ปฐมนิเทศวันแรก
rating: +38+x

“เอาหล่ะทุกคน หวังว่าคงเข้าใจกับมาตราการต่างๆของสถาบันแล้วนะ” สิ้นเสียงของดร.อีธาน บรรยากาศของทั้งห้องก็เข้าสู่ความเงียบสงบ “ไม่มีใครมีคำถามใช่ไหม?”

ทั้งห้องยังคงเงียบกริบ

“โอเค งั้นตามผมมา” ดร.อีธานและคณะนักวิจัยหน้าใหม่เดินตามกันไปอย่างเงียบๆ “ที่ต่อไปที่เราจะไปอยู่ใต้ดินนะ ใครกลัวที่แคบก็ทนๆเอาหน่อยละกัน” ดร.อีธานกล่าว

ตั้งแต่ที่ผมเข้ามาในสถาบันนี้แล้ว ผมรู้สึกแปลกๆอย่างไรไม่รู้ ทำไมบรรยากาศที่นี่ดูแปลกๆชอบกลสีหน้านักวิจัยส่วนใหญ่ดูหม่นๆและดูไม่ค่อยเป็นมิตรซักเท่าไรนัก ผมเผลอสบตานักวิจัยหญิงคนหนึ่ง สีหน้าของเธอดูหมั่นไส้ผมสุดๆ สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้คือก้มหน้าก้มตาเดินตามคนอื่นๆต่อไป ระหว่างที่ผมกำลังเหม่อลอยคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ตุ้บ!!!!

“อุ้ย” ผมอุทานเบาๆหลังจากเดินชนคนข้างหน้า “ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” คนข้างหน้าผมกล่าว เธอไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผมเลยซักนิด สักพักดร.อีธานก็เดินเข้ามาทางผมด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“เหม่อลอยอยู่หรือไง” ดร.อีธานถามมาทางผม

“ปะ..เปล่าครับ” ผมตอบอย่างตะกุกตะกัก

ดร.อีธานเดินเข้ามาหาผมช้าๆ สายตาของนักวิจัยทุกคนเพ่งเล็งมาที่ผม ผมก้มหน้าก้มตาด้วยความกลัวเล็กๆ

“ได้เลย เด็กใหม่ งั้นเมื่อกี้ชั้นพูดถึงมาตราการ SCP ระดับอะไร”

ผมสะดุดเล็กน้อย เอ่อ..จะว่าไปตลอดเวลาที่เข้ามาผมก็ไม่ได้ฟังเลยแม้แต่นิดว่าดร.อีธานพูดอะไรไปบ้าง ผมเริ่มรู้สึกเกร็งและใบหน้าร้อนผ่าว ดร.อีธานยืนหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“ว่าไง ไอ้หน้าแกงจืด ตอบมาได้หรือยัง หน้านายดูถอดสีแปลกๆนะ”

นักวิจัยคนอื่นหัวเราะกันอย่างกรุมกริม มือผมชื้นไปหมด เอาเป็นว่าตอนนี้ส่วนใดในร่างกายของผมที่สามารถเปลี่ยนสีได้มันเปลี่ยนเป็นสีซีดหมดแล้ว “เอ่อ…คุณพูด..เรื่อง..”

พรึบ!!!!!!! ทันใดนั้นเอง จู่ๆไฟทั้งเซคเตอร์ก็ดับลง ไฟสีแดงๆสว่างวาบขึ้นมาเป็นจำนวนมาก นักวิจัยหลายๆคนดูแตกตื่นจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดร.อีธานละสายตาจากผมก่อนรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ ผมตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเล็กน้อย

“ทุกคน!! รีบตามผมมาถ้าหากยังอยากมีชีวิตอยู่ละก็!!!” สิ้นเสียงดร.อีธาน นักวิจัยหลายคนก็กรูกันไปที่ลิฟต์ตัวนั้น แต่คนมีจำนวนมากเกินกว่าที่ลิฟต์จะรับไหว “เอางี้ พวกที่ยังอยู่ข้างนอกรอลิฟต์รอบต่อไปได้ไหม พอส่งชุดนี้เสร็จเดี๋ยวจะลงมารับ พวกที่อยู่บนลิฟต์พอขึ้นไปให้รอหน้าลิฟต์นะ อย่าทำอะไรกระโตกกระตาก!!”

