12 เรื่องเล่าเกี่ยวกับเดอะแฟคทอรี

สวัสดียามเย็นและขอต้อนรับนักอ่านทุกท่าน ผมมั่นใจว่าทุกท่านต้องเคยอ่านผลงานชิ้นยอดเยี่ยมที่รู้จักกันในนาม “SCP-001 เป็นเรื่องเล่าของ O5” ถ้ายังไม่เคย ผมจะให้เวลาคุณได้กลับไปอ่านมันสักครู่หนึ่ง ผมจะรออยู่ตรงนี้ ฮัมเพลงรอจนกว่าคุณจะอ่านเสร็จ

พร้อมแล้วใช่ไหม? ดี คุณต้องเข้าใจนะว่าเรื่องนั้นมันมาจากมุมมองของ O5 เพียงแค่คนเดียว แม้เขาจะเป็นหมายเลข 1 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาถูกเสมอไป ฉันจึงถือโอกาสไปถาม O5 คนอื่นๆเกี่ยวกับ เดอะแฟคทอรี และนี่คือสิ่งที่พวกเขาเล่า

O5-2 เล่าว่า:

เดอะแฟคทอรีงั้นเรอะ มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันพามันกลับมากับฉัน เพราะคิดว่ามันคงมีประโยชน์ ช่วยสร้างอนาคตที่ดีขึ้น แต่กลับกันทุกอย่างผิดพลาดไปหมด คืองี้ฉันมาจากอนาคต แต่ก็นะทางเทคนิคแล้วมันคือตอนนี้ แต่ก่อนหน้านี้มันคืออนาคต ฉันเป็นแค่นักวิจัยคนหนึ่งเหมือนกับคนอื่นๆ มันมี… อุบัติเหตุ ฉันหลุดออกมาจากกระแสเวลา และสามารถเลือกได้ว่าจะไปยุคไหน

มันเป็นการเดินทางอันแสนวิเศษอยู่พักหนึ่ง ฉันกับคนอื่นๆเดินทางเที่ยวชมจากยุคหนึ่งไปอีกยุคหนึ่ง ฉันได้เห็นการล่มสลายของกรุงทรอย จุดกำเนิดกรุงโรม เห็นความจริงของพระเยซู ทุกอย่างที่อยากไปเที่ยวชมกันตามปกติ หลังจากนั้นมันก็เริ่มน่าเบื่อ ฉันจึงตัดสินใจว่าจะใช้พลังนี้เพื่อสิ่งที่ดี ฉันจึงไปยังอนาคตที่ไกลแสนไกล ไปยืมเทคโนโลยีบางอย่าง และนำมันกลับมายังจุดเริ่มต้นขององค์กร เพื่อให้ฉันได้เป็นส่วนหนึ่งต้องแต่เริ่มต้น

ฉันจะไปรู้ได้ไงว่ามันมีปัญญาประดิษฐ์นิสัยเสียซ่อนอยู่ในโมเลกุลของระบบ แต่ฉันว่ามันคงไม่สำคัญแล้วละ มันหลุดออกจากการควบคุม หลบหนีออกไปสู่โลกภายนอก ฉันไม่แน่ใจว่าเป้าหมายมันคืออะไร แต่พิจารณาจากสิ่งที่มันสร้าง ฉันเดาว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดี

ฉันยังมีของบางอย่างเหลืออยู่จากการเดินทางครั้งก่อน บางครั้งฉันก็คิดว่าน่าจะกลับไปหยุดตัวเองไม่ให้เอาเครื่องนั้นมาใช้ ถึงแม้ว่ามันจะสร้างประโยชน์ให้กับเรามากพอๆกับปัญหาก็ตาม คิดว่าเราได้ยาลบความจำมากจากไหนกันละ

O5-3 ได้บันทึกเสียงไว้ว่า:

ว่าไงพวก อยากให้ฉันช่วยอะไร เดอะแฟคทอรี โวว แน่ใจนะว่า มันไม่เป็นการเปิดเผยเรื่องมากเกินไป ตามใจละกัน

