เจ้าสารเลวฟาเบอร์เช่กำลังโกรธแค้น เครื่องมือลอยคว้าง ประตูกระแทก กำแพงและพื้นสั่นสะท้าน ทุกอย่างเกิดขึ้นในขณะที่เขาพ่นคำสบถออกมาเป็นชุด ซึ่งแต่ละคำรุนแรงชนิดที่ว่าสามารถลอกสีกำแพงจางๆ ให้หมดได้ ตัวเขาถูกปฏิเสธ ตัวเขาเอง! ผู้ที่เป็นทายาทของพ่อค้าอัญมณีผู้สูงส่งที่สุดในโลกนี้ ผู้ที่สร้างสิ่งมหัศจรรย์ที่เห็นได้แค่ในฝัน ถูกโยนออกมาทางประตูหน้าราวกับขอทาน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่โยนเขาออกมาเป็นแค่คนรับใช้ตัวอ้วน น่าสมเพช และไร้สมองคนหนึ่งเท่านั้น เครื่องบรรณาการของไปไม่ถึงแม้แต่หางตาของกษัตริย์ซาร์
เขาขว้างค้อนออกไปแรงมากพอที่ทำให้มันทะลุติดกำแพง ในใจร้อนรุ่มและทรมานด้วยโทสะ ไข่ใบนั้นของเขา ของจำลองที่สมบูรณ์แบบจากไข่ฟาเบอร์เช่ในตำนานที่ได้มอบให้เหล่าเจ้าหญิงและเจ้าชาย แหลกสลายเป็นผุยผงอยู่ที่พื้นตรงหน้าเขา เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งปีกับเงินทุนของเขาเองไม่ใช่น้อยๆ ทั้งเส้นสายและเส้นประสาททั้งหมด เพื่อสร้างไข่ใบนั้น มันส่องประกายระยิบระยับ ทุกตารางนิ้วถูกแกะสลักเป็นฉากของตำนานของบาบะยากะและโคเชย์ผู้ไม่รู้จักตาย ดวงตาที่ชั่วร้ายนั้นเป็นเพชรเจียระไน และดวงตาของเด็กผู้หวาดกลัวทำด้วยไข่มุกสีนวล
ภายในภาพนั้นมีคำบอกใบ้เล็กๆซ่อนอยู่ที่บ้านเสาขาไก่ของบาบะยากะ มันเป็นกลไกเล็กๆที่เมื่อเปิดออกจะมีการแสดงสยองขวัญให้ดู เมื่อประตูบานเล็กแสนประณีตนั้นเปิดออก จะได้เห็นภาพการต่อสู้ระหว่างพระเอกกับผู้ร้ายที่ไร้ลอยแผลใดๆ ภาพใบหน้าของพระเอกที่เห็นได้ชัดสู้กับโคเชย์ผู้ชราตลอดกาล มันโหดร้าย แต่ก็เหมาะกับเจ้าชายองค์เล็กที่เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องจิตใจที่ป่าเถื่อน ทั้งหมดนี้กลายเป็นเศษขยะ เพราะที่ปรึกษาไร้ค่าบางคนรู้สึก “ถูกดูหมิ่น” และไม่ยอมให้มัน “ทำลายสมดุลทางอารมณ์อันบอบบางของนายน้อย” ไอ้หมูอ้วนใจปลาสิว มันน่าจะถูกยามช่วยหิ้วออกมาทางประตูหน้าแบบเดียวกัน
ความโกรธของเขาทุเลาลง หัวของเขาปวดตุ๊บๆในขณะที่เขานั่งตัวงออยู่ที่กำแพง พื้นที่ทำงานหรือห้องส่วนตัวของเขาเละเทะไปหมด มีเพียงหิ้งชั้นบนสุดเพียงบางส่วนเท่านั้นที่รอด เขาหอบ ก่อนจะเริ่มสะอื้นออกมาอย่างเงียบงัน สายตามองลงมาที่มือที่ไร้ประโยชน์ของเขา มันเป็นงานที่เยี่ยมที่สุดของเขา และเขารู้ว่าไม่มีทางจะทำมันได้อีก สายตาของเขาลอยไปหาคานค้ำหลังคา สอดส่องหาคานที่แข็งแรงที่สุดโดยไม่รู้ตัว มองหาคานที่น่าจะรับน้ำหนักเขาได้ ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ไปหยุดที่กลไกไขลานทรงดอกกุหลาบที่แขวนสูงอยู่ตรงมุมห้อง ถ้าได้ไขมันเล็กน้อย ดอกไม้จะบานออก และพับซ้อนตัวมันเองจนกลายเป็นนกกุ๊กกู เขาจ้องมองมัน ขอบตาแดงก่ำและร้อนรุ่ม เมื่อความคิดค่อยๆผุดตัวออกมาทีละเล็กทีละน้อย
