายงานว่าพวกเขารู้สึกไม่สบายและสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวเป็นครั้งคราวในระหว่างกระบวนการนี้ แต่บ่อยครั้งพวกเขาก็จะไม่รู้ถึงสาเหตุของความรู้สึกไม่สบายดังกล่าว ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทำไมลูกหลานของพวกมันจึงไม่แข่งขันกันเพื่อพื้นที่หรือทรัพยากร หรือเหตุใดกระบวนการประสานจึงไม่ทำให้กลไกการส่งสัญญาณของเซลล์และกระบวนการของร่างกายได้รับผลกระทบไปด้วย SCP-150 สืบพันธุ์ในระหว่างกระบวนการประสานนี้ เมื่อปอดถูกประสาน ไข่จะถูกผลิตและแพร่กระจายมากยิ่งขึ้นผ่านการไอของผู้ติดเชื้อ แม้ว่าจะสามารถผลิตไข่ได้มากถึง 10,000 ฟองในช่วงเวลานี้ แต่คาดว่ามีเพียง 1% เท่านั้นที่สามารถหาทางไปสู่โฮสต์อื่นได้ โดยจะมี 1% ในจำนวนนี้ที่จะสามารถรอดชีวิตจากการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของโฮสต์และฝังตัวได้สำเร็จ
ถึงแม้ว่า SCP-150 จะส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางซึ่งรวมถึงไขสันหลังและสมองถูกประสานและเปลี่ยนแปลงไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าจิตสำนึกและพฤติกรรมของโฮสต์จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ การสัมภาษณ์ผู้ที่ติดเชื้อ SCP-150 ให้ข้อมูลมาเพียงเล็กน้อย เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อที่ไม่รู้ตัวว่าตน SCP-150 มีอยู่นั้นจะอ้างว่าตนไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาในประสาทสัมผัสหรือความสามารถใดๆ และในขณะที่ผู้ที่รับรู้ถึงการติดเชื้อจะสามารถระบุถึงแหล่งที่มาของการเปลี่ยนแปลงได้ แต่พวกเขาก็แทบจะไม่แสดงความรู้สึกเชิงลบใดๆและมักจะแสดงความรู้สึกเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นๆอยู่บ่อยครั้ง
ภาคผนวก 150-E: บทบันทึกการทดลองตัดเส้นประสาทบริเวณสมองกลีบหน้าเชิงสำรวจและการเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อประสาท
ผู้ทดสอบ D-Class สองคน คือ D-13732 และ D-016002 ได้รับเชื้อ SCP-150 และได้รับอนุญาตให้ผ่านอยู่พ้นระยะการติดเชื้อทั้งหมด เพื่อตรวจสอบผลกระทบอย่างเต็มที่จากการติดเชื้อ ผู้ทดสอบทั้งสองรายได้รับการผ่าตัดประสาทเชิงสำรวจ D-13732 ถูกทำการุณยฆาต พบว่าเนื้อเยื่อประสาทของเขาถูกแทนที่ด้วย SCP-150 ขนาดเล็กกว่าทั้งหมด เนื้อเยื่อที่ประกอบเป็นเนื้อสมองของเขาถูกแยกออกมาและเก็บไว้เพื่อทำการทดลองกับ D-016002
การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะเพื่อลดความดันภายในและการตัดเส้นประสาทบริเวณสมองกลีบหน้าต่อไปนี้ถูกดำเนินการโดย ดร.ฮาร์แลน ซัน ดร.เวนดี้ โรบิน และ ดร.อเล็กซ์ ฮาร์โลว์ บน D-016002 ต่อไปนี้คือบทถอดความฉบับเต็ม
<เริ่มการบันทึก 21:43>
(D-016002 ถูกวางยาสลบบางส่วนเพื่อให้เกิดการชาขึ้นในช่วงเริ่มต้นการเจาะกระโหลกศีรษะ ไม่มีเหตุการณ์สำคัญใดๆเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการนี้ แม้ว่าฮาร์โลว์จะรายงานว่าคาดว่ากะโหลกศีรษะจะมีแรงต้านน้อยลงในขณะที่กำลังเจาะและตัดแผ่นกระดูกออก เมื่อแผ่นกระดูกถูกนำออกและได้มีการเปิดเยื่อหุ้มสมองชั้นนอกออก ก็พบว่ามี SCP-150 ขนาดเล็กจำนวนมากกำลังนอนอยู่ในโพรงกะโหลกศีรษะซึ่งควรจะมีสมองอยู่ ฮาร์โลว์รายงานเรื่องนี้ให้โรบินทราบ ซึ่งโรบินได้แจ้งซันให้เริ่มกระบวนการสัมภาษณ์ในขณะที่เธอทำเครื่องหมายบริเวณสมองของ D-016002 บนแผนที่ที่ถูกฉายทับรอยเปิดอยู่)
ดร.ซัน: คุณชื่ออะไร?
D-016002: มาโกะ [ข้อมูลถูกปกปิด]
ดร.ซัน: พูดชื่อสิ่งของที่ใช้นั่งได้
D-016002: เก้าอี้
ดร.ซัน: หญ้ามีสีอะไร?
D-016002: เขียว
ดร.ซัน: หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไหร่?
(D-016002 หยุดไปชั่วขณะ)
D-016002: สอง
ดร.โรบิน: เราทำเครื่องหมายตำแหน่งโดยประมาณของบริเวณเวอร์นิเกไว้แล้ว2.
ดร.ฮาร์โลว์ : ขอบคุณมาก ซัน ตอนนี้ผมจะเริ่มเก็บตัวอย่างจากบริเวณนี้แล้ว
(ดร. ฮาร์โลว์ทำการกรีดเยื่อหุ้มสมองชั้นนอกออกอย่างระมัดระวัง แล้วใช้คีมคีบตัวอย่างบางส่วนออกจากบริเวณนั้น เขาใส่ตัวอย่างแต่ละตัวอย่างลงในขวดแก้ว ปิดฝาขวด แล้ววางไว้บนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ตัวอย่างแต่ละตัวอย่างดูเหมือนจะเคลื่อนไหวและเริ่มดิ้นเมื่อถูกดึงออกมาเท่านั้น กระบวนการนี้กินเวลาไปประมาณสิบนาที ในช่วงเวลาดังกล่าว ซันจะถามคำถามเดิมซ้ำๆ กับ D-016002 เมื่อฮาร์โลว์ดึงตัวอย่างออกมาได้ประมาณ 100 ตัวอย่างแล้ว เขาก็ได้ส่งสัญญาณให้ซันดำเนินการต่อ)
ดร.ซัน: พูดชื่อสิ่งของที่ใช้นั่งได้
D-016002: เอิ่อ… อืม ที่นั่ง
ดร.ซัน: หญ้ามีสีอะไร?
D-016002: เขียว.. มั้งนะ?