พูดจบลิฟต์ก็ปิดลง..ครับ ทายสิว่าผมอยู่ในลิฟต์หรือเปล่า…. ผมยืนรอลิฟต์รอบถัดไปกับนักวิจัยอีกจำนวนประมาณ 7 คน ผ่านไปไม่ถึงนาที นักวิจัยหญิงคนหนึ่งก็สะอื้นออกมา เธอหยุดร้องไห้ไม่ได้เลย

“เอ่อ….เป็นอะไรไหมครับ”

เธอหยุดสะอื้นแล้วกอดผม ผมสะดุ้งเล็กน้อย ตัวของเธอสั่นเทิ้มจนน่ากลัว

“ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวลิฟต์รอบต่อไปก็น่าจะมาแล้ว” ผมปลอบเธอ

“หูย…พ่อคุณ น้ำเน่าสุดๆ ละเธอก็หยุดร้องไห้ได้เองหละ ชั้นรำคาญ” นักวิจัยหญิงอีกคนพูดขัดขึ้น

เวลาผ่านไปอีกพักนึง ผมรู้สึกว่ามันนานเกินไปแล้ว นานจนผิดปกติ…ทันใดนั้นเอง

ปิ๊ง!! เสียงประตูลิฟต์ดังขึ้นก่อนที่ลิฟต์จะเปิด ผมละอดดีใจไม่ได้จริงๆ

แต่คนที่อยู่ในลิฟต์กลับไม่ใช่ดร.อีธาน แต่เป็นศพของเขาก็อยู่ในลิฟต์ แถมทั้งลิฟต์ก็เปรอะไปด้วยเลือดและศพนักวิจัยอื่นๆที่ขึ้นไปก่อนพวกเรา บางคนตัวขาดครึ่ง บางคนแขนและขาหายไป มีอีกคนที่โดนควักไส้ออกมาแขวนกับไฟในลิฟต์ ผมเห็นละรู้สึกคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก นักวิจัยหญิงคนหนึ่งแผดเสียงร้องออกมา ไอ้คนที่อยู่ในลิฟต์ฉีกยิ้มที่มุมปากก่อนแหกปากใส่พวกเรา “พวกแก..พวกนอกรีตอย่างพวกแกต้องตาย ข้าจะทำลายล้างสถาบันนี้ให้สิ้นซาก!!….เอ่อ แต่ข้ามีข้อเสนอให้พวกแกหว่ะ คืน SCP-882 มาสิ แล้วข้าจะปล่อยพวกแกไป”

“พวกเราพึ่งมาทำงานเว้ย” นักวิจัยอีกคนกล่าว

“อ่าว หรอ….น่าเสียดาย งั้นเก็บพวกแกไว้คงไม่มีประโยชน์สินะ”

พูดจบไอ้คนนั้นก็สาดกระสุนปืนใส่พวกเรา ผมก้มหลบใต้โต๊ะกับนักวิจัยหญิงอีกคน มีนักวิจัย 3 คนถูกยิง กระสุนเข้าหัวคนหนึ่ง อีกคนโดนทั้งหน้าจนดูไม่ได้ อีกคนบาดเจ็บและแผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ผมได้ยินเสียงกระสุนดังอีกสองนัดก่อนเสียงนั้นจะเงียบไป

“มัวหลบหัวอยู่ที่ไหนกันจ้ะเด็กน้อย…มามะ ออกมาเล่นกับพ่อมา” ไอ้บ้านั่นพูดอย่างสะใจ

ผมกับนักวิจัยหญิงอีกคนหลบอยู่ใต้โต๊ะ พวกเราแทบทำอะไรไม่ได้เลย ผมไม่ทราบชะตากรรมของนักวิจัยอีก 4 คนเลย ปิ๊ง!!! เสียงลิฟต์ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมหญิงสาวแต่งตัวแปลกๆคนหนึ่งเดินออกมา เธอดูเหมือนคนเสียสติ

“อ้าว..อีวา มาพอดีเลย ไอ้พวกหนูท่อมันหลบอยู่แถวๆนี้อะ มีหลายตัวด้วย ช่วยกันตามหาหน่อยสิ” ไอ้บ้านั่นกล่าว

หญิงสาวคนนั้นค่อยๆเดินไปรอบๆห้อง ผมกับนักวิจัยหญิงอีกคนค่อยอ้อมไปทางด้านหลังพวกมันก่อนค่อยๆย่องเข้าไปในลิฟต์ จังหวะนั้นเองนักวิจัยอีก 4 คนก็ค่อยแอบย่องออกมาจากที่ซ่อนและค่อยๆวิ่งมาที่ลิฟต์

!!แกร๊บ!!

นักวิจัยคนหนึ่งเหยียบขวดน้ำพลาสติกบนพื้น “เวรเอ้ย!!!” เขาสบถก่อนรีบวิ่งเข้ามาในลิฟต์ ไอ้บ้านั่นกับหญิงสาวในชุดแปลกๆหันมาพอดี

ผมรีบกดปุ่มปิดลิฟต์รัวๆ จำได้เลยว่าเล็บนิ้วโป้งฉีกเลย พวกนั้นรีบวิ่งมายังลิฟต์แถมสาดกระสุนใส่พวกเราไม่ยั้ง

พวกมันวิ่งเข้ามาไม่ทัน แต่กระสุนที่มันส่งมาทำให้นักวิจัยคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เขาถูกยิงบริเวณสะโพก ดีที่เขาไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดมากเท่าไร กระสุนอาจไม่โดนอวัยวะสำคัญ…ลิฟต์ค่อยๆขึ้นไปเรื่อยๆ ผมและนักวิจัยอีก 4 คนอยู่ในลิฟต์ที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและศพ เลือดปะปนกับภาพที่น่าสะอิดสะเอียนของซากศพจำนวนมาก

ผมกลั้นอาเจียนไว้สุดๆ แต่นักวิจัยข้างๆผม เธอคงทนไม่ได้เลยอาเจียนออกมา กลิ่นคาวเลือดปะปนกับกลิ่นแอร์ในลิฟต์ ผมรู้สึกเหมือนกำลังอมเหรียญไว้ในปาก กลิ่นมันชวนอ้วกสุดๆ ผมภาวนาให้คนพวกนั้นไม่ได้ดักอยู่ที่หน้าลิฟต์

ปิ๊ง!!! ลิฟต์เปิดออก ไม่มีใครอยู่เลย นักวิจัยทั้ง 4 คนรีบผละออกไป ผมสังเกตุบัตรบางอย่างติดอยู่ที่ตัวของดร.อีธาน บัตรมันเขียนว่าคีย์การ์ด เลเวล 5 ผมรีบคว้ามันมาเผื่อว่ามันจะมีประโยชน์และกดปุ่มให้ลิฟต์หยุดทำงาน ก่อนวิ่งตามนักวิจัยคนอื่นไป กว่าจะรู้ตัวอีกที่พวกเราก็กลับมาอยู่ที่ห้องบรรยาย ห้องนี้กว้างใหญ่และมืดมาก มีศพคนอยู่เต็มไปหมด ผมหยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมาและค่อยๆส่องทางเดินไปเรื่อยๆ นักวิจัยคนอื่นก็ตามผมมา

ทันใดนั้นเอง ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยู่บนชั้นลอยของห้อง

“อย่าเข้ามา!!..ไอ้สารเลว! อะ…”

ฟุบ!!

แสงไฟจากมือถือของผมกระทบไปโดนกับชายคนหนึ่ง เขาใส่หน้ากากสีขาวลายคล้ายๆเตเลกของบาหลี ในมือของเขามีดาบสีเงินสะท้อนวาววับและคราบเลือดเปรอะไปทั่ว หญิงสาวคนเมื่อกี้เงียบเสียงแล้ว ตัวของเธอหายไปครึ่งนึง เลือดของเธอสาดกระจายเต็มชั้นลอย ผมตกใจเป็นอย่างมาก ซากที่เหลือของเธอดูเหมือนกับยังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่เธอจะสลบไป ระหว่างนั้นเอง ผมเหลือบไปเห็นประตูทางออกจากห้อง มันอยู่ไม่ไกลมาก ไอ้คนข้างบนกระโดดลงและวิ่งมาหาพวกเรา ผมตัดสินใจปิดมือถือแล้วจับมือนักวิจัยข้างหลังผม พวกเราค่อยๆเดินไปยังที่ทางออก