เขายืนขึ้น ปลดเอากลไกไขลานดอกกุหลาบลงมา เขาไขลานมันและจับจ้องดูการเปลี่ยนแปลง ตัวการเปลี่ยนแปลงนั้นน่าสนุกเสมอ ความลับที่ค่อยๆเปิดเผยออกมา ถ้าเป็นรูปไข่ เปลือกภายนอกนั้นแทบจะถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิง เพื่อค้นหาความลับที่อยู่ข้างใน ความลับ การเปลี่ยนแปลง เขาเริ่มยิ้มออกมาช้าๆ เผยให้เห็นความบ้าคลั่งบนใบหน้าผอมแห้ง และบูดบึ้งของเขา เขาจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ แบบที่โลกไม่เคยเห็น และจะไม่มีทางได้เห็นอีกให้พวกนั้น เขาจะสร้างสมบัติที่จะถูกเก็บรักษาและส่งต่อไปอีกหลายรุ่นหลังจากที่ตระกูลซาร์ได้ตายไปหมด และลืมเลือนไปจากโลก
เขาเริ่มด้วยการรวบรวมนาฬิกาที่พังแล้ว คืบคลานไปตามร้านและกองขยะ เขารวบรวมของเล่นทุกอย่าง เครื่องมือ หรือนาฬิกาที่อันที่มีฟันเฟืองอยู่ข้างในเท่าที่เขาหาได้ ห้องทำงานของเขาเต็มไปด้วยกองเฟือง สายพาน ล้อตุนกำลัง และลวดสปริงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างถูกจัดแยกไว้ และกองรวบกันจนสูงถึงคานห้อง พิมพ์เขียวของเขาเองก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน จากสองแผ่นเป็นห้า เป็นแปด เป็นสิบสอง ไม่นานเขาก็เริ่มจดแบบร่างลงบนผนัง ขีดเขียนหมายเหตุทุกอย่างลงบนพื้น ตามทางเดินแคบๆระหว่างกองเฟือง
เขามีเพื่อนเพียงเล็กน้อยที่เคยคุยด้วย เขาเริ่มกลายเป็นคนผอมแห้งและไร้ชีวิตชีวามากกว่าเดิม ตาของเขาแดงกล่ำและคลุ้มคลั่ง และจะพูดพึมพำออกมาเป็นครั้งคราว บางคนที่อยากมาดูสภาพเขา แทบจะเบียดตัวผ่านประตูห้องเขาแทบไม่ได้ จากนั้นก็สำลักกลิ่นสนิมและน้ำมันอย่างรวดเร็ว งานเครื่องประดับและนาฬิกาไขลานที่มีน้อยอยู่แล้วของเขาก็หยุดลงโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกันกับรายได้ของเขา เขาเริ่มขายเครื่องเรือน เสื้อผ้า หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาสามารถซื้ออาหารเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังชีวิต เริ่มมีคำเล่าลือว่าเขาถูกผีสิงหรือไม่ก็ใช้มนตร์ดำ
ความหมางเมินไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา และในแง่หนึ่งเขาแทบจะยินดีต้อนรับมัน เขาหวาดระแวงพวกที่ดีเกินไป เปิดใจมากเกินไป และการมีปฏิสัมพันธ์กับพวกที่ชอบกวนเขาเรื่อยๆทำให้งานช้าลง และเมื่อสละความเหลาะแหละที่เรียกว่าการนอนทิ้งไป เขาก็ได้เวลาที่จะใช้ไปกับการทำงานมากขึ้น คำบ่นเล็กๆน้อยๆของเพื่อนบ้านเรื่องเสียงดังในตอนกลางคืนหายไปทันใดเมื่อได้สบสายตาอันดุร้ายของเขา กองขยะเริ่มรวมกันเป็นรูปร่าง ชิ้นส่วนนับล้านเริ่มเปลี่ยนจากกองอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นก้อนขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของห้องเล็กๆของเขา เขาสัปหงกไปกับหัวใจที่ยังนิ่งเงียบของมัน เกือบจะหลับไปหลายครั้งตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา คอยเงี่ยหูฟังเสียงติ๊กต๊อกนับถอยหลังการกำเนิดของผลงานตน
