Chapter 2:ทักทายเพื่อนร่วมงาน

ผมขับยานวินชี่ผ่านทางน้ำที่ผมเเอบทำไว้ไปด้วยความเร็วสูงจนน้ำที่อยู่ทางท่อกระเซ็นออกมา ผมคุมสติขับยานอย่างระวังท่ามกลางความเร็วสูง ตอนนี้หน้าปัดกระเด็นไปที่ 140 และจะเพิ่มเรื่อยๆ แล้ว…..

"ประตูลับเปิดออก"ผมออกคำสั่งเสียง

ทันใดนั้น ประตูที่เปิดออกมาได้เชื่อมตัวยานลงไปใต้น้ำ ผมพยายามขับไม่ให้ยานกระเเทกอะไร และแล้ว ยานก็ได้ออกมาสู่ผิวน้ำ บินผ่านตัวเมืองท่ามกลางตอนดึกสงัด ประมาณสี่ทุ่ม แต่น่าแปลกที่เมืองนั้นเงียบไปหมด

"ทุกอย่างปกติ"โจพูด"เเรงดันอยู่ในระดับปกติ

"ตอนนี้ข้างนอกยานมีอุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส  กำลังปรับให้เหมาะสม"เสียง AI ดังขึ้น

"จิมมี่ ควบคุมการขับอัตโนมัติ เปิดระบบพลางตัว ไปที่ไซต์-29 พร้อมแจ้งสถานะระยะทาง ทุกอย่าง"เซดิสสั่งพลางขัดดาบที่มีในตัว

 ผมเริ่มปลดเข็มขัดนิรภัยออกและเดินไปหาคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังยาน พวกเค้ามีสีหน้าที่คาดหวังจากตัวผมสูงมาก ยกเว้นเซดิส

"นายน่ะ ได้ข่าวว่าเคยสวมชุดนี่แล้วคนข้างในหัวเราะเอาหรอห๊ะ?!?"โจพูดพลางมองเสื้อ"อย่างว่าล่ะ พวกเค้าก็คิดนะ นายนอกกรอบ แต่เค้าก็มองดูตลกนั่นหล่ะสลาฟ"

"นั่นสิ ผมไม่เคยนึกเลย ว่าจะได้กลับมาอีกครั้ง"ผมพูด"เคยคิดจะลืม แต่ลืมไม่ลง"

"ดีแล้ว"เซดิสพูด"นายท่าน ยังคงมีสมองในการวิเคราะห์สิ่งที่ถูกผิดชอบชั่วดี"

"เฮ้อออ!!"มอรฟ์บ่นพลางขัดปืนพ่นไฟด้วยผ้าจับฝุ่น 3M"เคยนะ ผมพยายามทำตัวเป็นฮีโร่น่ะ แต่ก็ปกป้องใครไม่ได้ โดนแม่งเล่นงานตลอด"

"อะไรล่ะ"ผมถาม

"ตัวสังคมไงล่ะ"เค้าพูด"เหมือนคุณ ตอนสู้กับพวกศาสนจักรน่ะ คุณเจอผู้หญิงท้อง เธอถูกยิง คุณว่าคนทำ แต่คุณไม่ห้าม เพราะอะไรน่ะหรอ? ดีแต่ประณามกระกระทำคนอื่นไง ถ้าไม่ใช่เรื่องของตัว คุณก็ไม่สน ความเห็นแก่ตัวในสถาบันน่ะ มันมีอยู่แล้ว มีแต่คุณ ที่ปิดไว้ไม่อยู่เอง"

 ผมเงียบไปชั่วขณะ ใช่ ผมจำได้ เพื่อนผม เค้ายิงผญ.ท้อง แต่ผมไม่ห้าม พูดแทงใจดำชิบหายเลย

"ประกาศ! ยานจะถึงไซต์-29 ในอีก 10 นาที ขอให้เตรียมให้พร้อม"เสียงจิมมี่ประกาศ

"เอ้อ…."ผมพูด"จะว่าไป ถ้าเรื่องนี้จบ ผมควรกลับไปไหม?"

"เลิกถามเถอะ"เซดิสพูดขัด"มันขึ้นอยู่กับนายท่าน ถ้ามีสมองสำนึกได้ ก็กลับไปซะ!"