“พวกแกอยู่ไหนวะ ไอ้พวกสวะ” ชายในหน้ากากตะโกนถาม

ผมแตะประตูทางออกก่อนค่อยๆแง้มมันออกมาช้าๆ ลิฟต์ ผมเห็นลิฟต์อีกตัว นักวิจัยข้างหลังผมรีบวิ่งไปกดลิฟต์ ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับคนจำนวนมากในชุดผ้าคลุมพร้อมดาบขนาดใหญ่ นักวิจัยคนนั้นถูกตัดหัว นักวิจัยหญิงข้างๆผมแผดเสียงร้องก่อนรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องประชุม ผมรีบวิ่งตามเธอไปก่อนที่พวกนั้นจะวิ่งตามเรามา พวกเราหลบอยู่หลังกองศพขนาดใหญ่ นักวิจัยคนที่ถูกยิงแกล้งนอนลงไปกับศพเพื่อตบตา ผมกับนักวิจัยหญิงอีกคนค่อยๆย่องไปตามผนังของห้องประชุม สายตาของพวกเราปรับจนพอมองเห็นในความมืดได้

“เออ แจ๊ค ไอ้พวกนักวิจัยมันจะไปที่ลิฟต์ใช่ไหม แกช่วยไปดักอยู่หน้าลิฟต์ทีนะ”

บัดซบ!!! วินาทีนั้นผมไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรดี นักวิจัยหญิงข้างๆผมสะอื้นอีกรอบ เธอพูดกับผมเบาๆว่าเธอไม่อยากตาย ครับ ผมเองก็ไม่อยากตายเหมือนกัน

ตึ่ง!! มีบางคนเปิดประตูจากทางข้างหลังเรา ผมหันไปดู มีนักวิจัยอีกคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้อง พวกคลั่งนั้นเดินไปหาเขา

“อย่าขยับ ไม่งั้นพวกแกตายแน่!!!” นักวิจัยคนนั้นตะโกนใสพวกบ้านั่น ในมือของเขามีปืน 9 มม.อยู่หนึ่งกระบอก เขาเล็งปืนไปที่พวกนั้น

“ถ้าแกขยับ แกตายเหมือนกัน” พวกบ้านั่นพูดก่อนยืนล้อมนักวิจัยคนนั้น

ไอ้คนที่เฝ้าอยู่หน้าลิฟต์รีบวิ่งเข้ามาในห้องประชุมก่อนที่มันจะสะดุดศพแล้วล้มหน้าฟาดพื้น หน้ากากของมันแตกออกเป็น 2 ซีกก่อนรีบวิ่งไปหานักวิจัยคนนั้น จังหวะนั้นเองผมและนักวิจัยอีกสองคนค่อยๆขยับไปยังประตูทางออก พวกเรากดลิฟต์และยืนรอกันอย่างเงียบๆ ผมมองเหลียวหลังตลอดว่าพวกนั้นตามมาหรือเปล่า

ปิ๊ง!!ลิฟต์เปิดขึ้นพร้อมเสียงไอ้พวกบ้านั่นที่วิ่งไล่ตามมา พวกมันคงได้ยินเสียงลิฟต์พอดี ปัง!!..ผมได้ยินเสียงปืนก่อนกลายเป็นเสียงชำแหละของบางอย่าง นักวิจัยคนนั้นคงโดนเชือดแล้วแน่ๆ เขาแผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด

พวกเราเข้าไปในลิฟต์ ในลิฟต์มีศพนักวิจัยหญิงอยู่คนหนึ่ง เธอถูกยิงบริเวณหลัง ผมรับกดลิฟต์ไปที่ชั้น B1 ซึ่งเป็นชั้นทางออก ประตูลิฟต์ปิดลง ผมและนักวิจัยอีก 2 คนรู้สึกโล่งใจมากๆ ทว่า ลิฟต์กลับลงไปแทนทีจะขึ้นไป ผมสังเกตุเห็นว่ามีคนกดปุ่มชั้น 7 ไว้ นักวิจัยหญิงต้องกดปุ่มนี้ก่อนตายแน่ๆ