เขาทุ่มเททุกอย่างที่เขามี ทุกอย่างที่เขาเป็นลงในผลงาน เขาพูดกับมัน ชักจูงมัน สาปแช่งมัน กระซิบ หรือแม้แต่ตะโกน เขาเสียเลือดเนื้อไปกับสลักที่หลุดออกและสายพานที่อยู่ดีๆเคลื่อนตัว เขาหลั่งเลือดและหนองไปกับสิ่ว สว่าน และไขควงเมื่อมือของเขาถูกบาด เป็นแผลพุพอง และหายดี ก่อนจะถูกบาดซ้ำอีกที เขาถามเจ้ากองนั้นถึงความเห็นมันเรื่องผิวที่ทำจากไม้ของมันที่ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่าง หน้าต่างนี่ควรอยู่ตรงนี้ไหม หรือจะเป็นหอคอยดี จะเอากระต่ายหรือหนูอยู่หลังต้นไม้ดี ครั้งแรกที่มันเริ่มเคลื่อนไหว เสียงดังแคร็งและเสียงดังระรัวทำให้ฝุ่นกระจายลงมาจากหลังคา เขากอดและจูบไม้และโลหะแห่งความสยองนั้นด้วยความรักใคร่ในแบบที่เขาไม่เคยทำกับหญิงใด
ในที่สุดมันก็พร้อม ใหญ่ซะจนต้องพังกำแพงลง หนักซะจนต้องใช้ชายกำยำล่ำสันซัก 30 คนเพื่อแบกมันออกไป เขาสัมผัสมันด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่ราวกับพ่อจับนิ้วน้อยของทารกตน มันกลายเป็นมากกว่าแค่ของขวัญธรรมดา เป็นเครื่องสังเวยแก่พระเจ้า มันเป็นทุกอย่างที่เขารู้จัก เป็นทั้งคนรัก ลูก และแม่ เขาทุ่มให้มันไปทุกอย่างที่ดวงวิญญาณอันเหี่ยวเฉาของเขามีให้กับผลงานอันแสนสง่าและน่าสะพรึงกลัวนี้
ขบวนแห่นั้นยิ่งใหญ่มากแต่น่าเบื่อ 5 ปีผ่านไปตั้งแต่ชายผอมแห้งหน้าตาดุดันพร้อมไข่ประดับของเขาถูกปฏิเสธ กษัตริย์ซาร์และครอบครัวของเขาเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย บางทีพวกท่านขุนและท่านหญิงอาจจะอ้วนขึ้นเล็กน้อย เหล่าองค์ชายอาจจะหล่อเหลาขึ้นมาบ้างนิดหน่อย และมีสัดส่วนโค้งเว้ามากขึ้นสำหรับเหล่าเจ้าหญิง แต่นอกนั้นแล้วก็แทบจะเหมือนกันหมด แม้แต่ขบวนแห่วันเกิดก็บรรยากาศน่าเบื่อแบบเดียวกัน รถม้าเคลือบสีทองคันเดิมๆ เมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงทางตันที่มีวัตถุขนาดใหญ่และชายผอมแห้งน่ากลัวขวางอยู่ ต้องมีคนเอาศอกดุนเจ้าหญิงเล็กน้อยให้ตื่นจากภวังค์
ฟาเบอร์เช่ผู้บ้าคลั่งยืนอยู่หน้าเนินอะไรสักอย่างที่คลุมอยู่ใต้ผ้าใบเปื้อนฝุ่น เขาไม่ได้ใช้เวลาตลอดหลายปีที่ผ่านมาเอาแต่พักผ่อนสบายใจ แขนขาของเขาซูบเล็กราวกับหุ่นไล่กา กล้ามเนื้อราวกับเชือกเส้นเล็กๆบิดตัวไปมาอยู่ใต้ผิวหนัง หัวของเขาซูบผอมติดกะโหลก สามารถแสดงอารมณ์ได้เพียงเล็กน้อย รอยยิ้มของเขาเกือบทำให้พระราชินีเป็นลม เสื้อผ้าที่เก่าและขาดวิ่นคลุมตัวเขาอยู่ราวกับกระสอบทราย พองและพลิ้วไหวไปมาเมื่อเขาก้มโค้งตัวลง เสียงของเขาบาง กระด้าง และห้าว เมื่อเขาเปิดปากพูด “นายท่าน ข้าขอนำเสนอ ในวันอันแสนวิเศษเช่นนี้ ของขวัญของข้า”
ผ้าใบเปิดออก และผู้คนทั่วทั้งจัตุรัสต่างลืมหายใจ อาณาจักรในเทพนิยายเผยตัวออกมากลางถนน ที่ฐานมีต้นไม้เล็กๆและพุ่มไม้ เต็มไปด้วยภูตและก็อบลินกระโดดโลดเต้นไปมา ลำธารขนาดจิ๋วและทะเลสาบมีนางเงือกส่องแสงระยิบระยับและปลาทิ่ยิ้มแฉ่ง ลึกเข้าไปมีหมู่บ้านคนแคระอยู่ติดกับแนวภูเขาในจินตนาการ พวกมันยืนตัวแข็งอยู่หน้างานและการละเล่น นกร้องเพลงและมังกรทำรังอยู่บนที่สูง และมีเงามืดท่าทางน่ากลัวแอบอยู่ในถ้ำและโพรง
