วันที่3
สวัสดี ไม่มีอะไรจะเขียนหรอกก็แค่เบื่อจนไปขอสมุคเปล่าๆมาเล่มหนึ่ง ราตรีสวัสดิ์
วันที่10
ผมเขียนไดอารี่เล่มนี้ขึ้นมาเพื่อบันทึกเรื่องราวของสิ่งที่ผมพบเจอมา สำหรับคนที่กำลังอ่านไดอารี่ของผมอยู่ก็ให้เข้าใจไว้ด้วยว่าไดอารี่นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ช่างเถอะ ผมไม่ว่าอะไรหรอก ผมออกจะดีใจนะที่มีคนมาอ่าน เพราะผมเป็นคนใจกว้างยังไงล่ะ
ผมเป็นนักโทษประหาร…ความจริงคือผมควรอยู่ในเรือนจำมืดๆแต่ก็กลับได้มาอยู่ที่นี้ ในสถานที่ที่พิลึกพิลั่นมาก ใช่พิลึกและแปลกมากพวกเขาบอกกับเราว่า พวกเรามีหน้าที่ง่ายๆคือเชื่อฟังและทำตามที่พวกเขาบอกเป็นตัวทดลองในงานวิจัยเล็กๆหรือใหญ่ๆของพวกเขาเป็นเวลา 1เดือน และเราจะเป็นอิสระ ใช่…อิสระภาพอันหอมหวานที่พวกผมปราถนามันตลอดมา ตอนนั้นผมคิดว่าแค่ให้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่…ผมคิดง่ายไป นักโทษบางคนไม่กลับมา เขาต้องตายแล้วแน่นอนไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย
วันที่15
เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของนักโทษและผลที่ตามมาก็คือ D-093โดนยิงตายเพราะเป็นคนก่อเรื่อง ผมยังจำภาพรูบนหัวหมอนั้นและเลือดได้อยู่เลย…ผมคงลืมอธิบายนิดหน่อย พวกนักวิจัยได้เรียกพวกเราด้วยหมายเลขให้สมกับเป็นตัวทดลอง สักเลขบ้าๆนี้ลงบนหน้าอกเรา ถ้าถามว่าเจ็บมั้ย…ก็ต้องเจ็บอยู่แล้วสิพวกมันไม่คิดว่าเราเป็นมนุษย์รึไงกัน!!แต่นักโทษประหารก็ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งใดๆได้ พวกเราเป็นเศษเดนมนุษย์ แล้วจะเขียนย้ำตัวเองเพื่อไรฟะเนี้ย!!
วันที่17
ผมโดนให้ไปทดลอง แต่ไม่ตายไม่งั้นคงไม่ได้กลับมานั่งเขีียนไดอารี่หรอก มันเกินคาดไปเยอะเลยล่ะ พวกเขาแค่ให้ลองทำนู้นทำนี้กับของชิ้นหนึ่งที่ผิดปกติ แปลก เหลือเชื่อ เอาเป็นว่าช่างมันเถอะจริงๆนะ ช่างมันเถอะ
วันที่20
มาลองคิดดูแล้ว พวกเขาจะปล่อยเราไปจริงๆเหรอวะ?
นักโทษที่อยู่ไปก็รกโลกนะ
หรือผมแค่กังวลเกินไป
ไม่มีใครให้คำตอบได้เลยสินะ..เหอะ
วันที่24
ผมถามคำถามที่คาใจมานานกว่า4วันกับพวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ชอบทำหน้าบูดอย่างกับไปกินของผิดสำแดงมาและสิ่งที่ได้คือ
“มีปัญหามากนักก็ไปตายซะ!”บ้างก็“อยู่เงียบๆไปซะเดียวก็เป็นอิสระแล้ว เพราะงั้นเลิกยุ่งกับฉัน”
อยากต่อยหน้ามันจริงๆเลยไอ้พวกไร้มารยาท อย่าคิดว่ากูไม่มีขีดจำกัดนะโว้ย!! ก็เลยถามคุณหมอและสิ่งที่ได้คือสีหน้าแปลกๆที่ผมไม่เข้าใจ คุณหมอไม่คิดจะพูดตอบอะไรหน่อยเหรอครับ?
วันที่25
อีกไม่กี่วัน จะได้ออกไปจากที่นี้ ขอโทษที่ไม่ได้เขียนไดอารี่ทุกวัน
วันที่27
การเป็นตัวทดลองอีกครั้งหนึ่ง พวกเจ้าหน้าที่เปิดประตูเข้ามาจะพาผมไป หวังว่าจะได้กลับเขียนต่อนะรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลยให้ตายเถอะ…
“เจ้าของสมุคคงไม่ได้กลับมาเขียนอีกแล้วล่ะ…"
ภารโรงคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆก่อนจะมองสมุคในมือแล้วโยนมันลงถังขยะก่อนจะเดินออกจากห้องขังที่ว่างเปล่าไปอย่างเงียบๆพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด