นับเวลาแล้วนี้คือหนึ่งเดือน ตั้งแต่ที่SCPทั้งหมดได้หลุดออกมายังโลกภายนอกหรือหลุดจากการกักกัน…
ทุกๆประเทศได้พยายามจะทำลายพวกมันทิ้งแต่ก็ล้มเหลว สถาบันSCPสูญสิ้นอำนาจและถูกพวกSCPทำลายล้างแน่นอนว่าองกรอื่นก็เช่นกัน ทุกๆที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดและซากศพของมวลมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เหลือเพียงซากของตึกและสิ่งก่อสร้างที่พังทลาย นี้คือโลกที่ล่มสลาย
ผมจึงได้แต่หลบซ่อนตัวอย่างโดดเดียวแล้วคาดหวังเหลือเกินว่าจะยังมีมนุษย์ที่เหลือรอดอยู่ ซักคนก็ยังดี ความหิวและกระหายน้ำทำให้รู้สึกอยากจะวิ่งไปเอาอาหารตรงนั้น แต่ที่นั้นอาหารมีSCPตัวหนึ่งเฝ้าอยู่ จึงได้แต่เฝ้ารอโอกาศและความหวังว่ามันจะเดินจากไป เพราะตอนนี้เหลือแค่ปืนพกกับกระสุนไม่กี่นัด ตัวผมเป็นแค่นักวิจัยกระจอกๆที่ทักษะการต่อสู้ก็เหมือนคนทั่วไป ไม่ใช่ยอดมนุษย์หรือพระเอกนิยายที่เก่งกาจ ผมตายได้…
SCPตัวนั้นหันไปมองรอบๆและค่อยๆย่างก้าวเดินออกไปจากตึก มันเดินห่างจากผมไปเรื่อยๆจนลับสายตา และนี้คือโอกาศที่รอมานาน ค่อยๆเดินย่องเข้าไปและคว้าอาหารที่กินได้บนชั้นมาเก็บไว้ หยิบขวดน้ำสะอาดออกมาและข้าวของสำหรับเอาชีวิตรอดที่มีอยู่น้อยนิด คงเคยมีคนมาเอาของที่นี้
ทันใดนั้นเองที่ได้ยินเสียงของบางอย่างทางด้านหลัง เป็นเสียงลมหายใจ ผมหันกลับไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว มันยืนอยู่ แววตาที่บ้าคลั่งของมันจับจ้องมา เหมือนเวลาถูกหยุดลง สบตากับมันราว5วินาทีได้
ตู้มม!
เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมกระโจนหลบการพุ่งเข้าโจมตีทัน มันคือช่วงเวลาที่ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ผมวิ่งออกไปยังถนน เหมือนกวางที่วิ่งหนีเสือถ้าพลาดคือตาย สองขาวิ่งสุดแรงเพื่อกลับไปที่ป่ารกชัน เสียงคำรามดังลั่นจากข้างหลัง และพื้นดินที่สั่นสะเทือนด้วยฝีเท้าของมัน มันวิ่งตามมาอย่างบ้าคลั่งผมพลางตัวเองไปกับต้นไม้ มันหยุดเหมือนกำลังมองหาผมอยู่ก่อนจะเดินจากไป รอด… นั้นก็ดีแล้ว
เวลาล่วงเลยผ่านไปอีก1อาทิตย์พร้อมกับสเบียงอาหารที่หมดลง ถึงเวลาที่ผมจะต้องรวบรวมความกล้าเพื่อเข้าไปในเมืองแม้มันจะเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม แต่แน่นอนว่าคนละเมืองกับเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ผมก้าวออกจากโรงนาร้าง มุ่งตรงไปยังเมืองที่ดูไร้ชีวิตในยามบ่าย สายตาทอดมองสภาพเมืองที่ผมเดินเข้ามา อาคารบ้านเรือนถูกถล่มเหลือเพียงซากพังๆ มีคราบเลือดแห้งกรังตามพื้นและซากศพเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นเป็นจุดๆ ก่อนจะมองหาอาหารในซากบ้านต่างๆแต่มันเละเทะจนหาอะไรไม่ได้ ผมได้แต่เกาะเส้นเชือกแห่งความหวังไว้เป็นกำลำงใจในการมีชีวิตอยู่ แต่ว่านะ….บางที
ตายไปคงจะดีกว่า…
"ไม่" ผมพูดกับตัวเอง
ส่ายหัวไล่ความคิดแบบนั้นออกไป ไม่ยอมหรอกผมกระชับขวานในมือแน่นขึ้น สอดส่องหาสิ่งที่ต้องการไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเหมือนพระเจ้าเห็นใจ ผมเห็นบางอย่างที่เป็นสีเงินๆก่อนจะหยิบมันขึ้นมา เป็นปลากระป๋องที่ยังกินกินได้ ผมรีบแกะฝาออกและนั่งกินตรงนั้นอย่างหิวโหย การอดอาหารมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะต่อมาก็ทิ้งกระป๋องเปล่าๆไป ยิ้มอย่างสุขใจแล้วยืนขึ้น ที่หางตาพลันเห็นเงาบางอย่างวูบผ่านไปแวบหนึ่ง ผมรีบจับขวานไว้มืออีกข้างเตรียมชักปืนพกออกมาตลอดเวลา บรรบากาศเงียบเชียบชวนอึดอัดทำให้รู้สึกกดดันมาก ผมมองไปรอบๆ ให้ตายสิคงกลัวจนตาฝาดไปเอง..
ตุบ!
เสียงบางอย่างดังขึ้น
"ใครนะ!?" ผมเอ่ยถามออกไปแล้วมองหาต้นเสียง
ใครคนหนึ่งโพล่ออกมาจากมุมตึกข้างหน้าผม ปรากฎร่างของคนในชุดทหารสีเขียวที่มือข้างหนึ่งถือดาบไว้ ผมมองไปที่หน้าของคนๆนั้นก็เห็นเพียงหัวโขนยักษ์สวมอยู่เท่านั้น ก่อนที่ผมจะก้าวถอยหลังช้าๆด้วยความไม่ไว้วางใจ อีกฝ่ายมองมาหาและก้าวเดินเข้ามาสายตาเริ่มเห็นเลือดสีแดงที่ใบดาบและชุดควรรีบหนีแล้ว แต่พอมองหัวโขนที่สวมอยู่ของเขาก็รู้สึกคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แล้วทันใดนั้นเองผมก็จำได้และได้ยินเสียงปืนดังจากข้างหลัง
ปัง!
ชายหัวโขนล้มลงกับพื้นแล้วร้องคำรามเหมือนสัตว์ป่า ค่อยๆลุกขึ้นยืน ผมหันไปด้านหลังเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดทหารถือปืนพกอยู่ เธอมีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับมองมาหาผม
"วิ่งเร็ว!"
เธอตะโกนพร้อมกระชากแขนให้วิ่งตามไปด้วยความเร็วสูง ชายหัวโขนวิ่งตามพวกเรามาอย่างน่าหวาดกลัวพร้อมร้องคำรามเสียงที่ฟังดูประหลาดๆ ผมรีบเร่งฝีเท้าตัวเอง หัวใจเต้นระรัวในอก ก่อนเธอจะพาหักเลี้ยวที่มุมถนนแล้วถีบฝาท่อระบายน้ำออก ตัวผมรีบลงไปอย่างรู้งานเธอตามลงมาอย่างเร็วก่อนจะปิดฝาท่อทันเวลา เสียงฝีเท้าข้างบนเบาลงเรื่อยๆจนหายไปเลยเพียงความเงียบเข้าครอบงำ
"มันไปแล้ว"เธอพูดขึ้นพร้อมเปิดไฟฉายส่องภายในท่อระบายน้ำ มันทั้งมืดและเหม็นอับ
"ฉันธารา นายล่ะ?"