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้เทียบไม่ได้เลยกับตัวปราสาท ยอดตึกของมันสูงเกือบ 20ฟุต มันโดดเด่นราวกับหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง ประตูรั้วบานใหญ่ 2อันเปิดอ้าอยู่ มีอัศวินในชุดเกราะสวมหมวกเหล็กประดับขนสัตว์ยืนเฝ้าอยู่ ที่ระเบียงมีเหล่าสตรีที่สวยราวกับภูต คู่หมั้นของพวกนางนั่งคุกเข่าด้วยความอุทิศตนให้ หรือเป็นโล่ป้องกันพวกนางจากความชั่วร้ายที่ผุดออกมาจากมุมมืดที่สุดในฝันของมนุษย์ งานเลี้ยงและงานเต้นรำหยุดนิ่งอยู่ที่โถงด้านใน และราชาพร้อมใบหน้าที่ส่องประกายถึงพลังอำนาจนั่งเป็นประธานในการพิจารณาคดี คูน้ำเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด และทุกจุดสูงสุดเป็นที่พักของสัตว์ปีกทุกชนิด ไม่มีคำใดจะอธิบายมันได้ ทุกกระเบียดนิ้วส่องประกายระยิบระยับด้วยเพชรพลอยและทองเคลือบ คริสตัลส่องประกายเป็นแสงสีรุ้งไปทั่วทุกพื้นผิว ไข่มุกและทองคำแวววาวราวกับฝัน ผู้สร้างโฉบตัวไปที่ตรอกถนน และพาหมาขี้เรื้อนออกมาตัวหนึ่ง เขาค่อยดันมันให้เดินไปตามทางเดินสีเงินส่องประกายจนถึงประตูรั้วปราสาททางซ้าย เขาปิดมัน จากนั้นก็เดินไปกลางวงเห็ดราสีเงิน ภายในมีรูปปั้นเล็กๆจัดเรียงอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาตัวหนึ่ง และใส่มันลงไปในแท่นหินเล็กๆเหนือวงเห็ดรา จากนั้นเขาก็เสียบกุญแจทองเหลืองขัดเงาลงในช่องใต้แท่นหิน และบิดมัน
ทันใดนั้น อาณาจักรก็มีชีวิตขึ้นมา ทั้งจัตุรัสที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ยืนตะลึง แทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจ ปลาแหวกว่าย นกร้องเพลง อัศวินเดินทัพ และคนแคระขุดดิน ทุกที่มีการเคลื่อนไหว เสียง และแสง ต้นไม้พลิ้วไหว มังกรกกไข่ และจากความลึกในคุกใต้ดินมีเสียงโอดครวญเล็กๆ น่ากลัวดังออกมา ราชากำลังตัดสินคดีความ ก่อนจะลงคำพิพากษา ในขณะที่กษัตริย์ซาร์และครอบครัวของท่านมองดู และตบมือด้วยความรื่นเริง โลกนั้นหยุดลงอีกครั้ง และมนุษย์หุ่นไล่กาก็เปิดประตูรั้วทางซ้ายมือ เพื่อให้เห็นว่ามันว่างเปล่า เขายิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วไปเปิดประตูรั้วทางขวา ปลดปล่อยฝูงหงส์ขาวตัวเล็กๆออกมาทันใด
ทั้งมนุษย์และเครื่องจักรพากันไปที่ปราสาทอย่างรวดเร็ว รูปลักษณ์ที่น่ารังเกียจจนเกือบเหมือนปีศาจของเขาแทบจะถูกลืมสิ้นไปพร้อมกับการเปิดตัวของเล่นใหม่ในทันใด ห้องจัดเลี้ยงถูกเก็บกวาด กำแพงถูกรื้อถอนและสร้างใหม่เพื่อเชยชมผลงานชิ้นเอกนี้ มีการหาวัตถุชิ้นใหม่มาวาง และให้มันเปลี่ยน เกิดความพิศวงเหนือจินตนาการใดๆด้วยวัตถุธรรมดาๆ เส้นด้ายทอประกายแสงจากก้อนหิน ลูกแมวไขลานจากนาฬิกาเก่า และเจลลี่ส่ายไปมาจากเหยือกเซรามิคธรรมดาที่ไม่สามารถเจาะรูหรือฉีกขาดไม่ว่าจะทำรุนแรงแค่ไหน
เจ้าชายองค์น้อยต้องถูกหยุดถึงสองครั้งจากความคิดที่จะเอาแมวของราชวงศ์ตัวหนึ่งไปเข้าเครื่อง สิ่งที่เข้าไปอยู่ในประตูรั้วหนึ่ง และออกมาอีกทาง ไม่สามารถย้อนกลับได้ อย่างไรก็ดี ได้มีการสละนกขมิ้น และได้ตุ๊กตาย่อส่วนสมบูรณ์แบบของนกหางนกยูงออกมา กษัตริย์ซาร์รู้สึกดีใจเกินกว่าจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดใด และได้โผกอดซากของผู้สร้างของเล่นชิ้นนี้ ที่แสนน่าเกลียดและส่งกลิ่นเหม็นราวกับพี่น้อง มีการจัดงานเลี้ยงมื้อค่ำ ห้องจัดตกแต่งไว้พร้อม และในหัวใจดำมืดของเจ้าสารเลวฟาเบอร์เช่เกิดความรู้สึกประหลาดของความยินดีที่แท้จริงจากใจ