“บ้าเอ๊ย!!” นักวิจัยที่ถูกยิงสบถก่อนเตะศพนักวิจัยหญิงคนนั้นอย่างเต็มแรง

ผมพยายามควบคุมสติ ลิฟต์ค่อยๆลงไปเรื่อยก่อนเปิดออก ชั้น 7 นั้นมืดมาก ผมมองไม่เห็นอะไรเลย นักวิจัยหญิงข้างๆผม เธอหมดเรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน ผมรอให้ลิฟต์ปิดอย่างเงียบๆ ให้ตายซิ ผมลืมสนิทเลย ไอ้พวกคนใส่หน้ากากมันต้องกดลิฟต์ดักรอเราอยู่แน่ๆ

“หรือเราจะออกจากลิฟต์…แล้วส่งลิฟต์เปล่าขึ้นไปหลอก….พวกมัน…พวกมันจะได้ไม่ดักรอพวกเราอีก พวก…พวกมันไปที่อื่นเราจะได้กดลิฟต์ขึ้นไป..ชั้นบน” นักวิจัยอีกคนเสนอความคิด เขาเสียเลือดอย่างมากจนไม่ได้สติ

“บางทีถ้าพวกเราตายตั้งแต่แรก..เรื่องน่าจะจบ”นักวิจัยหญิงอีกคนกล่าว

ระหว่างนั้นเอง นักวิจัยที่ถูกยิงก็เหลือบไปเห็นผ้าพันแผลอยู่บนโต๊ะทำงานของภารโรง นักวิจัยชายข้างๆผมรีบวิ่งออกไปเก็บมัน ทันใดนั้นเอง!! ประตูลิฟต์ก็ปิดเองทั้งๆที่ผมเอามือขว้างประตูลิฟต์ไว้แล้ว

นักวิจัยข้างนอกทุบประตูลิฟต์แล้วโวยวายก่อนเงียบหายไปและกลายเป็นเสียงกรีดร้อง ประตูลิฟต์ปิดลงและขึ้นไปชั้นB1เรื่อยๆ ผมพยายามกดลิฟต์ที่ชั้น6 4และ 3แต่ก็ไม่เป็นผล บางคนอาจควบคุมลิฟต์นี้ไว้ ไอ้พวกนั้นต้องควบคุมลิฟต์ไว้แน่

“ไม่เอา มะ..ไม่” นักวิจัยหญิงข้างๆผมสะอื้นแผดร้องสุดเสียง ผมทรุดลง ผมกอดเธอไว้แน่น ผมเองก็ยังไม่อยากตายเหมือนกัน

“นี้แค่ปฐมนิเทศวันแรกเองนะ” ผมคิด

ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นB1 ปิ๊ง ประตูลิฟต์เปิดออก ผมหลับตาปี๊ ผมกลัวว่าจะต้องเห็นภาพอะไรข้างหน้า

“นี่ พวกคุณ!! เป็นอะไรหรือเปล่า”

ผมสะดุ้งก่อนลืมตามอง ขอบคุณพระแม่แห่งความเมตตา!!! เป็นทีมช่วยเหลือที่ทางสถาบันส่งมา ผม..ผมและเธอรอดแล้ว!!!! พวกเขานำเราออกจากอาคาร ก่อนให้เราขึ้นรถตู้ของทางสถาบัน

“พวกคุณโชคดีมากนะที่ไม่ได้อยู่ในศูนย์วิจัยหรืออยู่ในห้องทดลอง พวกศาสนจักรแห่งเทพผู้แตกหักมันโจมตีจุดนั้นโดยตรงเลย พวกคุณเป็นพวกแรกๆที่รอดชีวิตออกมาได้ ดีใจด้วยนะ เดี๋ยวคนขับรถจะพาพวกคุณไปที่อีกเซคเตอร์หนึ่ง ให้พวกคุณล้างหน้าล้างตากันหน่อย ไม่ต้องห่วง มาทำงานวันแรกก็อย่างนี้แหละ อยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชิน" ชายในเครื่องแบบพร้อมหนวดเคราสีขาวกล่าวก่อนส่งพวกเราขึ้นรถไป

สุดท้ายบัตรที่ผมเก็บมาก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์สินะ ผมหยิบบัตรเปื้อนคราบเลือดนั้นออกมาดู

"เออ เธอ.. เธอชื่ออะไรอะ"นักวิจัยหญิงถามผม

"ผมแกมม่าครับ" ผมตอบอย่างเขินๆ

"ชั้นแมรี่นะ ยินดีที่ได้รู้จัก"

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License