"มอนเต ยินดีที่ได้รู้จัก" ผมมองเธอเราดูอายุใกล้เคียงกันก่อนจะมองใบหน้า เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งเลยล่ะ
"ฉันไม่คิดเลยว่าจะยังมีผู้รอดชีวิตคนอื่นด้วย ถ้าฉันไม่เห็นนาย นายคงโดนฆ่าไปแล้ว"
"ขอบคุณที่ช่วยไว้นะ" ผมพูดจากใจจริง
"วิต้ารู้จักSCP เคยเป็นทหารขององกรไหนเหรอ?"
"มันไม่สำคัญหรอกในโลกแบบนี้"เธอถอนหายใจเหนื่อยๆและพูดต่อ
"ฉันเคยทำงานให้SCPแต่เป็นนักวิจัย นี้ชุดที่ทหารที่ถอดมาจากศพ"ผมมองเธอ
"เหมือนกันเลย"
"แล้วไหงไม่รู้จักตัวเมื่อกี้?"
"…รู้จักสิSCP-903-THแต่ตอนนั้นมันนึกไม่ออก"ธาราทำหน้ามุ่ย
จากนั้นก็พาผมเดินไปตามทาง สงสัยเกี่ยวกับตัวเธอจัง
"ธาราอดมาได้ไงในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายแบบนี่"
เธอพูดตอบขณะที่ยังเดินอยู่ "ไม่รู้สิ ฉันยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยังไม่ตาย แล้วนายล่ะ?"
"อาศัยอยู่ในโรงนาร้างห่างไกลจากเมืองต่างๆคนเดียว"
"ฉันเคยมีกลุ่มอยู่ จนกระทั้งพวกเขาโดนไอ้ตัวบ้านั้นฆ่าตาย…"น้ำเสียงเธอแฝงด้วยความเศร้า รู้สึกได้เลย
"เสียใจด้วย" ธาราพยักหน้าและหยุดเดิน"ถึงแล้วที่พักชั่วคราวของฉันเอง"
สิ่งที่เห็นคือเต็นท์ ข้าวของต่างๆวางไว้เป็นระเบียบมีผ้าเก่าๆปูพื้นไว้
"ธารา"
"อะไร?"
"ผมอยากรวมกลุ่มกับคุณ สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวนะ"
มีแต่ความเงียบเกิดขึ้น ดูเหมือนเธอกำลังคิดอะไรอยู่ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
"ฉันตกลง"
หลังจากนั้นผมก็ได้อยู่กับเธอ เราย้ายไปอยู่ที่โรงนาร้างเพราะดูปลอดภัยกว่า ผลัดกันนอนและเฝ้ายาม ผมได้หลับอย่างสนิทและคุยกันหลายอย่าง พอมีเธอความสุขใจก็เข้ามาเยี่ยมเยือนในชีวิต จนอยากเก็บช่วงเวลานี้เอาไว้เหลือเกิน แต่มันเป็นไปไม่ได้มนุษย์ไม่มีทางมีความสุขตลอดไป มันคือสัจธรรมของชีวิตและแล้วมันก็เป็นจริง เมื่อผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์
ผมกับธาราเดินทางไปที่เมืองๆหนึ่งในรุ่งเช้า มันดูทรุดโทรมยิ่งกว่าเมืองไหนๆที่เคยเห็นมาทั้งหมด ธาราเอ่ยขึ้น
"ที่นี้ปลอดภัย?" ผมรู้ว่าเธอถามคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แต่ผมก็ตอบไปว่า
"หวังว่าอย่างนั้น"
"อืม ต้องรีบหาเสบียงแล้ว"
พวกเราทั้งคู่เข้าไปหาของในร้านของชำที่เก่าโทรม มีรอยร้าวที่กำแพงและเพดาน เสี่ยวมันจะถล่มมาทับจัง ผมยืนเฝ้าที่ประตูคอยมองข้างนอกร้านเพื่อระวังภัย วิต้าค้นหาของอยู่ไม่ไกลมากนัก ผมมองนาฬิกาผ่านมา10นาทีแล้วทุกอย่างยังคงราบรื่นอยู่ จนกระทั่ง
ตู้มม! ปัง!