ดร.ซัน: หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไหร่?
D-016002: …สอง
ดร.ซัน: จดหมายเหตุสำหรับการบันทึกไว้ว่าการตอบสนองของ D-016002 ช้าลงเล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่าตัวอย่างต่างๆภายในโพรงกะโหลกศีรษะของเธอทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเซลล์ประสาท แม้จะไม่ชัดเจนว่าแต่ละตัวอย่างเทียบได้เท่ากับเซลล์ประสาทกี่เซลล์ก็ตาม
ดร.ฮาร์โลว์: ตอนนี้ผมกำลังวางตัวอย่างเนื้อเยื่อประสาทที่ได้รับจาก D-13732 ลงใน D-016002 ตัวอย่างจาก D-13732 ได้รับการทำเครื่องหมายไว้ด้วยสีย้อมเรืองแสงกัมมันตภาพรังสีเพื่อแยกแยะพวกมันสำหรับการนำเก็บในภายหลัง
ดร.ซัน: พูดชื่อสิ่งของที่ใช้นั่งได้
D-016002: โซฟา
ดร.ซัน: หญ้ามีสีอะไร?
D-016002: ฟ้า
ดร.ซัน: หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไหร่?
D-016002: สอง
ดร.ซัน: สิบคูณสิบเอ็ดได้เท่าไหร่?
D-016002: หนึ่งร้อยสิบเอ็ด
ดร.ซัน: การตอบสนองของ D-016002 กลับมาเป็นปกติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถสลับเนื้อเยื่อประสาท 150 ชิ้นระหว่างโฮสต์แต่ละรายได้อย่างอิสระโดยไม่เกิดภาวะปฏิเสธ ตอนนี้เราจะเริ่มขั้นตอนสุดท้าย D-016002 คุณจะได้รับยาสลบแบบทั่วไปเต็มปริมาณ
(D-016002 ได้รับยาสลบทั่วไปซึ่งใช้เวลาหลายวินาทีจึงจะเริ่มออกฤทธิ์)
ดร.ซัน: ขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาสลบอย่างสมบูรณ์ ดร. ฮาร์โลว์ คุณสามารถเริ่มขั้นตอนการสกัดเนื้อเยื่อได้เลย สำหรับขั้นตอนสุดท้ายนี้ เราจะพยายามแทนที่เนื้อเยื่อสมองของ D-016002 ด้วยเนื้อเยื่อสมองของ D-13732 ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ ในระหว่างการสำรวจโพรงกะโหลกศีรษะของ D-13732 ดร. ฮาร์โลว์และผมสังเกตเห็นว่าเนื้อเยื่อสมองที่เชื่อมเนื้อสมองของเขากับไขสันหลังไม่ได้ถูกยึดไว้อย่างแน่นหนา และก็ดูเหมือนว่าเนื้อเยื่อสมองทำการจะสลับตำแหน่งกับเนื้อเยื่อสมองอื่นๆ เราจะมาดูกันว่าความเข้ากันได้นี้จะขยายไปได้มากแค่ไหน
(ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่ดร.ฮาร์โลว์ ซัน และโรบิน กำลังถอดส่วนบนของกะโหลกศีรษะของ D-016002 ออก และเริ่มนำส่วนสมองของเธอออกมาใส่ในภาชนะแก้วขนาดใหญ่)
ดร.ซัน: การนำออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนสมองของ D-016002 ได้ถูกนำแยกออกมาอย่างสำเร็จ ขณะนี้ ดร.ฮาร์โลว์กำลังใส่เนื้อสมองของ D-13732 เข้าไปในโพรงกะโหลกศีรษะที่ถูกเปิดออกของ D-016002
(มีความเงียบต่อมาเป็นเวลาหลายนาที)
ดร.โรบิน: หัวใจเต้นสม่ำเสมอ ยังหายใจและมีชีพจรอยู่ ขออีกนาที… โอเค ฉันจะปลุกเธอขึ้นแล้ว
(มีการหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะในขณะที่ดร.โรบินกำลังลดยาสลบและ D-016002 ตื่นขึ้น)
ดร.ซัน: คุณชื่ออะไร?
D-016002: ไมเคิล [ข้อมูลถูกปกปิด]3
ดร.ฮาร์โลว์: พระเจ้า (เป็นเสียงแว่วๆในพื้นหลัง)
ดร.ซัน: พูดชื่อสิ่งของที่ใช้นั่งได้
D-016002: บีนแบ็ก
ดร.ซัน: หญ้ามีสีอะไร?
D-016002: เขียว
ดร.ซัน: หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไหร่?
(ไมโครโฟนสามารถตรวจจับเสียงเฉอะแฉะได้เบาๆ)
ดร.โรบิน: เฮ้ เอ่อ ซัน —
D-016002: สอง
ดร.โรบิน: ซัน ดูสิ
(ดูเหมือนว่าสมองของ D-016002 จะเคลื่อนไหวด้วยตนเอง ขยับไปมาอย่างละเอียดอ่อน)
ดร.ฮาร์โลว์: อืม… เพิ่งจะมีงั้นครั้งแรก
ดร.ซัน: คุณรู้สึกเจ็บปวดตรงไหนบนร่างกายบ้างไหม?
D-016002: ผมรู้สึกหนักหน้าอกนิดหน่อย แต่นอกจากนั้นก็รู้สึกเหมือนเดิม
ดร.ซัน: งั้นก็เยื่ยม แล้วตอนนี้มี —
D-016002: คือปกติแล้วผมจะรู้สึกกระตือรือร้น ตอนก่อนผ่าตัดก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมค่อนข้างเหนื่อยเลย ช่วงนี้ผมชอบออกกำลังกายก่อนเข้านอน แต่ผมคงทำที่นี่ไม่ได้ งั้นผมขอนอนพักสักหน่อยได้หรือเปล่า?
ดร.ซัน: นอนพักหรอ?
D-016002: แบบสักสามถึงห้านาทีน่ะ จะให้ผมนอนตรงนี้เลยก็ได้ (สมองส่วนบนของ D-016002 บางส่วนแยกออกก่อนจะส่งเสียงครางหงิงๆ หลังจากส่วนนั้นปิดลง สมองของ D-016002 ก็หดกลับไปหาตัวเองอย่างรวดเร็ว ดวงตาของ D-016002 ปิดลง)
ดร.ซัน: นั่นดูไม่ดีเลย (ดร.โรบินก้าวถอยห่างจากห้องผ่าตัด พร้อมส่งเสียงใกล้อาเจียนในขณะที่กำลังออกจากห้อง)
Dr. Harlow: D-016 - อ่า D-13732 คุณสบายดีหรือเปล่า?
D-016002: ใช่ (หาว) ผมสบายดี ถามทำไมหรอ?
