บ่ายวันอาทิตย์ที่อากาศภายนอกร้อนอบอ้าวในวันนี้เป็นเเพียงวันธรรมดาๆวันนึง ที่บุคลากรส่วนใหญ่ถือโอกาสลาพักร้อนไปใช้ชีวิตอย่างธรรมดาๆ บางคนก็หมกตัวอยู่ในห้องทดลองและห้องพักส่วนตัว เหล่าสิ่งผิดธรรมชาติเองก็คงเบื่อหน่ายกับการแสดงพลังทุกวันพวกมันเลยถือโอกาสหยุดพักผ่อนไปซะดื้อๆ
ในขณะนั้นที่ห้องส่วนตัวหมายเลข6ของชายผู้มีทรงผมสกินเฮดที่เกือบจะสั้นเกรียนจนเป็นเอกลักษณ์ เสียงปืนได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจำนวน4นัด ภายในห้องปรากฏร่างกำยำของชายผู้เป็นเจ้าของปืนสายตาปรือๆที่มีขอบตาสีดำคล้ำบ่งบอกถึงการอดนอนกำลังจ้องไปที่ซากศพผู้เคราะห์ร้ายของเขา ตอนนี้มันเป็นเพียงร่างของสิ่งมีชีวิตสี่ขาไร้วิญญาณที่มีขนปกคลุมนอนจมกองเลือดอยู่ รอยกระสุนทะลุเข้ากลางลำตัวพอดี เขาเดินเข้าไปใกล้มันจนทิ้งระยะห่างไว้เพียงไม่ถึงคืบ
"แกผิดเองที่พยายามแย่งมันไปจากฉัน"
เขาพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปยังซากศพอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นก่อนที่มือจะสัมผัสกับซากศพ ประตูห้องก็ได้ถูกเปิดออกพร้อมกับปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างเล็กที่เส้นผมและเสื้อผ้าของเขาดูยับยู้ยี่ไปหมด แว่นตาหนาๆกับรอยยิ้มที่มุมปากของเขาบ่งบอกถึงความฉลาดหลักแหลมที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
"นายทำอะไรนะเฟมัส"
เขาเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง
"ฉะฉันกำลัง..จัดการศพไงล่ะ ทอมสัน"
เฟมัสตอบด้วยเสียงที่สั่นเครือ
"เอ่อ..เอาเถอะนายรีบๆจัดการกับศพหนูที่มาขโมยชีสห่วยๆของนายให้เสร็จซักทีเถอะและฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงได้ทำเสียงสั่นอย่างกับไปฆ่าคนมาด้วยฟะ"
"บ้าเอ้ย…ก็มัน..มันหนาวนี่หว่า"
"แกนี่มันใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองชะมัด ข้างนอกน่ะร้อนจะตายอยู่แล้ว"
ทอมสันพูดพร้อมกับมองดูเฟมัสเก็บซากศพหนูดวงซวยลงถังขยะอย่างใจเย็น
"เอาล่ะเสร็จแล้วใช่มั้ย เราต้องไปหาอะไรใส่ท้องกันซักหน่อยแล้ว"
"ก็ดี"
ทั้งสองเดินออกมาจากห้องของดร.เฟมัสมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารของสถาบันผ่านห้องเก็บของที่ประตูถูกเปิดทิ้งไว้ เฟมัสมองลอดประตูเข้าไปก่อนจะยักคิ้วแสดงการทักทายต่อเพื่อนซี้ที่นั่งจิบไวน์องุ่นอยู่ที่มุมมืดของห้องเก็บของ เอเย่นอาร์มมักจะมานั่งอยู่ที่มุมโปรดของเขาเสมอด้วยเหตุผลแค่เพียงว่าเขาลำคาญเสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นเวลาเดินของผู้คนมากหน้าหลายตา
ในโรงอาหารโต๊ะแทบทุกตัวเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เว้นแต่เพียงโต๊ะตัวสุดท้ายที่อยู่ซ้ายมือสุดซึ่งมีเจ้าหน้าที่วอร์เรนกับจานใส่ขนมปังปิ้งและถ้วยกาแฟของเขาวางอยู่
"ไงวอร์เรน"
ด็อกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญทั้งเดินถืออาหารในมือคนละจานพร้อมกับกล่าวทักทายพร้อมและนั่งลงร่วมโต๊ะเดียวกับวอร์เรน
"ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มี"
วอร์เรนบ่นพึมพำพร้อมกับใช้ช้อนคนแก้งกาแฟอย่างเหม่อลอย
"ไม่มีอะไร?"
เฟมัสเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"นาโช่ ไม่มีนาโช่ใน..ในโรงอาหาร"
เข้าพูดพร้อมกับเงยหน้ามองเฟมัสสลับกับทอมสัน
"เฮ้! เราแปลกใจที่เจอนาย"
ทอมสันพูดตัดบทขึ้นมาพร้อมกับหยิบขนมปังในจานของวอร์เรนขึ้นมาพร้อมกับยัดมันลงไปในปากคำเดียวหมด
"ฉันว่าเราจะไปดื่มกันน่ะ อันที่จริงก็ไม่ใช่บาร์ที่ไหนหรอก แต่เป็นที่ห้องของทอมสันน่ะ เขาพึ่งได้ไวน์ชั้นเลิศมา แบบว่าแก้ร้อนน่ะ"
เฟมัสพูดพร้อมกับตักข้าวคำโตเข้าปาก
"แต่แกพึ่งจะบ่นหนาวนะ"
ทอมสันพูดแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดูสงสัยกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
"นั่นมันในห้องฉัน แต่ข้างนอกมันร้อนนี่หว่า"
เฟมัสพูดพร้อมกับหยิบถ้วยกาแฟของวอร์เรนขึ้นมาดื่ม
"ช่างหัวพวกนายเถอะ ตกลงเราจะไปดื่มกันและฉันจะไปกับพวกนาย"
วอร์เรนพูดพร้อมกับมองดูทอมสันหยิบขนมปังชิ้นสุดท้ายจากจานของเขา
"เยี่ยม! เอ่อ…ว่าแต่ขนมปังนี่ถ้าไม่กินฉันขอนะ"
ทอมสันพูดพร้อมกับยัดขนมปังปิ้งเข้าไปในปากทั้งแผ่น
"ฉันจะอนุญาติให้นายกิน ถ้านายมีไวน์"
วอร์เรนตอบกลับด้วยสีหน้าที่ดูยิ้มแย้มขึ้นเล็กน้อย
หลังจากการเขมือบของพวกเขาสิ้นสุดลงทั้ง3ก็เดินออกจากโรงอาหารมุ่งหน้าไปยังห้องของทอมสัน
ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกทอมสันก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อขวดไวน์อันเลอค่าของเขาได้อันตธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
"บ้าเอ้ย! มันอยู่ไหนวะ"
ทอมสันสบถออกมาพร้อมกับหันมองเฟมัส
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไง"
เฟมัสพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดเล็กน้อย
"แล้วมันจะหายไปไหนวะ"
"จะไปรู้ได้ไงวะ"
"ก็แกมันน่าสงสัยที่สุดแล้วนะเว้ย"
ทั้งคู่เริ่มเถียงกันจนวอร์เรนเริ่มหมดความอดทนและเดินออกไปอย่างเงียบๆ เขาตั้งใจจะออกไปข้างนอกเพื่อไปหาอะไรนั่งดื่มเงียบๆคนเดียวซักพัก
วอร์เรนเดินกลับไปยังทางเก่าผ่านห้องเก็บของซึ่งตอนนี้มันก็ยังคงถูกเปิดทิ้งไว้เหมือนเดิม ด้วยความสงสัยวอร์เรนจึงเดินเข้าไป ข้างในมืดสนิทอาศัยเพียงแสงไฟจากทางเดินข้างนอกที่ส่องเข้ามาเท่านั้น วอร์เรนหันหลังกลับและกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปทันใดนั้นก็มีเสียงทักทายขึ้นมาจากมุมมืด
"ไงวอร์เรน"