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตามไม่ทันเมื่อเธอวิ่งเข้ามาพลักกระเด็นไปชนกำแพงและเสียงฟันดาบ ผมหันกลับไปมองด้วยความสับสน และแล้วเหมือนกาลเวลาเดินช้าลงในสายตา ภาพของธาราล้มลงไปกองกับพื้น เลือดสีแดงไหลรินจากร่างของเธอที่นิ่งสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องหรือลมหายใจใดๆ เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณอยู่ข้างหน้าพร้อมกับเสียงในหัวที่ดังก้องอยู่ เธอตายแล้ว
ผมมองตรงไปข้างหน้าคนสวมหัวโขนยืนอยู่เหนือร่างของเธอ ในมือมีดาบที่อาบด้วยเลือดสีแดงสดก่อนจะมันหันหัวมามอง กลางหลังของมันมีแขนงอกออกมาสองคู่
"แก!!"ผมตะโกนลั่นด้วยความแค้นที่ลุกโชน
ความหวาดกลัวมลายหายไป โทสะกลบความกลัวตายและสติจนหมดสิ้นก่อนจะฟาดขวานใส่ร่างของมันสุดแรง คมดาบปะทะกับขวานจนเกิดประกายไฟ มันพยายาใมขยับแขนที่กลางหลังเพื่อคว้าจับ ผมถอยกลับไปแล้วทันใดนั้นเพดานร้านก็ถล่มลงมา สองเท้ากระโจนออกมาตามสัญชาตญาณได้ทันพอดีและหันไปมองเศษซากปูนและอิฐเก่าๆ มันยกแผ่นซากร้านออกจากตัวด้วยเรี่ยวแรงมหาศารพร้อมกับผมที่วิ่งเข้าไปหามัน เหวี่ยงคมขวานไปที่คอด้วยแรงเฮือกสุดท้าย หัวโขนกระเด็นหลุดจากบ่าแล้วกลิ้งหลุนๆไปกับพื้น ร่างไร้หัวล้มไปดังตุบ พร้อมกับผมก็ล้มหงายลงไปด้วยก่อนจะมองดาบที่เสียบโดนจุดสำคัญ รู้สึกชาไปทั้งตัว ความหนาวเหน็บจากการเสียเลือด ความตายกำลังมา ผมมองไปบนท้องฟ้าสีครามที่มีก้อนเมฆสีดำเริ่มเข้าปกคลุม ฝนกำลังจะตกลงมาแล้วภาพก็ดับวูบลงเลยเพียงความมืดมิด
"เมื่อไรเขาจะตื่นซะที"เสียงผู้หญิงดังแว่วเขาหู
"ไม่รู้เหมือนกัน"เสียงผู้ชายตอบกลับไป ผมค่อยๆลืมตาขึ้นภาพดูพร่ามัวไปหมด
"เขาตื่นแล้วดูสิ"
เสียงของผู้หญิงฟังดูตื่นเต้นสุดๆ ผมหลับตาและเปิดอีกรอบ กระพริบถี่จนสายตาปรับให้เห็นชัดขึ้นจนเป็นปกติ ชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ปลายเตียงที่ผมนอน พวกเขาอยู่ในชุดนักวิจัยสีขาวสะอาดตาภายในห้องสีครีม มีกลิ่นยาฆ่าเชื้ออ่อนๆและแอลกอฮอล เห็นตราบางอย่างบนบัตรที่หนีบตรงกระเป๋าเสื้อของผู้ชาย ตราของสถาบันSCP
"ที่นี้คือ ห้องพยาบาลของSCP?"ผมถาม
"ถูกต้อง"ผู้ชายคนนั้นตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"มาอยู่ที่นี้ได้ยังไง?"
"พวกหมอแบกมาให้นอนในห้องพยาบาลเพราะนายหลับไปตั้งหลายวัน"ผู้หญิงอีกคนตอบด้วยรอยยิ้ม
"หะ?!"