[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=The Raven, A Random Day, and Decibelles]]
Filename: isopod.jpg
Name: Isopod, Glyptonotus antarcticus.jpg
Author: Zureks
License: CC BY-SA 3.0
Source Link: Wikimedia
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]
[[module Rate]]
วัตถุ #: SCP-146
ระดับ: Euclid
มาตรการกักกันพิเศษ: มาตรการกักกันได้รับการแก้ไขหลังจากที่ได้พบว่าผลกระทบของ SCP-146 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายภายใต้การกักกันครั้งก่อน (ถังเก็บของนิรภัยมาตรฐานขนาดครึ่งลูกบาศก์ (0.5) เมตร) ถังนี้ไม่ควรถูกนำมาใช้ แต่หากมีผู้วิจัยคนใดต้องการที่จะทดสอบ SCP-146 ในระดับความเข้มข้นสูง บุคลากรคนนั้นๆจะต้องมีระดับการเข้าถึงเกินระดับ 3 เท่านั้นจึงจะได้รับอนุญาติให้ทำการปิดล้อมหรือคลุม SCP-146 นานเกินสองวัน
ในระหว่างการจัดเก็บตามปกติ SCP-146 จะต้องถูกวางไว้บนแท่นหินอ่อนในห้องเก็บของของมัน ซึ่งอยู่ที่ [ข้อมูลถูกปกปิด] ห้องเก็บมาตรฐานของ SCP-146 จะต้องมีขนาดไม่น้อยกว่ายี่สิบ (20) ตารางเมตร โดยจะมีผนังปูนฉาบและเพดานซึ่งถูกทาสีให้ดูเหมือนท้องฟ้าแจ่มใสในตอนกลางวัน ห้องจะต้องมีแสงที่สว่างเพียงพอ (เทียบเท่าแสงแดดที่จ้าอย่างเต็มที่) อยู่ตลอดเวลา ประดับด้วยกระถางต้นไม้หลากหลายชนิด (ซึ่งต้องมีการดูแลในทุกๆวัน) และถูกตกแต่งในลักษณะของช่วงสาธารณรัฐตอนปลายของกรุงโรม (ประมาณ 120-80 ปีก่อนคริสตกาล) การทดลองกับลักษณะการตกแต่งภายในที่แตกต่างกันแสดงให้เห็นว่า SCP-146 ดูเหมือนจะชอบการจัดวางแบบนี้ และมีรสนิยมด้านสุนทรียศาสตร์ที่สอดคล้องกับชนชั้นสูงของกรุงโรมในยุคนั้น แม้ว่าการมาตรการนี้จะถูกถือเป็นมาตรฐาน แต่ผู้วิจัยที่มีระดับการเข้าถึง 2 ขึ้นไปอาจทดลองกับรูปแบบการกักกันที่แตกต่างกันได้เพื่อปรับเปลี่ยนผลกระทบของ SCP-146
แม้ว่าตัว SCP-146 เองนั้นจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และไม่จำเป็นต้องมีการรักษาความปลอดภัยมากมาย แต่บุคลากรที่จะต้องเข้าไปในพื้นที่กักกันหรือจับต้องมันด้วยวิธีใดๆ จะต้องไม่ทำการสบตากับ SCP-146 ความพยายามในการปิดบัง SCP-146 เพื่อป้องกันการสบตาใดๆนั้นถูกสั่งห้าม เนื่องจากที่การกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้ SCP-146 ส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่สามารถคาดเดาได้ โดยทั่วไปแล้ว การปิดบังหรือกักเก็บเป็นเวลาหนึ่ง (1) วันจะทำให้ SCP-146 ข้ามช่วงเริ่มต้นของผลกระทบและเริ่มต้นด้วยความทรงจำที่เลวร้ายที่สุด หลังจากสาม (3) วัน SCP-146 ได้แสดงให้เห็นว่ามันสามารถแสดงผลกระทบได้โดยไม่ต้องสบตากับมันโดยตรงก่อน หลังจากเจ็ด (7) วันนั้น ผลกระทบของ SCP-146 จะรุนแรงขึ้นมากและไม่จำกัดอยู่แค่ผู้ได้รับผลซึ่งอยู่ในขอบเขตการมองเห็นของ SCP-146 อีกต่อไป นักวิจัยในห้องใกล้เคียงเคยได้รับผลกระทบและหนึ่งในนั้นก็ถูก [ข้อมูลถูกปกปิด] อย่างถาวร ไม่อนุญาตให้มีการทดลองใดๆเกินเจ็ด (7) วันตามคำสั่งของ O5-█ ผ้าปิดตาและฉากกั้นตกแต่งจะถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับบุคลากรที่จำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่กักกันของ SCP-146 เพื่อทำการบำรุงรักษา
รายละเอียด: SCP-146 เป็นศีรษะสัมฤทธิ์กลวง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของรูปปั้นหรือรูปสลักครึ่งตัวที่สมบูรณ์ มีลักษณะเป็นรูปหญิงสาวหรือชายหนุ่มที่มีรูปหน้าคล้ายกับผู้หญิงสวมมงกุฎ วัตถุจะมีรอยสนิมเขียวเข้มปกคลุมพื้นผิวส่วนใหญ่เอาไว้ มงกุฎของ SCP-146 นั้นจะถูกประดับด้วยเครื่องประดับเงิน และลูกตาของมัน (ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของผลกระทบของ SCP-146) ก็ถูกทำขึ้นจากเงินและขัดเงาจนสามารถสะท้อนแสงได้เล็กน้อย จนถึงขณะนี้ SCP-146 ก็ยังไม่แสดงสัญญาณของการเคลื่อนไหวใดๆ แต่ปฏิกิริยาของมันต่อเครื่องประดับบางอย่างในพื้นที่กักกันก็ได้บ่งชี้ว่ามันอาจมีความสามารถในการรับรู้ในระดับหนึ่ง และอาจมีความสามารถในการรู้สึกนึกคิด หาก SCP-146 สามารถสื่อสารได้ มันก็ยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถดังกล่าว
SCP-146 มีความสามารถในการเข้าถึงและทำให้ความทรงจำบางประการผุดกลับเข้ามาในหัวของผู้ที่เริ่มสบตากับมันได้ โดยความทรงจำเหล่านี้ก็มักจะมีความเชื่อมโยงกับความรู้สึกผิดหรืออับอายในตัวบุคคลนั้นๆ หลังจากสบตาครั้งแรกแล้ว บุคคลดังกล่าวเพียงแค่จะต้องอยู่ในระยะการมองเห็นของ SCP-146 สักระยะหนึ่งเพื่อให้ความทรงจำและความรู้สึกที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การสบตาอย่างต่อเนื่องก็สามารถจะเพิ่มความรวดเร็วให้กับกระบวนการนี้ได้เช่นกัน