มันเป็นช่วงดึกของคืนหนึ่งที่มีร่างเล็กๆสองร่างแอบหลบเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง คนหนึ่งในเสื้อนอนชาย และอีกคนหนึ่งในชุดนอนสตรีสีขาวอ่อนนุ่ม ทั้งสองร่างเยื้อย่างไปท่ามกลางความมืดไปยังปราสาทภูต ร่างในชุดนอนชาย หรือก็คือเจ้าชายองค์น้อย กระซิบ และหยิก กระตุ้นให้เจ้าหญิงไปที่ประตูรั้วของปราสาท เขาได้กระซิบสิ่งชั่วร้ายใส่หูเธอในตอนกลางคืน และขู่จะเปิดเผยความลับที่ไม่ดีสองอย่างให้พ่อแม่ของพวกตนได้รู้ ถ้าเธอไม่ยอมตามเขาไป และทำตามที่เขาสั่ง
เจ้าชายองค์น้อยเองไม่ได้เป็นเด็กนิสัยเลวร้าย มากไปกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปแต่อย่างใด แรงกระตุ้นอย่างเดียวกันที่ทำให้เขาเอากบใส่กล่องของเล่นของน้องสาว เอางูคอยไล่กวดเธอ และเตะเธอเข้าที่คางตอนมื้อเย็น กำลังกระตุ้นให้เขาลองดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เมื่อเธออยู่ในปราสาท เจ้าหญิงวิงวอนเมื่ออยู่ที่ประตูรั้ว ขอร้องพี่ชายของเธอด้วยเสียงกระซิบว่าให้เธอกลับไปนอนที่เตียง เขากระตุ้นเธอแรงขึ้น ยิ้มเยาะไปกับคำขู่ว่าจะบอกพ่อของพวกเขาว่าเสื้อตัวโปรดของท่านพังได้ยังไง เธอหน้าซีด ตัวสั่น และเดินเข้าไปในประตูรั้วเงียบๆ น้ำตาไหลรินท่ามกลางความเงียบสงัดอันเย็นเชียบ
เขาปิดประตูรั้ว หัวใจปีศาจดวงน้อยๆของเขาตื่นเต้นไปความซุกซนนี้ เขากระโดดไปที่วงแหวนเห็ดรา เลือกเอากบพร้อมกับอดกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ เมื่อเขาบิดกุญแจ เขาได้เอาคืนคำนินทาทั้งหลายของน้องสาวเขา ความคิดเห็นอันชาญฉลาด และการชี้นิ้วของเธอทั้งหมด เมื่อปราสาทส่งเสียง เจ้าชายเริ่มตื่นตระหนก ถ้าเกิดมีใครตื่นขึ้นมา เขาต้องถูกลงโทษแน่นอน เขาเริ่มคิดถึงคำโกหก และข้อแก้ตัว เริ่มฝึกฝนการแกล้งกระพริบตาเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น และเรื่องที่ว่าตนเองพึ่งตื่นก่อนที่คนแรกจะมาถึง เขายังคงฝึกอยู่ตอนที่ปราสาทหยุดส่งเสียง และประตูรั้วเปิดออก
เสียงกรีดร้องปลุกกษัตริย์ซาร์ และราชินีให้ตื่นก่อนเป็นกลุ่มแรก แม้ว่าห้องของพวกเขาจะอยู่ห่างจากห้องจัดเลี้ยงมากก็ตาม ในแง่ของการเป็นบิดามารดา พวกเขาดูจะรู้ได้โดยปราศจากคำถามว่าลูกของพวกเขาอยู่ในอันตราย พวกเขาวิ่งผ่านคนรับใช้ และทหารราบที่ยังเซื่องซึม กษัตริย์ซาร์หน้าซีดเซียวราวกับผีในชุดคลุม เขารีบพุ่งเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง พวกข้ารับใช้ตามไปติดๆ ประตูไปกระแทกกับผนังด้วยแรงมหาศาล เจ้าชายองค์น้อยขดตัวอยู่ไม่ไกลจากปราสาท ร้องไห้ และพูดจาไม่รู้เรื่อง ตัวสั่นราวกับเป็นไข้หวัดใหญ่ เมื่อกษัตริย์ซาร์เดินเข้าไปใกล้ลูกชายของตน เขาได้ยินเสียงจากตัวปราสาท เขาหันไปมองดู และลืมลูกชายของเขาไปโดยสิ้นเชิง