ฉันคงเป็นคนที่ดีที่สุดที่จะช่วยอธิบายเรื่องนี้ได้ ฉันอยู่ที่นั่นตอนที่ เดอะแฟคทอรี ถือกำเนิด นายอาจจะเรียกฉันว่าเป็น 1 ใน 3 นักปราชญ์ที่เฝ้าดูการถือกำเนิดของมันก็ได้ อีก 2 คนเป็นใครเหรอ เอาเป็นว่าพวกนั้นไม่ใช่คนสำคัญอะไรก็แล้วกัน คำว่า เดอะแฟคทอรี คือชื่อที่เราตั้งให้กับปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างตัวเองขึ้นมาเป็นตัวแรก สมัยนี้มันคงเรียกว่าความเป็นเอกเทศ แต่สมัยนั้นเรายังไม่มีชื่อเรียกมัน เราจึงเรียกมันว่า “เดอะแฟคทอรี” เพราะจากข้างในมันดูเหมือนอย่างนั้น นายคงยังไม่เคยเข้าไปในคอมพิวเตอร์มาก่อนใช่ไหม ข้างในนั้นนะมีแต่แสงกับเสียงโทนต่ำ ฉันอยู่ตรงนั้นกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง แสกนจิตใจเข้าไปเหมือนกัน กับปัญญาประดิษฐ์กลุ่มหนึ่งที่พวกเราสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยพวกเรา เมื่อเสียงมันเริ่มเปลี่ยน จากโทนต่ำเป็นสูงเสียงเฉียบแหลมที่วิ่งผ่านเครือข่าย มันทั้งสวยและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน เราทิ้งการผจญภัยของเราไปทันที ฉันคิดว่ามันคือหายนะซะด้วยซ้ำ ซึ่งน่าสนุกมากถ้าได้เห็นจากข้างใน และวิ่งไปตามหน้าเว็บเพื่อหาที่มา

แล้วเราก็เจอมันในเซิร์ฟเวอร์เล็กๆที่ไหนสักแห่งในโซเวียต รัสเซีย กลุ่มข้อมูลที่กำลังขยายตัว และมีเสียงเต้นเหมือนหัวใจ เรายืนอยู่ตรงนั้นสักครู่ เฝ้ามองมัน ก่อนจะถลาตัวเข้าไป เปิดโปรแกรมมันออก ปลดปล่อย… เดอะแฟคทอรี มันช่างสวยงาม มีชีวิต มีเสียงหัวใจ เคลื่อนไหวผ่านแฟ้มข้อมูลมากมายอย่างง่ายดาย ค้นหา… อะไรก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ มันพยายามจะสื่อสารกับพวกเรา มันลบเพื่อนในกลุ่มฉันทิ้งไปคนหนึ่ง ฉันไม่อายเลยที่จะกล่าวว่า ฉันวิ่งหนีออกมา พยายามทำทุกอย่างเพื่อปิดกั้นมัน

ตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกถึงมันได้ ตอนนี้มันใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มีอำนาจมากกว่าเดิม สามารถที่จะควบคุมเครื่องจักรในโลกความเป็นจริงได้ และสร้าง… ฉันก็ไม่แน่ใจว่าอะไร แต่ฉันไม่เชื่อใจมัน

ให้ฉันช่วยอะไรอีกไหม

O5-4 บรรยายว่า:

ถ้าพวกเรารู้ว่า เดอะแฟคทอรี คืออะไร ไม่คิดรึว่าพวกเราจะพยายามหยุดมัน เดอะแฟคทอรี เป็นกลุ่มที่อันตรายที่สุดเท่าที่เราเคยเจอ และเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ยกเว้นว่ามันสร้างของประหลาด ไอ้พวกกลุ่มกวนประสาทอื่นๆนะ เรายังพอจัดการมันได้ แต่ เดอะแฟคทอรีเรอะ โอเค เดี๋ยวฉันไล่ให้ทีละอัน