เมื่อได้ทำการสบตาเข้ากับ SCP-146 เป็นครั้งแรก ความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นก็จะเริ่มปรากฏขึ้นในหัวของผู้ได้รับผล ตัวอย่างเช่น ผู้ได้รับผลที่เพิกเฉยต่อเพื่อนที่อยู่ในห้องเดียวกันหรือขับรถเร็วเกินกำหนดจะนึกถึงเหตุการณ์เหล่านี้และเริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย ไม่ว่าโดยปกติแล้วพวกเขาจะสนใจเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม เมื่อได้รับผลจากสายตาของ SCP-146 ติดต่อกันเป็นเวลานาน ความทรงจำที่เก่าและชัดเจนขึ้นมากกว่าก็จะเริ่มผุดขึ้นในความคิดของผู้ได้รับผล พร้อมกันกับความรู้สึกละอายใจที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยทั่วไป หลังจากได้ถูกจ้องมองเป็นเวลาสามสิบ (30) นาที ความทรงจำที่ชัดเจนนั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นอาการประสาทหลอนอย่างรุนแรง โดยผู้ได้รับผลจะไม่สามารถแยกแยะอดีตจากปัจจุบัน หรือสิ่งที่จินตนาการขึ้นจากความเป็นจริงได้ และจากการสังเกตก็ได้พบว่าผู้ได้รับผลยังจะประสบกับภาวะบุคลิกภาพถดถอยอีกด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่มีการนึกขึ้นถึงความทรงจำเกี่ยวกับบาดแผลในวัยเด็ก ผู้ที่ได้รับผลจาก SCP-146 นานมากกว่าสามสิบ (30) นาทีควรถูกจับขังแยกไว้ทั้งเพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น ส่วนผู้ที่ได้รับผลจาก SCP-146 เป็นเวลาหกสิบ (60) นาทีนั้นจะถดถอยกลับไปสู่อาการหลอนอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดที่ฟื้นคืนสติมาจากสภาวะเหม่อลอยนี้ได้ ผู้ได้รับผลคนดังกล่าวจะต้องได้รับอาหารผ่านทางเส้นเลือด และพวกเขาก็จะไม่แสดงการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกใดๆ เว้นเพียงแค่ส่งเสียงพึมพำที่สอดคล้องกับอาการถดถอยเป็นครั้งคราว
นอกจากนี้ ก็ยังสังเกตได้ว่าเมื่อผู้ได้รับผลนั้นนึกถึงเหตุการณ์น่าอับอาย พวกเขาจะรู้สึกจำเป็นที่จะต้องแก้ไขการกระทำของตนเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วไม่ใช่ปัญหาในกรณีของความผิดเล็กๆน้อยๆ และในบางกรณีก็ได้ทำให้บุคคลากรมีความสามัคคีกันมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ได้รับผลไม่สามารถที่จะแก้ไขความผิดได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่สามารถที่จะติดต่อฝ่ายที่ถูกกระทำผิดได้ หรือเพราะความผิดนั้นไม่สามารถที่จะถูกแก้ไขได้ ในบางครั้ง ผู้ได้รับผลจะพยายามทำความดีอย่างต่อเนื่องเพื่อ "ชดเชย" ความรู้สึกผิดของตน อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้ได้รับผลจะตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงและ/หรือหันไปลงโทษตนเองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น การทำร้ายตนเองและการฆ่าตัวตาย โปรดดูบันทึกการทดลองที่แนบมาเพื่อดูกรณีต่างๆอย่างละเอียด
SCP-146 ได้ถูกเก็บกู้มาจากนาย ████ ███████ จากเมืองเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร นาย ███████ ได้ซื้อ SCP-146 มาในระหว่างที่ขายทรัพย์ขายทอดตลาดของนักการกุศลที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งมีนามว่า ███████ █████████ ลอร์ดแห่ง ████████████ มันได้ถูกซื้อไปพร้อมกับของโบราณอื่นๆอีกหลายชิ้นในราคา █████ เมื่อนาย ███████ เริ่มมีอาการของ SCP-146 เขาก็เริ่มไปพบจิตแพทย์ ซึ่งเป็นเอเย่นต์ UA33-56G ที่กำลังแฝงตัวอยู่ นาย ███████ ได้ถูกส่งให้ไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ และ SCP-146 นั้นก็ถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของสถาบัน บันทึกของ UA33-56G เกี่ยวกับสภาวะจิตใจของนาย ███████ ได้ถูกจัดเก็บไว้ และสามารถให้นักวิจัยระดับ 2 ขึ้นไปเข้าศึกษาได้ โดยมันจะถูกจัดเก็บไว้เป็นเอกสาร SCP-146-A
บันทึกการทดสอบ #146-01
เพื่อที่จะวัดระดับเส้นฐานของผลกระทบจาก SCP-146 นั้น จึงได้มีการจัดเตรียมห้องสอบสวนมาตรฐานขนาดสี่ (4) x สี่ (4) เมตร แบ่งครึ่งโดยผ้าม่านทึบแสง SCP-146 ได้ถูกวางไว้บนโต๊ะภายในกล่องกระจกอะครีลิกนิรภัยในครึ่งหนึ่งของห้อง ที่อีกด้านหนึ่งของม่าน ผู้ทดลอง D-044323 ได้ถูกผูกยึดเอาไว้เพื่อให้เขามองตรงไปยังตำแหน่งของ SCP-146 นักวิจัยรักษาการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับผู้ทดลองผ่านอินเตอร์คอมตลอดกระบวนการทดสอบ
ม่านถูกดึงลง ทำให้ผู้ทดลองมองตรงไปที่ดวงตาของ SCP-146 ผู้ทดลองได้กล่าวถึงความรู้สึกอึดอัดในทันทีและหลับตาลงพร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มสูงขึ้น 15 BPM ผู้ทดลองเล่าถึงความทรงจำที่เขากำลังนึกถึง โดยเริ่มจากการละเมิดระเบียบการเล็กน้อย จากนั้น ผู้ต้องขังก็เล่าถึงการทะเลาะวิวาทหลายครั้งกับนักโทษคนอื่นๆ ก่อนที่สถาบันจะนำตัวเขาไป รวมถึงคำอธิบายที่ชัดเจนเป็นพิเศษของ [ข้อมูลถูกปกปิด] นักวิจัยสังเกตว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ต้องขังให้ความร่วมมือมากขึ้นและรูปแบบการพูดของเขาเปลี่ยนไป คล้ายกับผู้ที่กำลังเข้ารับการสะกดจิตเพื่อการบำบัด