(เงิบแดก=_=)


ตอนนี้ผมฟังประกาศจากจิมมี่ว่ายานไกล้ถึงจุดหมายแล้ว ต้องเปิดระบบพลางตัว ผมไม่รีรอช้าบอกให้คนอื่นคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เหมือนผมในตอนนี้ที่นั่งหน้า ผมเริ่มเห็นไซต์ชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้ว มีควันไฟพวยพุ่งออกมาจากไซต์ทั่วทุกจุด ควันไฟทำให้การมองเห็นแย่ลง แต่เดชะบุญเจ้าวินชี่เปิดระบบตรวจจับคลื่นสัญญาณมนุษย์ขึ้นเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต

และแล้วผมก็เห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อยานถึงที่หมาย

เหล่าทหารคุ้มกันไซต์-28 กำลังหนีตายจากหุ่นนรกกันจ้าละหวั่น โดยมีทั้งดร.อาทิตย์ และดร.นพดลกำลังวิ่งหนีตายแข่งกันอย่างไม่คิดชีวิตพร้อมกับคนอื่น

"ทุกคน!!!!!"ผมตะโกน

"ครับ!!!"ทุกเสียงพูดพร้อมกัน

"เราอยู่!! เราตาย!! เราจักเพื่อชีพ!!"ผมพูดพร้อมกดปุ่มบางปุ่มบนห้อง"ลงได้!!!!"

"จิมมี่ จัดการพวกหุ่นเวรนี่ที ยิงให้หมด เอากระสุน มิสไซล์ ยัดห่าเข้าไป!!"ผมบอกพร้อมสั่งเป็นระบบอัตโนมัติ

"OK!"จิมมี่พูด

ผมกระโดดลงจากยานพร้อมกับคนอื่น มีทหารฝั่งศาสนจักรสิบกว่าคนเจอพวกเรา

"ฮึ!"โจกับการ์เซียสบท"พวกนาย! แยกย้ายไป เราลุยเอง!!!"

ทันทีที่สิ้นเสียง ทหารสิบกว่าคนกรูเข้ามาใส่พวกเรา โจกับกัซ(การ์เซีย) เปิดฉากซัดกับพวกมันด้วยศิลปะการต่อสู้แบบยูโดสายดำแบบไม่ออมมือกลางลานกว้าง จนทหารฝั่งสถาบันเห็นคนมาช่วยได้เข้าไปเสริมเพื่อตัดกำลังการโจมตีอันบ้าคลั่งของพวกมัน
ในขณะที่อีกด้านยานรบพวกเราก็กำลังยิงพวก AST โดยมีโดรนนับสิบคอยยิงสนับสนุนจนพังระเบิดเละตุ้มเป๊ะไปนับสิบตัวท่ามกลางเสียงกระสุนปืนกลและระเบิดทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้มีการระเบิดไปทั่วเเบบ Non-Stop จริงๆ


ผม มอรฟ์ และเซดิส v.2 รีบเข้ามาภายในตึกหอประชุมทางฝั่งตะวันตกของไซต์-29 ผมและคนอื่นๆ ไม่เห็นใครเลยในโถงทางเดินแม้แต่คนเดียว สภาพทั่วทางถูกรื้อค้น มีคราบเลือดและกระสุนปืนเต็มไปหมด เซดิสก็ตรวจจับสัญญาณไม่ได้เช่นกัน ผมไม่รีรอช้าเปิดอุปกรณ์ดักจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตแบบระดับสูงขึ้นเพื่อใช้งาน

"มีคนประมาณ 7 คนอยู่ที่ห้อง A21 ประปรายในห้อง ดูท่าแล้วน่าจะมาซ่อน!"ผมพูดพร้อมจูนสัญญาณ"อ้อ…..มีคนติดอยู่ในห้องทำงาน ดร.รันด้วย??? ทำไมล่ะ ทำไมบางคนถูกต้อนมาที่นี่ล่ะ???"

"ผมมีคำตอบ"เซดิสบอก"พวกเค้าถูกจับมาเป็นตัวประกันเพื่อบอกที่ซ่อนของ SCP-918 เพราะพวกเค้าเหล่านั้นคงคิดว่าเป็นชิ้นส่วนของพระเจ้าตามที่คาดการณ์ไว้"

"ฟังทางนี้""ผมเรียกที่เหลือรวมกองประชุมเล็กๆ แบบเร่งด่วน"เซดิส ไปช่วยคนที่ห้อง A22 ชั้นกับมอรฟ์ไปห้อง A21 เอง"

"รับทราบ!"เซดิสรับคำสั่งก่อนจะวิ่งไปที่ไซต์"การจัดการพวกมันน่าจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที 21 วินาที"

"ไปกันเลย"มอร์ฟพูดพลางเอาปืน M79 ออกมา


พวกผมได้เดินมาถึงห้องที่ว่า ผมเจอพวกทหารฝั่ง SCP นอนหมอบเต็มไปหมด โดยมีพวกทหารศาสนจักรคอยยืนคุ้มกันห้องสิบกว่าคน ผมเริ่มเครียดหนักขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคนในนั้นตายล่ะ?? จะเป็นยังไง??

"สลาฟ!"มอร์ฟกระซิบ"เปิดทีซิ!"

"เออ"ผมลุกขึ้นจากที่ซ่อน

"เฮ้ย!!"ทหารพวกมันพูด"ใครวะ????"

"ถามแม่แกดูดิ!!"ผมพูดท้าทายพร้อมเอาปืนเลเซอร์ขนาดเท่าฝ่ามือออกมา

"ปากดีนักนะมึง!!"พวกมันพูด"อีกไม่นานเดี๋ยวมึงก็น็อคกระเเทกพื้นแล้ว ฮ่าๆๆๆ!!!"

 ทันทีที่มันพูดจบ ทหารนับสิบกว่าคนวิ่งเข้ามารุมผม แน่นอน ผมไม่สู้ระยะประชิดแน่ ทำไมน่ะหรอ? มีปืนเลเซอร์กลัวอะไร?

พวกมันเริ่มเปิดฉากวิ่งกรูเข้ามาก่อน พวกมันมาพร้อมกับปืนกลที่มากพอจะถล่มทั้งกองทัพได้ ผมจัดการโต้กลับโดยการวิ่งเข้าไปต่อยที่หน้าคนนึงจนล้มลง หน้ามันเลือดไหลเต็มเลยน่ะนะ ทันทีที่คนแรกล้มลง ทหารอีกก๊กนึงก็วิ่งเข้ามาสมทบเรื่อยๆ ทางมอรฟ์วิ่งเข้าไปกลางวงเพื่อเปิดฉากใช้ศิลปะการต่อสู้แบบคาราเต้โดสวนจนพวกมันประมาณห้าหกคนล้มพับลงไปกับพื้น ผมเอาปืนเลเซอร์ตัดคอมัน! ไม่ผิดหรอก ตัดคอ ผมรีบเอาหัวเพื่อนมันปาใส่หน้าทันทีแบบเดลิเวอรี่ไม่รวมค่าจัดส่ง

"อ๊ากกกก!!!"ทหารมันล้มลงด้วยความเจ็บปวด"มึงจะไม่ตาย…."

"ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!"

เสียงปืนจากคนที่คุ้นเคย!?!

ใครกัน???

"หวัดดีสลาฟ!"

ผมหันไปมองทางต้นเสียง เค้าคือ…..ดร.แสลงค์กับเฟมัสเดินมาพร้อมปืนกลสภาพของเละเทะไปหมดทั้งตัวคนถือและปืน

"ก็ยังดี!"เฟมัสพูดประชด"ยังสำนึกได้เนอะซิลเวสเตอร์! ว่ามะ?"

"นั่นล่ะ"เเสลงค์พูด"นึกยังไงถึงกลับมา นึกว่าจะปล่อยให้พวกชั้นตายห่าซะแล้ว"

"….."ผมกับมอร์ซอฟเงียบกริบ

"ขอบคุณนะ"เฟมัสพูด"ที่ช่วยเราเอาไว้ ถ้าไอ้หุ่นกระป๋องนั่นมาช้าอีกนิด หัวเราเละแล้ว ตามจริงนายไม่ต้องมาก็ได้นิ เคยบอกนิว่าไม่อยากคิดถึงที่นี่อีก"

"จ่ะ"ผมจ๋อยสนิท"คนอื่นๆ ล่ะ?"

"ตามมา"เเสลงค์พูด

ผมกับอีกสามคนกับหุ่นหนึ่งตัววิ่งตามผมที่วิ่งนำหน้ามาอย่างกระชั้นชิด อย่างน้อย เฟมัสและแสลงค์รอดตายอีกสอง เหลืออีกหกคนเท่านั้น พวกเราใช้เวลาไม่นานเดินมาถึงห้องที่เคยมีทหารเวรนั่นเฝ้าไว้ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว คงจะหายไปตอนที่เราจัดการพวกมันแบบยกเซต ผมไม่รีรอช้ารีบเปิดประตูเข้าไปทันที

"ช…ช่วย….ด…ด้วย!"