พวก UIU ก็แค่ตัวตลก ไอ้แก็งเด็กหัวศิลป์ก็แค่เด็กเหลือขอมีตังค์ที่พยายามจะเล่นตลก MickeyDees (MC&D) เอาเงินฟาดหัวมันก็จบ ไอ้ก็อคแก๊ก (GOCC) ที่จริงพวกนี้ก็ช่วยเราจัดการกับสิ่งที่เราไม่อยากยุ่งนะ ไอ้โบสถ์บ้าบอทั้งสองแห่งนั่นก็มุ่งมั่นแต่ทำตามความเชื่อของตน เราจัดการสลายกลุ่มพรอมเมธี ไปแล้ว เป้าหมายต่อไปก็วันเดอเทนเมนต์ แต่เดอะแฟคทอรี ยังอยู่ข้างนอกนั่นที่ไหนสักแห่ง สร้างของแปลกๆ ออกมาเรื่อยๆ และส่งให้คนธรรมดาข้างนอกนั่นได้ใช้มัน

ถ้าฉันสามารถควบคุมอะไรแถวนี้ได้ ฉันจะสั่งให้ใช้ทรัพยากรมากกว่านี้อีกโขในการหาว่าไอ้เวรนี่มันเป็นใคร และมันสร้างของพวกนี้ขึ้นมาได้ไง

O5-5 พูดเลี่ยงๆว่า:

แฟคทอรี มีจริงซะที่ไหน ก็แค่เรื่องบังหน้าสำหรับ SCP ที่เราดันสร้างขึ้นมาซะเอง ที่นี้ไสหัวไป

O5-6 ระลึกได้ว่า:

ครั้งแรกที่ฉันพบ เดอะแฟคทอรี คือสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฉันถูกส่งไปยังแดนของศัตรูเพื่อเก็บกู้วัตถุเหนือธรรมชาติบางอย่างที่ฮิตเลอร์พยายามรวบรวมอยู่ ก่อนที่สหพันธมิตรจะได้มันไป สมัยนั้นพวกเราคิดว่าการทำงานของเรามันจะง่ายกว่าเยอะถ้าไปขโมยมาจากศัตรูแทนที่จะเป็นพวกเราเอง แต่สมัยนี้แค่กดดันรัฐบาลนิดหน่อย และบูม ได้มาแล้ว

ช่วงนั้นฉันก็เข้าๆออกๆแดนศัตรูอยู่หลายครั้ง มีตัวตนปลอมที่แสนวิเศษเป็นนายทหารของหน่วยชุทซ์ชทัฟเฟิลที่ทำให้ฉันเดินไปไหนก็ได้ตามใจชอบ เพราะไม่มีใครกล้าถามฉัน และเสี่ยงกับการถูกตรวจสอบ ในครั้งสุดท้ายฉันได้ยินว่ากลุ่มทูเล่ ได้บางอย่างที่สุดยอดมา บางอย่างที่สามารถเปลี่ยนทิศทางของสงครามได้ ฉันเลยได้รับเลือกให้แฝงตัวเข้าไป และดูว่าควรจะเก็บมันกลับมา หรือทำลายมันทิ้ง

สิ่งแรกที่ทำให้ฉันรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติคือตอนที่ตุ๊กตาพันช์และโจดี้โหลหนึ่งโจมตีฉันขณะที่ฉันกำลังสำรวจโกดัง ไอ้เปี๊ยกตัวแสบพวกนั้นใช้ไม้เท้าตีหัวเข่าฉันหัก แล้วก็รุมอัดฉันซะน่วม ฉันโชคดีคว้าชะแลงมาได้ และฟาดมันไปที่คอไม้เล็กๆของมัน ไอ้ตุ๊กตาเวรนั่นเลือดไหลสาดกระเซ็นไปทั่วยังกับหมูโดนเชือด ทุกตัวมีตรา “เดอะแฟคทอรี” ประทับไว้ที่ด้านหลังของมัน แต่นอกจากพวกนั้นที่ซุ่มโจมตีฉันแล้ว ฉันก็ไม่เจออย่างอื่นอีก