หลังจากที่ผ่านไปสิบห้า (15) นาที คำพูดของผู้ทดลองก็เริ่มชัดเจนน้อยลง และรูปแบบ EEG ของเขานั้นก็มีความคล้ายคลึงกับผู้ที่มีความฝันชัดเจน ผู้ทดลองได้เข้าสู่บทสนทนาครึ่งทางซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อเขาพยายามจะทำลายเครื่องพันธนาการทิ้ง หลังจากที่ผ่านไปหลายนาที ผู้ทดลองก็หยุดดิ้นลงและเริ่มร้องไห้ ผู้ทดลองได้เริ่มอ้อนวอนต่อใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากอาการประสาทหลอนของเขา "หยุดเถอะ เอามันกลับไปที อย่าเลย ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมขอโทษ ผมไม่อยากจะทำต่อแล้ว หยุดที… ได้โปรด…" พฤติกรรมดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งหลังจากได้รับผลจาก SCP-146 เป็นเวลาห้าสิบสี่ (54) นาที เสียงพูดของผู้ทดลองนั้นก็หยุดลง และ EEG ของเขาแสดงอาการที่สอดคล้องกับอาการโคม่า หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไม่พบผลข้างเคียงใดๆ เพิ่มเติม ผู้ทดลองจึงถูกนำตัวออกไปและทำการุณยฆาต จากการชันสูตรพลิกศพได้พบว่าในสมองมีระดับ █████████ และ █████-███████ ที่ผิดปกติ ซึ่งนักพยาธิวิทยาระบบประสาท ดร. █████████ ระบุว่าเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึง [ข้อมูลถูกปกปิด]
(หมายเหตุ: ในขณะนี้ SCP-146 ได้ถูกเก็บรักษาไว้พร้อมกับวัตถุโบราณอื่นๆที่ได้ถูกซื้อมาจากการประมูล เนื่องจากยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าผลกระทบนั้นจำกัดอยู่แค่กับ SCP-146 เท่านั้น ผมคิดว่าการกักกันครั้งนี้เป็นการกักกันที่ "เหมาะสม" และด้วยเหตุนี้จึงจะทำให้ผลกระทบของ SCP-146 อยู่ที่ระดับพื้นฐาน - ศาสตราจารย์สกาลี █████████)
บันทึกการทดสอบ #146-04
การทดลองครั้งแรกซึ่งถูกดำเนินการหลังจากที่ระบุได้ว่า SCP-146 นั้นประกอบขึ้นจากศีรษะสัมฤทธิ์แค่เพียงชิ้นเดียว เกิดขึ้นหลังจากที่ SCP-146 ถูกย้ายไปยังถังเก็บของขนาดครึ่งลูกบาศก์เมตรมาตรฐาน ซึ่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสอง (2) วัน ผู้ทดลอง D-044784 และ SCP-146 ได้ถูกวางไว้คนละด้านของม่านในห้องสอบสวนมาตรฐาน เช่นเดียวกับการทดลองครั้งก่อน ผู้ทดลองได้ถูกผูกยึดเอาไว้ เมื่อม่านถูกดึงลง ผู้ทดลองรายงานถึงอาการปวดหัวทันทีและเริ่มร้องไห้ อัตราการเต้นของหัวใจของผู้ทดลองเพิ่มขึ้นเป็น 180 BPM แต่จากนั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 40 BPM และผู้ทดลองก็ได้หมดสติลง เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เข้าไปในห้องและเริ่มตรวจผู้ทดลอง จากนั้นผู้ทดลองก็รู้สึกตัวอีกครั้ง โดยอัตราการเต้นของหัวใจของเธอเพิ่มขึ้นเป็น 175 BPM ผู้ทดลองดิ้นรนอย่างรุนแรงเพื่อจะได้หลุดเครื่องพันธนาการ และในไม่ช้าก็สามารถทำลายเครื่องพันธนาการที่แขนขวาของเธอได้สำเร็จ ทำให้แขนและมือของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่พยาบาลฉุกเฉิน พ. █████████ ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากที่ผู้ทดสอบใช้มือทุบเขาเพื่อที่จะเข้าถึงชุดปฐมพยาบาล ผู้ทดสอบได้คว้ามีดผ่าตัดขนาดเล็กและแทงเข้าที่คอของตนเองก่อนเจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าควบคุมตัวเธอได้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์นั้นพยายามที่จะทำการปฐมพยาบาล แต่ผู้ทดสอบก็เสียชีวิตลงระหว่างการผ่าตัดฉุกเฉินเนื่องจากภาวะการเสียเลือดมาก
(หมายเหตุ: หลังจากเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันหลายครั้ง จึงได้พบว่าความสามารถของ SCP-146 นั้นได้รับผลมาจากการกักกัน ใครก็ตามที่ต้องการทำการวิจัยเพิ่มเติมจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากความบังเอิญแม้จะในเพียงช่วงสั้นๆ ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ - ศาสตราจารย์สกาลี █████████)
[[include :scp-wiki:component:license-box
|author=Skali Sharpnose]]
[[include :scp-wiki:component:license-box-end]]
– ร่างบทความ –
อะไรกันนะ…??
…
ความอบอุ่นนี้…??
…
ตู้มมมมมม……!!!!!!?!!~
(ได้เกิดเสียงที่ดังมากๆ ซึ่งสำหรับเด็กเล็กๆ แล้ว มันราวกับว่า ท้องฟ้าทั้งใบได้พังถล่มลงมา หรือ โลกนี้ได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว)
เสียงอะไรเนี่ย…หนวกหูจัง
…
เจ็บจังเลย…
…
“อ้าว!?..ตื่นแล้วเหรอ…..เจ้าหนูน้อย..??”
…
“พ่อ…กับ..แม่เหรอ??…..”
…
…
"เซเฟียรอสส์…ฉันเตือนนายแล้ว..!!!”
…
…
"นั่นมันอะไร!!?!….น่ากลัว!!!…เอามันไปไกลๆนะ!!!”
(เสียงกรีดร้อง)
….
เจ็บเหลือเกิน…
ปวดเหลือเกิน…
…
"ขอร้องล่ะ!!!..พอเถอะ!!…พอได้แล้ว!มันสุดแสนจะปวดร้าว..จนชั้นจะทนไม่ไหวแล้ว..!!!……."
…
หยาดโลหิต…กับคราบน้ำตา..
แห้งเหือดซึมระเหย…จนไม่เหลือร่องรอยใดๆ อีก…
จนกระทั่งความรู้สึกได้มืดดับลง…
กลับสลาย..หายลับไป
…
…
…
"ดีจ้ะ….นี่คือ Sigurrós…ส่วนนี่ก็คือ"
"เธอคือ….??.."
"…..เด็กคนนี้คือ…Longey Guybau.."
…
…
"ไม่!!!..ไม่….!!!!!!!!! ไม่นะ..! เอามันออกไป!!! มันน่ากลัว!!!….มันแหลม!!!! หนูเจ็บ!!! ม่าาา_..(เสียงกรีดร้อง)
…
"อ้าว…ตื่นแล้วนี่.?..เจ้าหนู…"
"อะไรกัน…ฝันหรอกเหรอ..??"
