ย้อนดูสิ่งที่เราทำสำเร็จ


แทบไม่มีคำพูดจากริมฝีปากของทิลด้าเลยก่อนที่ร่างทั้งสองจะหายวับไปจากห้องสอบสวน ทิลลี่หลับตาลงตอนที่แสงอันอบอุ่นโอบล้อมตัวเธอ


เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง พวกเธอยืนอยู่ข้างเนินเขาเขียวขจีในหุบเขาลึก ในขณะที่แสงสีส้มของยามพลบค่ำสาดลงมา สาวงูที่อยู่ข้างๆเธอก็ยังคงสูบบุหรี่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"พวกเราอยู่ที่ไหน?"

"ก็นั่นสินะ"

เธอเงยหน้าขึ้น เห็นเมืองอยู่ไกลออกไป แต่มันไม่มีเมืองไหนในโลกที่มีลักษณะแบบนี้ มันส่องสีขาวระยิบระยับเมื่อแสงยามโพล้เพล้สะท้อนจากกระจกบานใหญ่ ตึกระฟ้าเป็นเกลียวทำหน้าที่เป็นระแนงสำหรับไม้เลื้อยที่มีเถาวัลย์คดเคี้ยวยาวหลายเมตร เหนือศีรษะก็มีเครื่องจักรสีขาวที่มีรูปร่างเหมือนหยดน้ำตาขนาดยักษ์บินผ่านท้องฟ้าไป

"เราไม่ได้อยู่บนโลกสินะ"

"อืมม… ทางเทคนิคแล้วก็ไม่ถูกนะ มันคือโลกนั่นล่ะ แต่คนละความเป็นจริงกับที่เธอจากมา โลกที่ดีกว่า คงต้องพูดแบบนั้นล่ะมั้ง"

"แล้วมันต่างยังไงล่ะ?"

"ไม่มีการกักกัน ความผิดปกติเป็นที่รู้จักของสาธารณชน เวทมนตร์ของพวกเขาถูก… บูรณาการเข้ากับสังคม โรคภัยและความเจ็บปวดส่วนใหญ่ก็เป็นแค่เรื่องของอดีต"

"นั่นมันเป็นไปไม่-"

"เธอก็รู้นี่ว่ามันไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้"

ทิลลี่มองดูเมือง มันเปล่งประกายระยิบระยับในยามพลบค่ำ มันไกลเกินกว่าจะมองเห็นผู้คน แต่ก็มีบรรยากาศของความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน เมืองนี้ไม่ได้แค่มีชีวิตชีวาแต่มันเต็มไปด้วยความสุข

"เหมือนพวกเขาจะเชื่อว่ามันเป็นไปได้เลย"

เธอละสายตาจากสิ่งก่อสร้างแล้วก็เจอร่างสองร่างกำลังขึ้นเนิน เป็นชายในชุดแล็บเหมือนกับเธอและแมวแท็บบี้ตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ทิลลี่เริ่มเดินขึ้นเนิน

"ฟ่อ หยุดเลยนะ"

เธอมองไปข้างหลัง 6000-A มองมาที่เธอในขณะที่ยังคงส่งเสียงขู่ฟ่อ
"นี่ไม่ใช่ ฟ่อ เรื่องราวของเธอ ที่นี่เธอก็เป็นแค่ ฟ่อ ผู้สังเกตการณ์ เหมือนกัน ฟ่อ ฉันในเรื่องราวของเธอ"

"งั้นเราก็อยู่ในเรื่องราวอยู่งั้นเหรอ?"

"ทุกคนก็อยู่ในเรื่องราวทั้งนั้นล่ะ ฟ่อ ทิลด้า แค่เรื่องนี้มันมีตอนจบที่ดีกว่า สหายรวมกลุ่มกันและโลกมีอิสระที่จะ ฟ่อ แสวงหาชะตากรรมของตัวเอง ถือว่าไม่เลวเลย ฟ่อ เมื่อคิดจากทุกอย่างแล้ว"

เธอมองขึ้นไปที่ทั้งคู่ พวกเขาหัวเราะในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันด้วยเสียงที่พวกเธอไม่ได้ยิน จากนั้นครู่หนึ่ง ชายคนนั้นก็หน้าซีดและจ้องไปที่เพื่อนแมวของเขาก่อนที่ทั้งคู่จะรู้สึกผ่อนคลายและทรุดตัวลงพื้นแล้วหัวเราะคิกคักออกมา ขวดเปล่าข้างๆพวกเขาช่วยเล่าเรื่องราวของพวกเขาให้รู้เล็กน้อย

"ถ้าอย่างนั้นทำไมล่ะ? ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ ถ้าเราจะพูดอะไรกันพวกเขาไม่ได้เลยน่ะ?"

