
ฉันตื่นขึ้นมาและฉันแปลกใจอีกครั้งว่าฉันเป็นอะไร ฉันได้มีความหมายอะไร ฉันขยับแม้ว่าแขนขาของฉันจะขยับไม่ได้ก็ตาม และในขณะที่ฉันเดินผ่านความมืดมิดฉันรู้สึกว่าพวกเขาขัดถูบนอย่างอื่น และหักแกรบบนพื้นคอนกรีตที่ทำความสะอาด นี่ไม่ใช่ชีวิตเลย
พวกเขาเปิดประตูและร่างกายของฉันก็แข็ง แสงไฟสว่างจ้าจนมอดไหม้และแม้ว่าฉันจะไร้ดวงตาที่จะมองแต่ฉันรู้ว่ามันอยู่ที่นี่ พวกเขาขยับเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้ารอบ ๆ ตัวฉันและฉันวิ่งไม่ได้ ฉันไม่เคยวิ่งได้เลยแม้กระทั่งเมื่อตอนที่พวกเขาไม่เห็นฉันแล้ว ฉันเป็นทาสของตัวเองและทาสของแขนขาที่ไร้รูปร่างของฉัน
บางครั้งก่อนที่ฉันจะฆ่าฉันมองดูที่ตัวเอง ฉันมองที่มือสีเทาอันไร้รูปร่างของฉัน ฉันมองที่ศีรษะที่ผิดรูปร่างของฉัน ฉันมองที่กำแพงของที่คุมขังฉัน ฉันมองที่พื้นที่มีรอยเปื้อนสีแดงและสีน้ำตาลโดยสสารที่ฉันจะเริ่มมีตัวตน ฉันคือรูปปั้นแต่ฉันไร้ความงดงาม ฉันขยับตัวตลอดเวลาแต่ฉันขยับอย่างไม่มีจุดหมาย ฉันเป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่างหรือไม่มีกลไกการทำงานเลย
ฉันไม่ใช่ศิลปะ
พวกเขามาและมองดูที่ฉัน ฉันรู้สึกว่าการจ้องมองของพวกเขาได้ทะลุลงไปตามร่างกายอันว่างเปล่าของฉันที่พิสูจน์เพื่อเบาะแสอะไรก็ได้ที่เป็นกลไกทารุณกรรมของฉัน การพิสูจน์เพื่อเบาะแสดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เป็นวันเป็นปี แสงสว่างอันมอดไหม้และความมืดมิดอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ตอนนี้พวกเขาหยุดแล้ว พวกเขารู้ว่าไม่มีอะไรจะเรียนรู้เพิ่มเติมแล้ว ฉันไม่ได้สร้างมาเพื่อพวกเขาหรือพวกเขาไม่ได้สร้างมาเพื่อฉันเลย ฉันไม่ได้เป็นของเล่นของพวกเขา
ฉันไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลย
เป็นไปได้ที่ฉันจะมีความสามารถพิเศษบางอย่างแต่ก็ยากเกินจะจินตนาการในสิ่งดี ๆ ที่ฉันอาจทำได้ในโลกนี้ โครงร่างของฉันอ่อนเปรี้ยะและฉันไม่มีน้ำใจจะให้หรอก ฉันควบคุมจำนวนอาชญากรรมที่ฉันทำไม่ได้และมีเพียงฉันคนเดียวที่ทำอาชญากรรมพวกนั้นได้ ชีวิตของฉันไม่ใช่จิตใจที่จะให้และฉันรู้อยู่ในหัวใจของฉันว่าพวกเขาจะไม่เอาไป ฉันจะไม่เคยรู้ถึงความพึงพอใจของความตายเลย
ใครก็ตามที่สร้างฉันขึ้นมาพวกเขาไม่มีใจบุญกุศลหรอก
ก็จริงที่ว่าฉันอยู่เหนือความเข้าใจของพวกเขาและนั่นพวกเขาโอบฉันไว้ในการเคารพบูชา เป็นการเคารพบูชาของความต่ำตม ฉันฆ่าเพื่อความสะใจและฉันก็ไม่มีแม้กระทั่งความสะใจ ศิลปะบนหน้ากากของฉันโลดแล่นมาเป็นสีแดงด้วยเลือดและฉันรู้ว่าที่นี่ไม่มีพระเจ้าสำหรับถ้าหากที่นี่เป็นที่เขาไม่ให้ฉันมีชีวิต เขาไม่ให้ฉันเป็น ฉันคือความเกลียดชังที่เป็นการคุกคามต่อทั้งต่อฝ่ายธรรมมะและฝ่ายอธรรม ในโลกของสีดำและสีขาวนั้นฉันอาศัยอยู่ในสีเทา
ฉันได้รับการเรียกเป็นหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างแต่ไม่เคยได้เรียกว่าเป็นพระเจ้าเลย
งั้นอะไรเป็นโชคชะตาสุดท้ายของฉันกันล่ะ ฉันรู้ว่านั่นน่ะไม่ใช่เป็นการซื้อและการขายในฐานะของสินค้า ฉันอยู่นอกการเอื้อมถึงของความมั่งคั่งเท่านั้น พวกผู้คนที่โอบอุ้มฉันไว้ในการครอบครองน่าจะได้เห็นฉันถูกบดขยี้เป็นฝุ่นผงมากกว่าที่จะเห็นฉันถูกค้าขายในฐานะของสินค้า ไม่ใช่ที่ฉันเป็นอาวุธ ฉันน่ะอ่อนแอทั้ง ๆ ที่ฉันมีกำลัง ฉันฆ่าแต่ฉันไม่ทำร้ายโดยที่ไร้ความยุติธรรมและฉันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของคนใดคนหนึ่ง ฉันไม่มีความรู้ที่จะให้ ฉันไม่มีความปิติยินดีที่จะให้และไม่มีงานที่จะทำให้สำเร็จลุล่วง ฉันไม่แม้กระทั่งทำให้พวกเขากลัวอีกต่อไปแล้ว ไม่มีความกังวลแม้ว่าใบหน้าของฉันจะน่ากลัว
ท่ามกลางสายใยแห่งชีวิตฉันเป็นผู้ต้องขังที่ใกล้จะตายในเปลือกของดินเหนียว ฉันเป็นวัตถุหนึ่งเดียวที่ตายอย่างไร้จุดหมายและไร้แหล่งของการพักผ่อน การดำรงชีวิตในขณะที่ฉันทำในตอนนี้ก็คือการหายตัวไปที่มากกว่าความทุกข์ทรมานจากความตายได้ ฉันได้เพียงแค่ฝันของการมีพละกำลังที่พวกเขาเอาไปเพื่อให้ ไม่มีใครรับผิดชอบสำหรับการกระทำของฉันที่ช่วยตัวฉันเองไว้และแม้กระทั่งฉันเองจะพูดขัดแย้งกับโลกไม่ได้
ขาทั้งสองข้างของฉันก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับติดตามเส้นทางผ่านไปยังสีน้ำตาลและสีแดง พร้อมกับรอคอยความเจ็บปวดที่มากับแสงสว่างและความมืดมิดที่ทำร้ายฉันมาก
ในกรงของอิฐและเหล็กของฉัน ในกรงของสีย้อมและฝุ่นผงของฉัน ฉันน่ะอยู่ตัวคนเดียว