.. .
"ไม่นะ!!! อีกแล้ว!!!! ฝันแบบนี้อีกแล้ว!!?!…"
มันถูกใส่เข้ามาในตัวชั้นอีกแล้ว..!!!
…
"นับจากนี้..จะขอสาปแช่งโลกใบนี้ทั้งใบ!!! อยู่ร่ำไป..ชั่วกาล…!!."
…
"เจ็บเจ็บจริงๆ"
K
Sorry, My english isn't good.
K
Sorry, My english isn't good.
ผ่านครับ
Sorry, My english isn't good.
วัตถุ# SCP-XXX-TH
ระดับ: Keter
มาตรการกักกันพิเศษ: ขณะนี้ SCP-XXX-TH ยังไม่ถูกกักกันเนื่องจากมีขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปและพลังอันมหาศาล ความพยายามของสถาบันมุ่งเน้นไปที่การติดตามและการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจธรรมชาติและป้องกันเหตุการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น
รายละเอียด: SCP-XXX-TH หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Shumah-Gorath หรือ ชูมาห์-โกราธ" เป็นสิ่งมีชีวิตทางน้ำขนาดมหึมาที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของอ่าวไทย รูปลักษณ์ขอมันที่แปลกประหลาดและแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตบนโลก โดยมีความคล้ายคลึงอย่างน่าทึ่งกับอุตรเทพแห่งตำนานสยองขวัญแห่งจักรวาล ชูมะห์-โกราธ มีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร และมีความสามารถในการทำลายล้างอันมหาศาล
รูปร่างทางกายภาพของชูมาห์-โกราธ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและไม่มีรูปร่าง, เเละผลกระทบทางจิตใจด้วยพลังจากนอกโลก ร่างกายหลักของมันคือกลุ่มหนวด ดวงตา และอวัยวะที่บิดเบี้ยวซึ่งท้าทายความเข้าใจ สีของมันมีตั้งแต่สีเขียวป่วยไปจนถึงสีม่วงเหลือบรุ้ง ซึ่งเปล่งแสงเรืองแสงจากสิ่งมีชีวิตที่น่าขนลุกซึ่งสามารถสังเกตได้จากพื้นผิว
ตัวตนนี้มีอยู่บนโลกเป็นระยะเวลาไม่แน่นอน โดยมีบันทึกย้อนหลังไปหลายศตวรรษบันทึกการเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ตรงกับคำอธิบายในนิทานพื้นบ้านและเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินเรือ เชื่อกันว่า "ชูมาห์-โกราธ" มีมาก่อนอารยธรรมของมนุษย์ ซึ่งนำไปสู่การคาดเดาว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตในจักรวาลโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ความลึกของมหาสมุทรมานานนับพันปี
การปรากฏตัวของชูมะห์-โกราธในอ่าวไทยทำให้เกิดความกังวลอย่างมากในหมู่นักวิจัยของสถาบัน ความสามารถของมันไม่ได้จำกัดอยู่ที่ขนาดอันใหญ่โตของมัน มันมีความสามารถในการควบคุมกระแสน้ำในมหาสมุทร ทำให้เกิดรูปแบบสภาพอากาศและกระแสน้ำที่ไม่สามารถคาดเดาได้ในภูมิภาค การจัดการเหล่านี้ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและความผิดปกติทางทะเลหลายครั้ง ซึ่งมักนำไปสู่การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ชูมะห์-โกราธยังส่งอิทธิพลทางจิตและมีมที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตใกล้เคียง นำไปสู่ภาพหลอน ความบ้าคลั่ง และความศรัทธาทางศาสนาในหมู่ผู้ที่สัมผัสกับมันหรือการแสดงอาการของมัน ผลกระทบเหล่านี้สามารถแพร่กระจายไปในระยะไกล ทำให้การกักกันและความพยายามในการวิจัยมีความท้าทายอย่างยิ่ง
ธรรมชาติและต้นกำเนิดที่แท้จริงของชูมาห์-โกราธ ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับ นักวิจัยบางคนคาดการณ์ว่านี่อาจเป็นการแสดงออกถึงความกลัวและความวิตกกังวลโดยรวมของมนุษยชาติ ในขณะที่คนอื่นๆ เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นการถ่ายทอดพลังแห่งจักรวาลที่เกินกว่าความเข้าใจของมนุษย์
ความพยายามในการกักกันชูมาห์-โกราธยังคงดำเนินต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกการวิจัยใต้น้ำขั้นสูงเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจกับสิ่งลึกลับนี้ นอกจากนี้ สถาบันกำลังค้นคว้าแนวทางที่เป็นไปได้เพื่อลดอิทธิพลการทำลายล้างต่ออ่าวไทยและพื้นที่โดยรอบ
ภาคผนวก XXX-TH-A: การเผชิญหน้าที่โดดเด่น
การเผชิญหน้าในศตวรรษที่ 14 | การสำรวจศตวรรษที่ 19 | การสังเกตการณ์สมัยใหม่ |
---|---|---|
บันทึกทางประวัติศาสตร์จากศตวรรษที่ 14 ระบุว่าชูมะห์-โกราธได้รับการกล่าวถึงในต้นฉบับไทยโบราณ และมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ภัยพิบัติ รวมถึงสึนามิและพายุในอ่าวไทย เรื่องราวเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการมีอยู่ของชูมาห์-โกราธ เป็นที่รู้จักมานานหลายศตวรรษ ซึ่งมักเชื่อมโยงกับภัยพิบัติทางธรรมชาติในภูมิภาค | ในปี พ.ศ. 2410 การสำรวจที่นำโดยนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ดร.อาเธอร์ เพนโรส พบกับ SCP-XXX-TH ในระหว่างการสำรวจอ่าวไทย ดร. เพนโรสบันทึกประสบการณ์ของเขาในบันทึกประจำวัน โดยบรรยายถึงรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดของสิ่งมีชีวิตตัวนี้และอิทธิพลทางจิตที่ไม่มั่นคงของมันที่มีต่อทีมงานของเขา สมาชิกคณะสำรวจหลายคนต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลทางจิตใจในระยะยาวอันเป็นผลจากการเผชิญหน้ากัน | ในทศวรรษที่ผ่านมา นักวิจัยของสถาบันได้ใช้อุปกรณ์ดำน้ำใต้ทะเลลึกขั้นสูงและอุปกรณ์ติดตามเพื่อสังเกตชูมาห์-โกราธ การสังเกตเหล่านี้ได้เปิดเผยว่ารูปแบบของเอนทิตีไม่คงที่ แต่มีการเปลี่ยนแปลงและแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อมโยงกับสิ่งแปลกประหลาดและธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของความน่าสะพรึงกลัวของจักรวาล |