นรกได้ผุดขึ้นมาที่ป่าภูต ก้อนที่ผุดเป็นฟอง และบิดตัวไปมาเคลื่อนตัวผ่านต้นไม้ ปลายแหลมของบางสิ่งที่ดูเหมือนฟันขูดลากไปกับพื้นผิวเมื่อมันคลาน ของเหลวไหลย้อยที่ดูเหมือนจะเป็นลูกตาไหลยืดราวกับน้ำหนองไหล ปากที่เหมือนแผลพองบวมขยับด้วยความสยดสยอง อุ้งเท้าที่เปียกโชกและมีของเหลวหยดไหลออกมาทั้งดึงและลากตัวเองไปกับพื้นผิวระยิบระยับ ท่อและลวดโบกสะบัดอยู่บนหลัง มันกรีดร้องไปยังกลุ่มหญิงชายที่มารวมตัวกัน เศษผ้าของชุดนอนสตรียังคงติดตัวเจ้าหญิงอยู่ ติดอยู่ในก้อนเนื้อที่ซ้อนทับกัน มงกุฎน้อยๆจมลงไปในโพรงกลวงที่น่าจะเป็นรูจมูก พวกคนรับใช้ต่างตะลึงงัน ตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครพยายามจะรับตัวองค์ราชินีเมื่อนางเป็นลม ล้มลงไปกองบนพื้นอย่างรุนแรง กษัตริย์ซาร์ค่อยยืนขึ้นอย่างช้าๆ ตกใจเกินกว่าจะกลัว และเข้าไปปลอบประโลมลูกสาวตน
เจ้าหญิงใช้เวลานานนับหลายชั่วโมงกว่าจะสิ้นใจ ห้องของเธอถูกปิดตาย ประตูห้องปิดทับด้วยเทปกาว ร่างนั้นบิดเบี้ยวและผิดรูปเกินกว่าจะฝังได้ เจ้าชายองค์น้อยใจแตกสลาย กลายเป็นร่างที่ไร้สติ เมื่อหลายเดือนผ่านไป ความสามารถในการพูดของเขาก็เสื่อมลง สุดท้ายก็กลายเป็นแค่ผีดิบ ยืนจ้องอยู่ที่หน้าต่างและกำแพงนานหลายชั่วโมง กษัตริย์ซาร์ดีกว่าลูกตนนิดหน่อย เขาเดินไปมาโดยไร้จุดหมาย คอยจ้องมองบัลลังก์ของตนเป็นครั้งคราวราวกับว่าไม่รู้จักมัน แล้วอยู่ดีก็ร้องไห้ออกมา หรือโมโหโกรธาด้วยความบ้าคลั่ง ประชาชนได้รู้น้อยมากจนเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย พวกข้ารับใช้ที่เข้าเวรในคืนนรกแตกวันนั้นต่างถูกขู่ว่าจะประหารชีวิตถ้าได้เผยความจริงออกไปแม้แต่เพียงนิดเดียว
ไม่นับเจ้าหญิง ฟาเบอร์เช่ผู้บ้าคลั่งต้องรับเคราะห์หนักที่สุด เขาถูกลากออกจากเตียงโดยยาม 6คน เอาถุงคลอบหัว และรัวหมัดเหล็กเข้าที่ท้อง เขาถูกทิ้งไว้ที่ห้องใต้ดินอันหนาวเหน็บ ถูกมัดและมีถุงคลอบหัวอยู่ตลอดทั้งวัน เนื้อตัวสกปรกและเหนื่อยล้า เขาถูกยกตัวขึ้นมา เอาถุงคลอบหัวออก เพื่อมาเผชิญกับสายตาอันดุร้าย และบ้าคลั่งของกษัตริย์ซาร์ ฟาเบอร์เช่ผู้บ้าคลั่งแทบจะยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย เมื่อหมัดของกษัตริย์ซาร์ต่อยเข้าไปที่ฟันที่ร้าวอยู่แล้วของฟาเบอร์เช่ และส่งมันฝังลงไปในลิ้นของเขา ที่จริงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เขาซ้อมฟาเบอร์เช่ต่อเนื่องไปมาเกือบ 2 วัน ท้ายที่สุดแล้วเขาสั่งให้ตัดมือของฟาเบอร์เช่ที่นิ้วทั้งหมดหายไปก่อนแล้วออก ตาที่เหลืออยู่ก็คว้านมันออก และขังเขาไว้ในหลุมที่ลึกและมืดมนที่สุดให้มันเน่าตาย
ปราสาทภูตถูกย้ายออก ถึงแม้กษัตริย์ซาร์จะโกรธแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทำลายมันทิ้งได้ เพียงแค่เห็นมัน เขาก็รู้สึกเหมือนถูกคลอบงำ เพียงแค่เอ่ยถึงมันก็พอที่จะทำให้เขาสั่นกลัว และปวดไมเกรน มันถูกย้ายไปอย่างยากลำบากไปที่ใต้ถุนของปีกปราสาทที่ไม่มีใครใช้ และถูกลืม เมื่อเวลาผ่านไป ทองที่เคลือบไว้ก็หลุดออก งานตกแต่งอัญมณีหล่นหาย รูปปั้นถูกขโมย ปีแล้วปีเล่าผ่านไป ผิวเปลือกไม้เปล่าของมันเริ่มผิดรูปและแตกลอกไปตามอายุและฤดูกาล มันถูกย้าย จากนั้นก็ถูกย้ายอีก จนสุดท้ายมาหยุดอยู่ที่บ้านพักร้อนของพวกราชวงศ์ ถูกฝังอยู่ท่ามกลางสมบัติอื่นๆที่ไม่มีใครรู้และไม่มีใครสน