"ก็อย่างที่เธอบอกนั้นแหละ นายหลับไป3อาทิตย์ อีก1วัน อีก12ชั่วโมง 25นาทีกับอีก10วิ"
ผมมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง รู้สึกสับสนอย่างมากถึงมากที่สุด น่าจะตายไปแล้วแท้ๆแต่ทำไมมาอยู่ที่นี้แถมสถาบันSCPก็โดนทำลายไปแล้วอีกด้วย
"คือว่านะ"ผมเอ่ยขึ้น
"สถาบันSCPล่มสลายไปแล้วนิ และผมก็โดนดาบเสียบตายไปแล้วด้วย นี้คือความฝันใช่มั้ยหรือโลกหลังความตาย?"
พวกเขานิ่งเงียบไปพักหนึ่งดูเหมือนจะอึ้งๆกับคำถาม
"ไม่ใช่ความฝันหรือโลกหลังความตายอะไรแบบนั้นหรอก นี้คือความจริง" เขาหยิบกระดาษรายงานมาถือและพูดต่อ
"นายคงสับสนสินะมอนเต ในเอกสารก็เขียนอยู่แหละว่ามันทำให้ผู้ที่จุดฝันเหมือนจริงสุดๆ"
"เอ่อ.."
"ตั้งสติและนึกสิ ก่อนหน้านี้นายทำอะไรบ้าง"
"หนึ่งเดือนแล้วที่โลก ไม่สิ"ผมชะงักและไม่พูดต่ออีก เมื่อนึกย้อนกลับไปเรื่อยๆ ความทรงจำเด่นชัดในหัว
"เอาจริงดิมอนเต"เพื่อนเกลอถามขึ้น เขาดูไม่อยากให้ผมอาสาทดลอง
"เอาจริง อยากรู้จะแย่แล้วว่ามันจะทำให้ฉันฝันดีหรือฝันร้าย"
"งั้นก็ได้ สิ่งที่ต้องทำคือจุดไม้ขีด20ก้านพร้อมกัน เอาเลย"
"โอเค"ผมจุดไม้ขีดแล้วหลับฝันทันที
ย้อนกลับมาในปัจจุบัน
"ทำหน้าแบบนั้นนึกได้แล้วสินะ"ผู้หญิงพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ
"ใช่"
โลกไม่ได้ล่มสลาย พวกSCPไม่ได้หลุดออกมาแม้แต่ตัวเดียว มันคือความฝันเป็นแค่ความฝันที่เหมือนจริง จากการอาสาทดลองSCP-092-TH
"ขออนุญาตนะ"เสียงผู้หญิงที่ฟังดูคุ้นเคยดังขึ้น
ประตูเปิดออกเผยให้เห็นผู้พูดในชุดนักวิจัยเดินเข้ามาเธอสางผมสีดำยาว ดวงตาสีดำขลับมองมาและรอยยิ้มบนใบหน้านั้น
"ธารา"ผมหลุดพูดออกไป
"ใช่ ฉันชื่อธารา"เธอหันมามองและหันไปหาอีกสองคน
"โทษทีที่มาช้า"
"ไม่เป็นไรหรอก"ผู้หญิงคนนั้นพูด ธาราลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งข้างพวกเขา
"มอนเตสินะ"
"ใช่ มอนเต"
"เข้าเรื่องเลยนะ เล่าความฝันของนายให้ฟังหน่อย"
ในมือเธอถือเครื่องบันทึกเสียง ผมพยักหน้าตอบกลับไป รู้สึกดีใจที่เรื่องราวพวกนั้นเป็นเพียงความฝัน ถ้ามันเกิดขึ้นจริงล่ะก็ผมคงตายไปแล้ว และธาราไม่ใช่เพียงความฝัน เธอคือความจริง อย่างน้อยก็มีตัวตนอยู่จริงแม้ว่าเราจะไม่รู้จักกันก็ตาม
"แน่นอนครับ"