"อเล็กซ์!!!"ผมรีบวิ่งเข้าไปหาเค้าที่นอนจมกอง(ตีน)เลือดแทบทันที

"นายมาด้วยหรอ? ฮึ! ชั้นเกลียด…ก…แก!"เค้าว่าผมทันที

"เออน่า"ผมพยุงตัวเขาไว้"หรือจะให้ทิ้งไว้นี่ เลือกเอา"

พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มาก ผมพาคนเจ็บบางคนออกไปที่นอกสถาบันโดยมีแพทย์ทหารคอยรอรับคนเจ็บอยู่ ผมรู้ว่าผมต้องสะสางความผิดที่เคยทำทั้งหมด ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวอาคารโดยยังคงค้นหาที่เหลืออีกห้าคนเท่านั้น

"แสลงค์!"ผมวิ่งเข้าไปถาม"สองปีที่ผมไปเกิดอะไรขึ้น?!?"

เค้าดูท่าร่อนใจเหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับผม แต่ดูเหมือนว่าเค้าสวนกลับมาแบบรีบร้อนแกมปิดบัง

"เอาไว้ทีหลัง"เค้าพูด

ผมยังคาใจบางเรื่อง ต้องมีอะไรแน่

ผมวางแผนเวลาที่เหลือโดยแบ่งทีมเป็นสามทีม ผม เซดิสและเอเย่นต์อารม์(ที่รอดมาแล้วมาจ๊ะเอ๋กันพอดี) ไปที่โรงเก็บเครื่องบินที่คาดว่าวอร์เรนต์กับเสมียนน่าจะซ่อนอยู่ที่นั่น อีกสองทีมผมให้พวกเค้าคอยรายงานสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นและออกตามหาคนที่เหลือ


ทีมผมสามคนรีบมุ่งหน้าไปที่จุดเกิดเหตุที่คาดว่าทั้งสองคนอาจจะซ่อนอยู่ ไม่รู้สิ ทำไมผมถึงฆ่าคนตายได้ล่ะ เอาสมองส่วนไหนคิดวะเนี่ย!!

ทีมผมวิ่งมาถึงห้องตรวจกล้องวงจรปิด ผมรีบรีบูทคอมพิวเตอร์ใหม่เพื่อตรวจดูกล้องวงจรปิดว่าจับอะไรได้บ้าง

"อะไรกัน!"ผมอุทานพร้อมกับเอเย่นต์อารม์

ภาพที่จับได้คือผมเห็นเอเย่นต์วอร์เรนต์พยายามหนีตายจากการโจมตีของพวกศาสนจักร ภาพถัดมาคือเสมียน ที่วิ่งเข้ามาในโรงเก็บเครื่องบินของวอร์เรนต์หลังจากถูกยิงอย่างหนักที่ขาก่อนจะเข้าไปซ่อนที่โรงเครื่องบิน สภาพในโรงเก็บเละเทะไปหมด ใครกัน! อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ผมต้องตามตัวมันมาให้ได้

"สลาฟ!!"อารม์พูดขึ้นมาพร้อมทำท่าจะต่อยหน้า"นายหายไปไหนมาสองปีเต็มๆ หดหัวหรอ!! มึงรู้ไหมคนอื่นเค้ารอมึงนะ!"

"ออกไปจากหัวหน้างานผม กรุณาถอยห่างภายในระยะเวลาสิบวินาทีก่อนท่านจะถูกฆาตกรรม"เซดิสเข้ามาขวางพร้อมเอาปืนออกมา

"เออ!"อารม์หัวเสีย"ให้มันได้อย่างนี้สิ!"

"ผมผิดเอง"ผมพูด"ผมไม่น่าโกรธพวกคุณตั้งแต่แรก ไม่งั้นเรื่องมันไม่เป็นแบบนี้"

"พูดแล้วได้ห่าไร! มึงคิดจะปรับปรุงบ้างไหม…."เขาตวาด

"ถอย….ออก….มา……"เซดิสชักปืนจ่อหัวเอเย่นต์อารม์"เตือนครั้งสุดท้าย!"


Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License