เริ่มมีเรื่องราวเกี่ยวกับป่าและปราสาทกลไก หลานทวดของกษัตริย์ซาร์ที่สวรรคตไปเนิ่นนานแล้วต่างขู่กันและกันด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับมัน ท้าท้ายกันและกันให้ลองเข้าไปในห้องเก็บของมืดและอับ แล้วจับมัน ในที่สุดพ่อบ้านวัยชราใกล้ฝั่งก็ได้บอกถึงบันทึกเรื่องราวที่ตัวอักษรเจือจางไปตามกาลเวลา และคำซุบซิบนินทาแสนสนุกก็กระจายไปทั่วร้านเหล้าและบ้านพักไปอีกหลายวัน อย่างไรก็ดี มีเรื่องน่ากังวลอย่างอื่นเกิดขึ้นแทน และระหว่างการก่อกบฏอันใดอันหนึ่ง พระราชวังฤดูร้อนถูกเผาราบเป็นหน้ากอง เช่นเดียวกับผลงานศิลปะชั้นเลิศมากมาย และผิวไม้ของปราสาทและป่าไม้ที่บิดเบี้ยวผิดรูปร่าง เมื่อเถ้าถ่านเย็นตัวลง ก้อนถ่านกลไกไขลานถูกฝังอยู่ใต้เศษอิฐเศษปูน ไม่มีใครสังเกตเห็นและไม่มีใครรู้
นักวิชาการค้นพบเรื่องเกี่ยวกับมันในหนังสือเล่มหนึ่ง บันทึกประจำวันของคนรับใช้ที่ถูกลืม ถูกทิ้งไว้ให้เน่าในที่เก็บเอกสารของมหาวิทยาลัย ได้มาเหมือนเป็นของแถมจากการขายที่ดิน เขาไม่เคยสงสัยในความน่าเชื่อถือของมัน แม้แต่ตอนที่เขานำเสนองานวิจัยให้คนในคณะหัวเราะเยาะ เขาดึงเอาเงินทุนของตัวเองมาใช้ มองหาทรัพยากรอื่นๆจากหลากหลายระดับความถูกต้องตามกฎหมาย และออกไปตามหามัน หลังจาก 8 สัปดาห์แห่งการสำรวจและขุดค้น นักวิชาการยืนขึ้น เงื่อไหลไคลย้อย และกลิ่นตัวเหม็นอับ อยู่บนซากความโศกเศร้าของกษัตริย์ซาร์ที่ขุดขึ้นมาได้
อีก 2 อาทิตย์ถัดมาใช้ไปกับการวางแผนการขนย้าย ตัวเครื่องจักรนั้นแน่นอนว่าไม่สามารถแยกส่วนได้ และนักวิชาการก็จะไม่เสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายกับมันมากไปกว่านี้ มันถูกห่อไว้ในผ้าและยกขึ้นมาจากหลุม จัดใส่กล่อง และติดฉลากด้วยความรักใคร่ และบินกลับมายังบ้านของนักวิชาการด้วยค่าใช้จ่ายสูงสุด ที่บ้านของเขานั้น ห้องสองห้องถูกรื้อออก และก้อนวัตถุเหล็กขนาดมหึมาถูกยัดเข้าไปแทนที่
นักวิชาการใช้เวลาหลายอาทิตย์คอยสอดส่องและหยั่งเชิงเจ้าก้อนกลไกนี่ แต่ก็ไม่สามารถขยับมันได้ ไม่ช้าการทดลองที่ปลอดภัย และยังไม่สมบูรณ์ก็เปลี่ยนเป็นทฤษฏีที่ใช้อารมณ์มากกว่าความมีเหตุผล เขาทำแม้กระทั่งเอาแผงควบคุมอันใหญ่ที่มีสัญลักษณ์ที่ตรง และเข้าใจง่ายกว่ามาใส่แทนอันเก่าที่พังไปนานแล้ว ชั้นเรียนของเขา และงานค้นคว้าของคนอื่นๆต้องรับเคราะห์ และถูกมองข้าม เขามีแนวโน้มที่จะเลอะเลือน และพ่นทฤษฏีที่ไม่มีความสัมพันธ์กันออกมามากขึ้นเรื่อยๆ และทุกครั้งจะพึมพำออกมาแสมอว่า “เกือบจะเข้าใจมันแล้ว”