ภาคผนวก XXX-TH-B: ผลการวิจัย
1. สมมติฐานเกี่ยวกับต้นกำเนิดจักรวาล: นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ของสถาบันได้เสนอ "สมมติฐานเกี่ยวกับต้นกำเนิดจักรวาล" ซึ่งตั้งสมมติฐานว่าชูมาห์-โกราธอาจเป็นสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่มายังโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน สมมติฐานนี้มีพื้นฐานอยู่บนการวิเคราะห์รูปแบบการแผ่รังสีคอสมิกที่ผิดปกติและการจัดเรียงของท้องฟ้าซึ่งสอดคล้องกับการปรากฏที่สำคัญของ SCP-XXX-TH ตลอดประวัติศาสตร์
2. ปรากฏการณ์มีมเพล็กซ์1: ชูมาห์-โกราธ ได้เผยให้เห็นการมีอยู่ของ "มีมเพล็กซ์" ที่เกี่ยวข้องกับเอนทิตีนี้ มีมเพล็กซ์นี้มีสัญลักษณ์ซ้ำๆ บทสวด และประสบการณ์ประสาทหลอนที่รายงานโดยบุคคลที่สัมผัสกับพลังจิตที่เล็ดลอดออกมา การศึกษามีมเพล็กซ์นี้กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้าใจถึงผลกระทบและมาตรการรับมือที่อาจเกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น
3. การทดลองด้วยคลื่นสะท้อนทางจิต: สถาบันได้ทำการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการฉายภาพเสียงสะท้อนทางจิตที่ควบคุมไปยังชูมะห์-โกราธ การค้นพบเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าเอนทิตีอาจตอบสนองต่อความถี่จิตบางอย่าง ซึ่งนำไปสู่สมมติฐานที่ว่าการสื่อสารหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับชูมะห์-โกราธอาจเกิดขึ้นได้ผ่านการควบคุมพลังจิตอย่างระมัดระวัง
ภาคผนวก XXX-TH-C: ความพยายามในการกักกัน
1. ศูนย์วิจัยใต้น้ำ: สถาบันอยู่ระหว่างการสร้างศูนย์วิจัยใต้น้ำขั้นสูงในอ่าวไทย เพื่อสร้างการปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องและติดตามชูมาห์-โกราธ สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นฐานในการศึกษาพฤติกรรมของเเผนก อิทธิพลของมีม และจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้น
2. การปราบปรามมีมเพล็กซ์: ทีมวิจัยกำลังทำงานอย่างแข็งขันในการพัฒนามาตรการตอบโต้แบบมีม เพื่อลดผลกระทบของอิทธิพลแบบมีมของชูมาห์-โกราธ การทดลองเบื้องต้นเกี่ยวข้องกับการสร้างการฉีดวัคซีนมีมและสัญลักษณ์ป้องกันเพื่อปกป้องบุคคลจากการรบกวนทางจิต
3. การสื่อสารด้วยคลื่นสะท้อนทางจิต: นักวิจัยกำลังสำรวจความเป็นไปได้ในการสร้างการสื่อสารที่มีการควบคุมกับชูมาห์-โกราธ ผ่านการทดลองด้วยคลื่นสะท้อนทางจิต แนวทางนี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูง เมื่อพิจารณาถึงผลที่ตามมาที่ไม่คาดฝัน แต่ก็ถูกมองว่าเป็นช่องทางที่เป็นไปได้ในการทำความเข้าใจแรงจูงใจและต้นกำเนิดของกิจการ
SCP-TH
[[module Rate]]
วัตถุ #: SCP-668
ระดับ: Euclid
มาตรการกักกันพิเศษ: [ถูกแก้ไข] ณ วันที่ [ข้อมูลถูกปกปิด] ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการการกักกันพิเศษใดๆ นอกเหนือไปจากการรักษาความปลอดภัยระดับมาตรฐาน SCP-668 จะถูกย้ายไปยังกล่องนิรภัยที่ถูกล็อกไว้ภายในอาคารจัดเก็บสิ่งของมีค่าของไซต์-19 โดยจะต้องมีระบบป้องกันมาตรฐานต่อการบุกรุก (วัตถุระเบิด สารเคมี ชีวภาพ และมีม) อยู่ตลอดเวลา ตามขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน
มีแค่บุคลากรที่มีระดับการรับรู้ระดับ 2 ขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถนำ SCP-668 ออกมาจากตู้เซฟได้ บุคคลที่ต้องการใช้ SCP-668 นอกไซต์-19 จะต้องยื่นแบบฟอร์ม-668 คำขอแนวทางปฏิบัติไปยัง O5-11 ก่อน และจะต้องสวมปลอกคอสวิตช์ฆ่าแบบระเบิดที่ตั้งเวลาไว้ 24 ชั่วโมงก่อนจะนำ SCP-668 ลงสนาม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่มีระดับการรับรู้ระดับ 4 ขึ้นไปจะต้องยืนยันก่อนว่าได้นำ SCP-668 กลับคืนสู่ตู้เซฟแล้วจึงจะปิดการใช้งานปลอกคอได้
รายละเอียด: SCP-668 เป็นมีดทำครัวขนาด 33 ซม. (13 นิ้ว) ที่มีด้ามจับทำมาจากไม้ประดู่และด้ามมีดแบบเต็มความยาว ประดิษฐ์ขึ้นในช่วงปลายทศวรรษปี 1930 ถึงต้นทศวรรษปี 1940 ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามได้ซื้อ SCP-668 เป็นครั้งแรกนั้น พบว่าตัววัตถุมีสนิมเกาะเป็นส่วนใหญ่ โดยจะมีรอยบุ๋มขนาดใหญ่จากคราบเลือดและของเหลวในร่างกายอื่นๆที่ติดอยู่ในรอยแยกเล็กๆบนใบมีด หลังจากวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ความผิดปกติเหล่านี้ก็ถูกกำจัดออกเพื่อจุดประสงค์ด้านความสวยงาม ซึ่งก็มีผลกระทบเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อคุณสมบัติพิเศษของ SCP-668
การปรากฏตัวครั้งแรกของ SCP-668 ที่ถูกบันทึกไว้เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 ระหว่างคดี [ข้อมูลถูกปกปิด] ที่โด่งดัง [ข้อมูลถูกปกปิด] หญิงชาวนิวยอร์กที่อาศัยอยู่คนเดียว ถูกข่มขืนและฆ่าโดยผู้ต้องสงสัย [ข้อมูลถูกปกปิด] แม้ว่าจะมีพยาน 38 คนรายงานว่าได้ยินการโจมตี แต่ไม่มีใครพยายามช่วยเหลือหญิงสาวคนดังกล่าวนานกว่า 6 ชั่วโมง จนกระทั่งเธอเสียชีวิตในที่สุด ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าวัตถุดังกล่าวได้รับคุณสมบัติมาเนื่องจากเหตุการณ์นี้ หรือได้รับคุณสมบัตินั้นมาก่อนอยู่แล้ว (ดูบทความของดร. [ข้อมูลถูกปกปิด] เกี่ยวกับผลกระทบจากผู้พบเห็นเหตุการณ์ เทียบกับทฤษฎีของดร. [ข้อมูลถูกปกปิด] เกี่ยวกับการประทับจิต)