เอเย่นต์อาร์มยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขากล่าวทักทายวอร์เรนพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อแสดงการทักทาย
"เฮ้! อาร์ม นายมีไวน์นี่"
วอร์เรนหันกลับมาพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างพร้อมกับเดินกลับเข้ามา
"ใช่ๆ ไวน์ชั้นเลิศ มาสิลองดูหน่อย"
เอเย่นต์อาร์มยื่นแก้วเปล่าให้วอร์เรนพร้อมกับรินไวน์ให้วอร์เรนจนเลยครึ่งแก้ว
วอร์เรนลิ้มรสไวน์เข้าไปราวกับว่ามันเป็นอาหารทิพย์จากสวรรค์ รสชาติที่นุ่มละมุนช่างสุดยอดจนหาอะไรมาแทนไม่ได้ในเวลานี้
"น่าเสียดายเฟมัสกับทอมสัน พวกเขามีไวน์ แต่เขาดันสะเพร่าทำมันหาย"
วอร์เรนพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเล็กน้อย
"เอาเถอะ ไวน์นี่ก็ดีเหมือนกันนิ่ใช่มั้ย นายดื่มอีกครึ่งขวดที่เหลือนี่จนหมดได้ใช่มั้ย เพราะฉันมีธุระสำคัญพอดี"
เอเย่นต์อาร์มพูดพร้อมกับลุกขึ้นเตรียมตัวที่จะเดินออกไป
"โอ้ ได้ ได้สิ ยินดี!"
"บาย งั้นไว้เจอกันนะเจ้าหน้าที่วอร์เรน"
เอเย่นต์อาร์มพูดพร้อมกับเดินออกมาจากห้องเก็บของในขณะที่วอร์เรนกำลังนั่งจิบไวน์อยู่อย่างเพลิดเพลิน
เอเย่นต์อาร์มมุ่งหน้าเดินไปยังทางออกของสถาบัน ระหว่างทางเขาได้พบกับคู่หูเฟมัสและทอมสันเพื่อนเก่าของเขา ดูเหมือนทั้งสองกำลังวุ่นวายอยู่กับการตามหาอะไรบางอย่าง
"เฮ้เพื่อน ถ้าพวกนายกำลังหาวอร์เรนอยู่ล่ะก็นะ ตอนนี้เขาอยู่ในห้องเก็บของตรงโน้นน่ะ ดูเหมือนเขามีไวน์ด้วยนะ"
เอเย่นต์อาร์มพูดพร้อมกับชี้ไปทางห้องเก็บของที่เขาเดินพึ่งจะเดินจากมา
"ไวน์เหรอ? เฮ้อาร์มนายพูดว่าวอร์เรนมีไวน์หรอไม่ผิดแน่นะ?"
ทอมสันถามคาดคั้นเพื่อให้แน่ใจว่าเขาฟังไม่ผิด
"ก็ไวน์น่ะสิ! ไปกันเถอะทอมสันไวน์รสเลิศของพวกเราต้องอยู่ที่วอร์เรนแน่ๆ! ฉันว่าแล้วหัวขโมยที่ขโมยไวน์ของพวกเราไปคือวอร์เรนนั่นเอง!!"
เฟมัสพูดพร้อมกับเดินนำหน้าทอมสันไปยังทางเดินไปห้องเก็บของ
"ไอ้บ้าเอ้ย ฉันรู้แล้วน่ะ!"
ทอมสันตอบพร้อมกับเดินตามดร.เฟมัสไปอย่างติดๆ
เฟมัสกับทอมสันรีบมุ่งหน้าไปทางห้องเก็บของทันทีในขณะเดียวกันเอเย่นต์อาร์มก็กำลังเดินออกจากสถาบันไปด้วยรอยยิ้มที่เอิบอิ่มเล็กน้อยที่ได้แกล้งปั่นหัวคนพวกนั้น
"ขอให้จับคนขโมยไวน์ได้นะ"
เอเย่นต์อาร์มกล่าวขึ้นลอยๆและหัวเราะขึ้นเบาๆก่อนที่เขาจะเดินออกจากสถาบันไปอย่างเงียบๆท่ามกลางไอแดดที่ร้อนระอุในช่วงบ่าย