คนอื่นๆถอยห่างจากเขาราวกับเขาเป็นโรคระบาด นักวิชาการไม่สนใจความหมางเมินนั้น จดหมายที่ส่งมาช่วงแรกก็มีคำตำหนิ จากนั้นก็จดหมายไล่ออก ทุกครั้ง ทุกๆครั้ง ครั้งต่อไปที่บิดกุญแจจะเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายของปริศนา และจารึกชื่อเขาลงในประวัติศาสตร์…. ทุกครั้งต่อไป แจกันอันต่อไป หมาตัวต่อไป ผ้าชิ้นต่อไป…. ครั้งต่อไปเนี่ยละที่จะได้เห็นรูปแบบ และถ้ายังไม่ใช่ ก็ต้องครั้งต่อไปอีก หรือไม่ก็ครั้งต่อไปอีกแน่นอน
เขาอ่อนแอลงเรื่อย ถูกกลืนจากภายใน เริ่มแรกด้วยความรู้สึกลุ่มหลง จากนั้นก็เป็นคลั่งไคล้ เขาพยายามหาเหตุผลให้กับก้อนโลหะนั้น หวังว่ามันจะตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดที่เขาได้ทุ่มเทไป ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สายตรวจเจอเขาโดยบังเอิญ มีผู้หญิงสามคนหายตัวไปในช่วงเย็นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่สองคนเดินออกตรวจค้นหาด้วยความสนใจหรือความหวังเพียงเล็กน้อย ประตูเปิดออกอย่างเงียบงันเมื่อพวกเขาเคาะ ความเงียบภายในทำให้พวกเขาต้องเข้าไปดู ชักปืนพร้อม พวกนั้นเจอเขาในห้องครัว แขวนคอตายด้วยเชือกเส้นหนา ที่อกเขามีกระดาษโน้ตปักอยู่
ผมได้สัมผัสหัตถ์ของพระเจ้า
และพบว่ามันไม่ต่างจากมือของปีศาจ
นรกอยู่รอบตัวเรา
อภัยให้สิ่งที่ผมได้ทำลงไปด้วย
สายตรวจทั้งสองตรวจค้นรอบบ้านขณะที่รอกำลังเสริม ไม่คาดหวังอะไรมากไปกว่าเรื่อน่าเบื่อหน่าย และความเสียใจที่ชินชาของคนที่ฆ่าตัวตาย ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าสิ่งที่อยู่ในห้องใต้ดินคืออะไร มีเพียงเจ้าหน้าที่คนเดียวที่เดินกลับขึ้นมา และเขาไม่เคยพูดอีกเลยตลอดหลายปีที่เหลืออยู่ ไม่ว่ามันคืออะไร มันได้ทิ้งรอยแผลเป็นใหญ่และแปลกประหลาดไว้บนใบหน้าเขา และทำกระดูกเขาแตกละเอียดราวกับแก้ว ตำรวจคนอื่นๆที่ไปถึงที่เกิดเหตุบอกว่าบ้านนั้นติดไฟอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะไปถึง แน่นอนว่าน่าจะเป็นผลจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือเตาอบที่เปิดทิ้งไว้โดยคนที่ฆ่าตัวตาย เสียงกรีดร้องโอดครวญที่ดูเหมือนจะดังมาจากใต้ถุนบ้านน่าจะเป็นแค่เสียงแก็สรั่ว และเสียงเหล็กบิดงอ
ไม่มีใครรู้ว่าจะทำยังไงกับก้อนถ่านกลไกไขลานที่เจออยู่ใต้เศษอิฐ เมื่อคนของรัฐบาลมาถึง พวกนั้นดีใจที่จะส่งมันไปให้พวกเขา อาจจะเป็นความดีใจนั้นเองที่ทำให้พวกนั้นไม่ได้มองป้ายชื่อนานพอ หรือติดตามคดีต่อจากนั้น เรื่องราวค่อยๆจางหายไป กลายเป็นแค่เหตุไฟไหม้น่าสลดจากความเครียดทางการงาน
สถาบันรู้สึกดีมากเป็นพิเศษ เมื่อได้รู้ว่าพวกตนสามารถเก็บวัตถุชิ้นนี้มาได้ไม่กี่ชั่วโมงก่อน มาแชล คาเตอร์ แอนด์ดาร์ค จำกัด
ตอนนี้พวกเขาก็นั่งลง คอยทดสอบและหยั่งเชิงด้วยความระมัดระวัง สนุกสนานไปกับความบ้าคลั่งอันแสนอัศจรรย์นี้ ยิ่งพวกเขาได้เรียนรู้มากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใจมันได้น้อยลงเท่านั้น พวกนั้นค่อยหลงไปความสับสนและความโกรธ ความบ้าคลั่งกระจายสู่ทุกคนอย่างทั่วถึง…. แต่พวกนั้นก็ยังหลงเข้าไป พวกนั้นทั้งผลักและกระตุ้น พยายามหาเหตุผลให้กับความบ้าคลั่ง
พยายามที่จะหยั่งรู้ความลับของจักรวาลจากของเล่นเด็ก