"งั้น เราจะไปที่อื่นก็ได้นะ"


เกาะแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่ไม่ต้อนรับผู้คน ทุกสิ่งถูกสีเทาเข้าครอบงำ ท้องฟ้าครึ้มเป็นสีเทา ทะเลเป็นคลื่นสีเทาที่โหมกระหน่ำกระทบชายฝั่งหินสีเทา หญ้ากลายเป็นขี้เถ้าใต้รองเท้าบูทของทิลลี่

ในระยะไกล มีสิ่งผิดปกติยื่นออกมาเหนือขอบฟ้า มันคือหอคอยอะไรบางอย่าง - เรียบ ไร้จุดเด่น และไม่ต้อนรับทุกสิ่ง เกิดเป็นความแตกต่างอย่างชัดเจนกับหมู่เมฆที่มืดทึบ
"นั่นมันอะไรน่ะ?"

"ไม่มีใครรู้ ฟ่อ เกาะนี้ไม่สามารถเข้าถึงได้นอกจากเธอจะตามหามัน และสถาบันก็…ลำบากมากในการตรวจสอบมัน"

ทิลลี่พูดออกมา "สถาบัน? ฉันไม่เห็นจะจำได้เลยว่ามีอะไรแบบนี้มาหาฉันน่ะ"

"ก็เพราะว่ามันไม่เคยยังไงล่ะ ขอพูดซ้ำอีกรอบ นี่คือคนละเรื่องราว เรื่องราวนี้อาจจะไม่มีทิลด้า มูส หรือไม่งั้นเธอก็อาจจะยังคงเป็นสมาชิกของหัตถ์อสรพิษอยู่ก็ได้"

มูสไม่พูดตอบ ฝนเริ่มตกอย่างช้าๆและเบา จากนั้นก็กระหน่ำลงมา

"ยังไงก็ช่างเถอะ เรื่องนี้กับเธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวกัน ฟ่อ ฟ่อ ติดใจเหรอ?"

"ไม่ล่ะ ทำไมต้องติดใจด้วย?"

มันเงียบ ขณะที่เธอกำลังเดินเร็ว ก็ลื่นไถลไปตามใบหญ้าที่เปราะบาง
มีผู้ชายสองคนยืนอยู่ข้างหน้ามัน แต่งกายตามแบบฉบับของนักวิจัยของสถาบัน มีช่องว่างเปิดอยู่ที่ด้านข้างของอาคาร และหนึ่งในนั้นก็หายเข้าไปข้างใน ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง


ทั้งคู่ยืนอยู่ที่มุมของหอประชุมอันมืดมิด ที่ตรงกลางมี 13 คนนั่งล้อมรอบโต๊ะกลม มีแสงส่องสว่างจากด้านบน

"อะไรน่ะ- อย่าบอกนะว่า นั่นมัน-?"

"ใช่ สภาไงล่ะ แต่ไม่ใช่สภาของเธอ หรือแม้แต่สภาที่เธออยู่"

"อะไรนะ?"

"อ๊ะ จริงสิ ในบางเรื่องเธอจะได้อยู่ในสภา O5 เหลือเชื่อใช่ไหมล่ะ?"

".. ก็ไม่เชิงหรอกนะ เอาจริงๆ นี่เป็นเรื่องไร้สาระของภูติแห่งคริสต์มาสในอนาคตเหรอ? จะแสดงให้ฉันเห็นว่าอนาคตจะกลายเป็นยังไงเหรอ?"