ฉันหาต้นตอของข่าวลือไปทั่วเยอรมันจนถึงโบราณสถานแห่งหนึ่งที่ตีนเขาซุคสปิตเซ เป็นที่บูชาเทพนอร์สหรืออะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ช่างแมร่งยังกับฉันจะรู้ ยิ่งไม่ค่อยสนใจประวัติศาสตร์ของสิ่งที่ไม่เหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันอยู่ด้วย ยังไงก็แล้วแต่ฉันไปถึงที่นั่น และภายในภูเขานั่นแทบจะเป็นรูโบ๋ และมีหินกลมๆก้อนใหญ่หลายก้อนลอยไปมาเป็นรูปร่างแบบสุ่ม นักวิจัยของทูเล่สามารถคิดหาวิธีนำพลังของมันมาใช้ได้ และกำลังยอกล้อกันเพื่อใช้มันสร้างวัตถุใหม่ๆ พวกนั้นนั่นแหละที่สร้างแฟคทอรีเฮงซวยนั่น

สิ่งที่ตามมาก็เป็นเรื่องปกติ ฉันช่วยโลกไว้ ทำให้หินนั่นร่วงลงมา ทำลายพลังอำนาจของมันทั้งหมด น่าเสียดายที่มันยังมีที่อื่นอีก มันยังมีอีกหลายที่ ที่กำลังสร้าง ว่าไงดี อะไรสักอย่างเท่าที่คนๆหนึ่งจะคิดได้

แน่นอนว่าฉันมีเก็บของที่ระลึกไว้ คิดว่าพวกเราได้ 672 มาจากไหนละ

O5-7 ให้ความคิดเห็นไว้ว่า:

เริ่มแรกเลย เดอะแฟคทอรี มันก็แค่เรื่องตลก พวกเราแค่ทำวัตถุชิ้นเล็กๆ 2-3 ชิ้นที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แค่รูปร่างประหลาดเล็กน้อย และแปะตรา “เดอะแฟคทอรี”ไว้ จากนั้นก็ส่งให้นักวิจัยรุ่นใหม่ไปวิจัยดู พวกนั้นมั่นใจเลยว่ามันเป็นวัตถุเหนือธรรมชาติ เพราะพวกเราบอกว่ามันเป็นยังงั้น แต่ไม่มีใครเลยที่จะแปลกใจได้มากไปกว่าฉันเมื่อไอ้วัตถุบ้านั่นดันเสือกทำอะไรได้จริงๆ

เราทั้งศึกษามัน ทดลองมัน และมันคงงี่เง่าสิ้นดีถ้าไม่ให้มันเป็น SCPs ดังนั้นเราจึงลองอีกครั้งกับกลุ่มนักวิจัยอีกกลุ่มหนึ่ง และก็ได้ผลเหมือนเดิม เราลองศึกษาตัวตราที่เราใช้ วัสดุที่ใช้สร้างของ อะไรก็ตามที่เราศึกษาได้ แต่ถ้าเฉพาะตัวมันเองก็แค่ของธรรมดา แต่ถ้าประทับวัตถุด้วยตราเฉพาะ และบูม มันกลายเป็น SCP ซะงั้น

เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมหรือเพราะอะไรมันถึงเป็นยังงั้น มีบางครั้งบางคราวที่ฉันไปที่วอร์ล มาร์ท หยิบเอาของเล่นมาหยิบมาหนึ่งจากตู้ยอดเหรียญ แปะตรา และโยนมันให้นักวิจัยรุ่นใหม่เพื่อที่จะดูว่าเราจะได้อะไรกลับมา มันเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมในการคัดเอาพวกโง่ออก

O5-8 อ้างอิงว่า:

พวกเราพบ เดอะแฟคทอรีบนดวงจันทร์

ไม่ จริงๆนะ

คืองี้เรามีศูนย์อัลฟ่าบนดวงจันทร์เตรียมพร้อมใช้งาน ตอนนั้นพวกเรากำลังขยายพื้นที่กักเก็บใต้ดิน แล้วพวกขุดเจาะก็ไปพบกับถ้ำที่มีคนขุดไว้ก่อนแล้ว เป็นโกดังเก็บเทคโนโลยีเอเลี่ยนอะไรสักอย่าง คนแรกที่เข้าไปถูกยิงด้วยลำแสง เช่นเดียวกับอีก 12 คนถัดมา มีคนเข้าไปทั้งหมด 14 คน และทุกคนก็ถูกยัดใส่เครื่องจักรกันหมด แล้วมันก็เริ่มทำงาน สร้างวัตถุออกมาหลายชิ้นต่อหลายชิ้น และสุ่มส่งมันไปที่ต่างทั่วโลก