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชัดเจนคือคุณสมบัติในปัจจุบันของมัน เมื่อถูกถือโดยมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายคล้ายมนุษย์ที่มีเจตนารุนแรงต่อมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายคล้ายมนุษย์คนอื่นๆ SCP-668 จะส่งสัญญาณพลังจิตที่ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกทั้งหมดที่มีดัชนีความต้านทานพลังจิต 97 หรือต่ำกว่าไม่สามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ บุคคลที่ได้รับผลกระทบจะรายงานถึงความรู้สึกเฉยเมยอย่างกะทันหันในขณะที่กำลังอยู่ภายใต้อิทธิพลของ SCP-668 ประสาทสัมผัสทางด้านการรับรู้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และบุคคลที่ได้รับผลกระทบจะรายงานถึงความรู้สึกขยะแขยงและหวาดกลัว แต่ไม่สามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ แม้แต่ทางอ้อม และในขณะเดียวกัน ก็จะทำให้เหยื่อไม่สามารถป้องกันตัวเองจากผู้โจมตีได้
จากการทดสอบโดยใช้บุคลากรคลาส D ไม่พบขีดจำกัดสูงสุดของจำนวนสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากการสั่นพ้องทางจิตนี้ ในการทดสอบครั้งหนึ่ง บุคลากรคลาส D จำนวน 12 คนที่ต้องถูกกำจัดในวันที่ 1 ของเดือน ถูกจัดให้อยู่ในห้องข้างนักวิจัยที่ได้รับคำสั่งให้เลือกผู้ทดสอบหนึ่งคนแบบสุ่มเพื่อนำมาฆ่า นักวิจัยได้ฆ่าผู้ทดสอบทั้งหมดทีละคน แม้ว่าเขาจะอ้างว่าตนเองจะหวาดกลัวเป็นอย่างมากก็ตาม เหตุการณ์ก่อนหน้านี้บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการเสียชีวิตหลายร้อยหรือหลายพันคนเนื่องมาจากคุณสมบัติพิเศษของ SCP-668 (ดู รายงานเหตุการณ์ 668 A เรื่อง:การสังหารหมู่ในห้างสรรพสินค้า [ข้อมูลถูกปกปิด] และปฏิบัติการปิดบังข้อมูลในเวลาต่อมา)
การกู้คืน SCP-668 ในสถานการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นปัญหาเนื่องจากคุณสมบัติทางจิตของวัตถุดังกล่าว เอเย่นต์ที่พยายามจับกุมบุคคลในระหว่างเหตุการณ์การกักกันล้มเหลวมักจะได้รับผลกระทบจากสิ่งที่ถูกเรียกว่า "สนามความเฉยเมย" ของ SCP-668 เอง ส่งผลให้มีการเสียชีวิตของบุคลากรภายในสถาบัน หลังจากเหตุการณ์ 668-A มาตรการกู้คืนมาตรฐานซึ่งรวมไปถึงการใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงระยะไกล การปกปิดข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย และเอเย่นต์สามคนจะทำงานร่วมกันผ่านการกระทำที่ถูกประสานกันอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้คนใดคนหนึ่งรู้ตัวว่ากำลังต่อต้านบุคคลนั้นๆอยู่
เนื่องจากมีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนในการเกิดหายนะ จึงได้มีการเสนอแนะให้มีการจัดประเภท SCP-668 เป็นภัยคุกคามระดับ Keter และทำการกักกันมันเอาไว้ในสถานที่กักกันระดับสูง
ภาคผนวก 668-a: หลังจากการทดสอบเพิ่มเติม พบว่าผู้ทดสอบที่ใช้ SCP-668 สามารถถูกกำจัดได้โดยการตอบสนองที่เป็นกลาง ตราบเท่าที่มีการใส่ตัวกำจัดก่อนที่ผู้ทดสอบจะได้ครอบครอง SCP-668 ได้มีการอนุมัติให้ใช้มาตรการรันนิ่งแมน (ดูภาคผนวก 668-B: ตัวกำจัดที่ได้รับการอนุมัติ) กับ SCP-668 วัตถุดังกล่าวจึงได้รับการจัดประเภทใหม่เป็นวัตถุประเภท Euclid
ภาคผนวก 668-b: ห้ามใช้บุคลากรโอเมก้า-7 เพื่อนำ SCP-668 กลับมาในกรณีที่เกิดเหตุการณ์การกักกันล้มเหลวในอนาคต เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ SCP-076-2 จะสัมผัสกับวัตถุดังกล่าว ภาคผนวก 668-b ถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ [ข้อมูลถูกปกปิด] เนื่องจาก SCP-076-2 ไม่ชอบใช้วัตถุที่ ตามคำพูดของมันเอง "ทำให้ความสนุกหายไป" กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ SCP-076-2 ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์การกักกันล้มเหลวในอนาคต เนื่องจากที่โครงการโอเมก้า-7 สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะไม่มีความพยายามใดๆที่จะนำ SCP-076-2 หรือ SCP-668 มาใช้เป็นอาวุธอีกต่อไป
ภาคผนวก 668-c: ห้ามไม่ให้ SCP-668 สัมผัสกับ SCP-682 ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม โปรดทราบว่าแม้ว่ามนุษย์ทั่วไปจะมีดัชนีความต้านทานพลังจิตอยู่ที่ 24 แต่ SCP-682 ได้รับการทดสอบ โดยมันมีค่า PsiRI อยู่ที่ [ข้อมูลถูกปกปิด] ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ผลกระทบของ SCP-668 ความอันตรายที่เป็นไปได้จากการที่สิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นศัตรูกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆทั้งหมดจะได้เข้าครอบครองวัตถุเช่นนี้ควรจะชัดเจนอยู่แล้ว เนื่องจากที่โครงการโอเมก้า-7 สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะไม่มีความพยายามใดๆที่จะนำ SCP-682 หรือ SCP-668 มาใช้เป็นอาวุธอีกต่อไป
ภาคผนวก 668-d: คำขอที่จะให้มีการจัดประเภท SCP-668 ใหม่ ตามประเภทเดิมซึ่งเป็นระดับ Keter กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ภาคผนวก 668-e: คำขอที่จะให้มีการจัดประเภท SCP-668 ใหม่ ตามประเภทเดิมซึ่งเป็นระดับ Keter ถูกปฏิเสธ SCP-668 จะยังคงอยู่ในระดับ Euclid ต่อไป