ดูเหมือนสภาจะลงคะแนนอะไรบางอย่าง ทิลลี่จับคำพูดได้ไม่กี่คำ - ชะตากรรมของนักโทษ คนที่ถูกเรียกว่า O5-0 มีคนหลายคนตะคอกใส่คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ว่า แล้วมันก็กลายเป็นภาพเบลอ

"ก็ไม่นะ-"


"- เรื่องพวกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นสักหน่อย เรื่องราวเหล่านี้มันเกิดขึ้นขนานไปกับเรื่องของพวกเรา ทีนี้เข้าใจหรือยัง"

ตอนนี้พวกเธออยู่ในชนบทที่ราบเรียบ ทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยหิน ในระยะไกล มีกระท่อมมุงจากแบบเรียบง่ายตั้งอยู่ท่ามกลางฟาร์มธรรมดาๆ และมีผู้คนที่สวมเสื้อผ้าแบบธรรมดากำลังขนผลผลิตและอุปกรณ์อยู่

"ที่นี่ดูไม่เลวเลย"

"ที่นี่คือแดวาสตัน ประเทศที่เกิดจากการกักกันล้มเหลวของ SCP-140"

"ดูท่าจะสงบสุขสำหรับพวกแดวิตนะ"

"มุมมองของเธอต่อแดวามันออกจะ… เข้าใจผิดนะ หรือไม่ก็ไม่ใช่ของเธอ - แต่เป็นของสถาบัน"

สายลมพัดผ่านพวกเธอ เสื้อแล็บของทิลลี่สั่นไหวเป็นลูกคลื่น เธอได้ยินเสียงเพลงดังมากับสายลมจากที่ไกลๆ - เป็นวงออร์เคสตราเครื่องสาย เล่นบางอย่างที่ดูคุ้นเคย มันทำให้เธอรู้สึกเศร้าขึ้นมา

"สำหรับเรื่องราวแล้ว มันดูสมจริงจังเลยนะ"


"ตอนนี้เธอคงเข้าใจความรู้สึกฉันแล้วสินะ ฉันเป็นแค่คนนอกสำหรับเรื่องของเธอ ก็เหมือนกับเธอในตอนนี้นั่นล่ะ"

พวกเธอล่องลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

"นี่คืออะไร สามศูนย์ศูนย์หนึ่งเหรอ?"

"ไม่ได้น่าเศร้าขนาดนั้นหรอก"

พวกเธอกำลังร่วงหล่น ในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่าจริงๆแล้วไม่ได้กำลังลอยอยู่ จากนั้นพวกเธอก็หยุดลงตรงหน้าทรงกลมสีแดงขนาดยักษ์ มันถูกปกคลุมด้วยของเหลวบางอย่าง - หยดไปยังด้านข้าง หยดไปเรื่อยๆ มันเรืองแสงด้วยแสงสีแดงที่น่าขนลุกแบบเดียวกัน ทอดเงาใส่หญิงสาวในชุด MTF ที่อยู่ตรงหน้ามัน

"เธอไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้คนเหล่านี้ได้ แต่มันก็มีอะไรให้ก้าวต่อไปเสมอ ไม่ใช่เหรอไงล่ะ?"

"… ก็จริง"


พวกเธออยู่อย่างนั้นไปซักพักจากนั้นก็กระโดดจากเรื่องหนึ่งไปยังอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ำใต้ดินที่มีปีศาจห้อยอยู่บนต้นไม้ ต้นไม้อีกต้นหนึ่ง - คราวนี้เป็นสนยักษ์ในป่าเรดวูดของแคลิฟอร์เนีย ป่าโปร่งในคาสคาเดียขณะที่ฝนกำลังเทลงมา จนทำให้พื้นดินกลายเป็นโคลน คาร์เนกี้ฮอลล์ที่การตกแต่งภายในของมันถูกจัดเป็นฉากสำหรับการเดินเรืออันแสนยิ่งใหญ่ เสาสีม่วงในอเมซอน และหน้าต่างในห้องของไซต์-17 ไปอีกนับไม่ถ้วน และอีกนับไม่ถ้วน แต่ทั้งหมดก็ล้วนควรค่าแก่การจดจำ

"ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วใช่ไหม?"

"ก็นะ เข้าใจแหล่ะ"

"งั้นก็ไปกันเถอะ"

6000-A ทิ้งก้นบุหรี่ลงกับพื้น ทิลด้าบี้มันด้วยรองเท้าบูท แล้วพวกเธอก็จากไป

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License