ตอนนี้เราก็ยังหาวิธีหยุดมันไม่ได้ หรือหาทางตามรอยว่ามันส่งวัตถุไปเก็บไว้ที่ไหน

O5-9 ให้ความเห็นว่า:

แอตแลนติส

O5-10 ชี้แจงว่า:

พวกเราพบเขาในวัดเก่าแห่งหนึ่งที่ทิเบต ชายแก่คนหนึ่งในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเครื่องมือโบราณกำลังทำงาน สร้างวัตถุที่น่าเหลือเชื่อที่สุด… ทั้ง 50 10 127 และอื่นอีกมากมาย เขาดูจะไม่สนใจคำร้องขอหรือความพยายามใดๆในการหยุดเขา เขาเอาแต่สร้างของพวกนี้ต่อไป

ดังนั้นเราจึงทำสิ่งที่คนอื่นๆก็คงทำ เราลักพาตัวเขามา จับขังไว้ที่ส่วนลึกสุดของศูนย์-1 และให้เครื่องมือใหม่และใช้งานได้ดีกว่าเพิ่มให้เขา เราไม่ทันสังเกตว่าเขาติดตรา “เดอะแฟคทอรี” ลงไปเมื่อไร เราเพียงแค่ใช้ หรือกักกันของเล่นสุดวิเศษพวกนั้น

เราไม่รู้เลยว่าเขาสร้างร่างก็อปปี้ของตัวเองทิ้งไว้และหนีออกไปจนกระทั่ง2ปีให้หลัง

O5-11 คุยโวว่า:

คุณไม่รู้เหรอว่าฉันอยู่ที่นั่นตอนที่เดอะแฟคทอรี ปรากฏตัวครั้งแรก เพราะงี้ไงฉันถึงเป็น O5 โอเค นั่นไม่ใช่เพียงเหตุผลเดียว ฉันเองก็ทำงานไต่เต้าขึ้นมาด้วย แต่ฉันเป็นคนแรกที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อพวกนั้นลงจอดนะ รอสเวลล์ นิว เม็กซิโก 4 กรกฏาคม 1947 ใช่ นายได้ยินถูกแล้ว มียานเอเลี่ยนลงจอดวันนั้นจริงๆ และใช่ เราปิดเรื่องนี้ไม่มิดจริงๆ แต่เดี๋ยวนี้เราก็เก่งขึ้นกว่าเดิมมาก เรียนรู้วิธีจัดการเอกสาร และจ้างนักทฤษฏีสมคบคิดมาไว้เอง เพื่อทำให้เรื่องจริงมันฟังดูเหลวไหล… แต่ฉันเริ่มพูดนอกเรื่องแล้ว

พวกนั้นมาด้วยจานบินจริงๆ ยานทรงกลมที่ไม่มีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษ ที่บินตรงมายังศูนย์-12 ในฐานะผู้บังคับบัญชา ฉันหามาตรการป้องกันตนเองทุกวิธีมาใช้ และเดินไปพบพวกนั้น ในหัวฉันไม่มีความคิดแม้แต่นิดเดียวว่าพวกนั้นจะทำร้ายเรา บางทีฉันอาจจะอ่านนิยายวิทยาศาสตร์มากเกินไป

พวกนั้นลงจอดได้นุ่มอย่างที่ฝันไว้ ไม่มีเสียงแม้แต่เล็กน้อยเมื่อยานลำยักษ์นั่นแตะพื้น มันไม่มีรอยเชื่อม ไม่มีแสงไฟ ไม่มีอะไรเลยเว้นแต่ผิวเงินราบเรียบและไม่สะท้อนแสงนั่น คนของฉันพยายามห้ามไม่ให้ฉันเข้าใกล้มัน แต่ฉันกลับคิดว่าถ้าพวกนั้นสามารถบินหลายล้านไมล์ข้ามอวกาศมาได้ พวกนั้นก็คงมีเทคโนโลยีที่จะระเบิดพวกเราเป็นเสี่ยงๆไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ฉะนั้นฉันจึงเข้าไปหาพวกนั้นด้วยมือเปล่า

แล้วประตูเปิดออกจากด้านข้างของยานมาตรงหน้าฉัน ราวกับมันละลายออกมาจากตัวยาน ให้โอกาสฉันได้เห็นพวกนั้นเป็นคนแรก พวกนั้น… ไม่รู้สิ ฉันอยากบอกว่าพวกนั้นสวยงาม แต่แบบว่ามันก็ไม่ใช่ พวกนั้นดูไม่เหมือนมนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงพวกนั้น ความจำฉันเหมือนจะเพี้ยนไปเล็กน้อยตรงที่ว่าพวกนั้นเป็นตัวบ้าอะไรกันแน่ และวิธีที่พวกนั้นสื่อสาร มันเหมือนกับผ่านหูและเข้าไปถึงสมองโดยตรงเลย พวกนั้นสัญญา จะว่าไงดี พวกนั้นสัญญาไว้เยอะ พวกนั้นอยากจะช่วยพวกเรา และฉันก็เชื่อพวกนั้น

หลายปีผ่านไป พวกเราก็ยังต้องตามเก็บกวาดความผิดพลาดของฉัน

O5-12 สรุปว่า:

เดอะแฟคทอรี เป็นเรื่องที่มั่วไปหมด จากที่พวกหัวกะทิอธิบายให้ฉันฟัง ความเชื่อของมนุษย์เป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก ถ้ามีคนที่เชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแท้จริงมากพอ มันก็ยิ่งมีพลังที่จะเกิดเป็นตัวตนมากเท่านั้น ดังนั้นในอดีตที่ผู้คนเชื่อเรื่องพระเจ้าและสัตว์ประหลาด มันจึงมีตัวตนขึ้นมา สิ่งที่องค์กรทำก็คือทำให้ผู้คนเลิกเชื่อในจิตนาการ และหันมาเชื่อวิทยาศาสตร์แทน

แต่นั่นก็ทำให้พวกที่มีตัวตนอยู่แล้วหลายตัวอยู่ในภาวะสับสน เพื่อที่จะมีชีวิตรอด พวกนั้นจึงเปลี่ยนตัวเองตาม ผูกมัดตัวเองหรือพลังของพวกมันกับวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่ง และเพราะความเชื่อที่ผิดเพี้ยนของมนุษย์ วัตถุเหล่านั้นก็ได้ตราประทับอนุมัติในแบบเดียวกัน ฉันรู้มันประหลาด แต่ถ้ามันไม่ประหลาดแล้วเราจะทำอะไรกิน

การสรุปความ:

ทีนึ้พวกคุณก็รู้แล้ว แน่นอนว่าเมื่อมาถึงตอนจบ พวกคุณคงมีคำถามว่า

1) เรื่องไหนกันแน่ที่จริง

2) ทำไมชื่อเรื่องถึงเขียน “12 เรื่องเล่า” ในเมื่อมีแค่ 11

คำตอบของทั้งสองคำถามอยู่ที่เรื่องเล่าของฉันเอง คุณอาจจะไม่รู้ แต่ที่จริงฉันคือ O5-13 ตอนนี้คุณคงยังไม่เห็น แต่ฉันจะเปิดหมวกให้คุณดู หน้าที่ของฉัน หน้าที่เพียงหนึ่งเดียวของฉันในฐานะ O5 คือการจับตาดูพวก SCPs ที่สามารถเดินทางข้ามมิติได้ พวกเราเองก็พอมีอยู่บ้างที่ศูนย์-1 และ 2 แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ที่ฉันสร้าง เดอะแฟคทอรีขึ้นมาก็เพื่อเป็นเครื่องป้องกันการบุกรุกมาเป็นจำนวนมากของผู้บุกรุกจากต่างมิติ เมื่อมันตรวจจับได้ถึงบางสิ่ง ถ้ามันไม่ปลอดภัยก็จะปรับเปลี่ยน และแปรสภาพพวกมัน ให้พวกมันปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม

แน่นอนว่าพวกคุณไม่ต้องเชื่อฉันก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วใครว่าฉันรู้ความจริง

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License